คิดดี พูดดี ทำดี เพื่อโลกที่ดีของเรานะคะ
Group Blog
 
<<
กันยายน 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
13 กันยายน 2556
 
All Blogs
 
1 กันยายน 2556

วันแรกของการรับน้องในรอบ 6 สัปดาห์ หลังบ้านปากเกร็ดงดรับน้องเนื่องจากโรคมือเท้าปาก ต่อด้วยอีสุกอีใส  พี่ทุกคนพร้อมใจกันบอกว่า คิดถึงน้องมาก เราก็เหมือนกัน เปิดให้รับปุ๊บก็ว่ิงแจ้นไปทันที ไปตอนบ่าย คิดว่าคนคงน้อย แต่ที่ไหนได้ เยอะอยู่นะ  ไม่มีที่จอดรถกันเลยทีเดียว  ต้องไปจอดสนามหลัง แม่ก็ตาไวมาก ตะโกนมาทันทีว่า พี่บิ๊กมา  กำลังเก็บของท้ายรถ วันใหม่ก็เดินดุ๊ก ๆ มาหา  ตอนบ่ายนี้แดดแรง และเราก็มาจากเกษตร จากสอนน้อง ๆ ทำคุกกี้  เลยไม่มีอุปกรณ์อะไรมาสักอย่าง ต้องเดินกลับไปเอาหมวก   วันนี้ที่ตึกแปดก็เป็นแดนหวงห้าม  ห้ามพาน้องจากตึกอื่นเข้ามาเลย เป็นแดนกักโรคอีสุกอีใส จนกว่าจะหมดเคอร์ฟิว

พี่มาเยอะมากมากค่ะ โดยเฉพาะตึก 5 ตึก 6  ที่รู้จักก็มีพี่วามารับโก้  แล้วก็พี่ของน้องตี๋ ซึ่งเพิ่งจะได้เจอกันวันนี้วันแรก
พี่ของฟ้าใสก็มา

วันนี้เหตุการณ์หลัก ๆ ก็คือ ความคาดหวังที่ว่า ไม่ได้เจอกันนาน ๆ แบบนี้  มาเจอกันอีกทีต้องพูดไม่รู้เรื่อง แผลงฤทธิ์อีกแน่ ๆ  ปรากฎว่าเราคาดผิดแฮะ เค้ายังมีวินัยและรู้งานดีเหมือนเดิม  โดยเฉพาะการสวดมนต์ ซึ่งไม่ต้องเตือนเลย พาเราเดินไปตรงม้านั่งหน้าโรงนม แล้วก็ปีนขึ้นตักเรา ที่ขำคือ เราพนมมือ เค้าเอามือเค้าแทรกมาพนมระหว่างมือของเรา เป็นโมเม้นท์ที่น่ารักมากอ่ะ เหมือนเค้าจำได้ว่าพี่บิ๊กต้องพาเค้าพนมมืออีกที

แต่ความน่ารักดูเหมือนจะมีเพียงแค่นั้น  วันนี้เสียเวลาไปกับการหลอกตัวเองและไม่ยอมรับความจริงว่าจักรยานมันเสียและซ่อมไม่ได้  คือเธอจะฝังใจนักหนา ว่าจักรยาน "ของวันใหม่" คือจักรยานสีชมพูลายคิตตี้ เค้าจะพุ่งไปหาแล้วพร่ำบอกว่า "ของวันใหม่ ๆ "  เราก็พยายามแก้เสมอว่า ไม่มีอะไรเป็นของใครหรอกครับ ทั้งหมดนี้เป็นของแม่ ให้หนูยืมขี่เท่านั้น   เค้าก็ไปลากมันออกมา แต่ปรากฎว่า ล้อพยุงมันหักไปข้างนึง เหลือเพียงข้างเดียว เราก็เลยบอกว่า "มันพังครับ เอาคันที่มันไม่พังดีกว่า"  แล้วเราก็เลือกคันดี ๆ ออกมาคันนึง เค้าก็บอกว่า "ไม่เอา" พยายามจะเอาคันคิตตี้ออกมาให้ได้ พอเอาออกมา มันก็ตั้งได้แต่เอียงไปข้างนึง เพราะล้อพยุงมีเพียงข้างเดียว  เค้าก็กลับเข้าไปแล้วก็กลับออกมาพร้อมด้วยล้อพยุง  เค้าเอามันมาพยายามติด ๆ ที่ตำแหน่งล้อพยุงที่หายไป เราเข้าไปดูแล้วก็บอกว่า "ล้อนี้ไม่ใช่ของคันนี้หรอกครับ มันใหญ่กว่าอีกล้อนึงตั้งเยอะ แล้วอีกอย่าง พี่บิ๊กก็ซ่อมไม่เป็นนะ  จะทำยังไงล่ะ"  เค้าก็พยายามจะเอาล้ออันนั้นไปใส่ตรงตำแหน่งให้ได้ พยายามอยู่หลายท่าทีเดียว แต่ยังไงมันก็ไม่ได้อ่ะ    ตลอดเวลาเรานั่งมองเฉย ๆ พยายามไซโคว่า  "ของเสีย ยังไงก็คือเสีย พี่บิ๊กได้หาคันที่ไม่เสียให้แล้ว แต่วันใหม่ไม่ยอมรับเอง"   หรือ  "นี่ถ้าวันใหม่ยอมรับว่ามันเสีย แล้วก็ไปเอาคันอื่น เราก็ได้ไปเล่นนานแล้ว ไม่ต้องมัวเสียเวลาซ่อมอยู่แบบนี้"   ตี๋มาเอาจักรยานคันที่ใช้ได้แล้วขี่ไป  เราเลยชี้ให้วันใหม่เห็นว่า "เห็นมั๊ยครับ ตี๋เค้าเห็นว่าจักรยานคันอื่นเสีย แล้วเค้ายอมรับ เค้าก็ได้ขี่จักรยานดี ๆ ไปเล่นแล้ว  ไม่เหมือนกับวันใหม่ที่ไม่ยอมรับความจริง"   ฮ่า ฮ่า  เธอหาฟังไม่  ก้มหน้าพยายามเอาล้อไปติด แล้วพึมพำอะไรก็ไม่รู้  เราเลยยื่นหน้าเข้าไปถามว่า "วันใหม่พึมพำอะไรอ่ะครับ" เธอตะโกนออกมาสุดเสียง (จนเราตกใจ) ว่า "ซ่อม!!!"   พอหายตกใจเราก็พูดเรียบ ๆ ว่า "พี่บิ๊กบอกแต่แรกแล้วว่าพี่บิ๊กซ่อมไม่ได้  ถ้าวันใหม่คิดว่าวันใหม่ซ่อมได้ หนูก็ต้องซ่อมเองครับ พี่บิ๊กไม่ยุ่งด้วย"  เธอก็ก้มหน้างุด ๆ ซ่อมต่อไป  เราไซโคต่อ  "โอเคนะ  พี่บิ๊กนั่งดูอยู่ตรงนี้  ดีครับ พี่บิ๊กนั่งเฉย ๆ ไม่เหนื่อยด้วย"  หรือ "ยอมรับรึยังว่ามันเสีย"  เราถามประโยคนี้บ่อยมาก แรก ๆ เธอจะตอบว่า "ไม่เสีย"  แต่ถามเยอะ ๆ เข้าตอนหลังหลุดพยักหน้า  คือเหมือนจริง ๆ เค้าก็รู้แหล่ะว่ามันเสีย แต่ฟอร์มเยอะ จะเสียฟอร์มยอมรับไม่ได้  
จะว่าตลกก็ตลก จะว่าเพลียก็เพลียนะ 

สุดท้ายเธอก็ถอดใจเอาล้อพยุงไปเก็บ  แล้วประคองจักรยานขึ้น เราแปลกใจ

"อ้าว แล้ววันใหม่จะขี่ยังไงอ่ะครับ"

แทนคำพูด เธอก็ขึ้นขี่เลย!!!!  แต่แน่นอนว่าพอมันมีล้อเดียว ยังไม่ทันจะได้ปั่น มันก็ตะแคงไปอีกข้างนึง จึงทุกลักทุเลมาก  เราก็เดินนำหน้าแล้วบอกว่า "ถ้าคิดว่าขี่ได้ก็ขี่มานะครับ พี่บิ๊กไปล่ะ"  แล้วก็เดินนำไปไกล ๆ เธอก็ขี่แบบทุลักทะเลอย่างนั้นมาได้นะ ขี่แล้วเอียง ขี่แล้วล้ม มาได้ถึงลานข้างตึกสี่ 
เราเข้าไปถามอีกทีว่า "ตกลงมันเสียมั๊ยครับ  จะเอาไปเก็บมั๊ยครับ" 
เธอตะโกนมาว่า "ไม่เสีย" 
เราบอก "ถ้าไม่เสียมันก็ต้องขี่ได้คล่องสิครับ แต่นี่ขี่แล้วก็เอียง ขี่แล้วก็ล้ม ก็แปลว่าเสีย" 
วันใหม่บอก "ไม่เสีย"     
เราบอก "ถ้างั้นวันใหม่ก็ต้องพิสูจน์สิ ถ้ามันไม่เสียก็ต้องขี่คล่อง ถูกป่ะ"

คำพูดสุดท้ายเหมือนเป็นแรงฮึด เธอขึ้นขี่ แล้วปั่นทีเดียวไปจนถึงตึกสองเลย!!!!  เรามองตามอย่างประหลาดใจมาก เฮ้ย...มันไปได้ไงวะ  เราเดินตามไป ครูฝนเดินสวนมาพอดี  เราบอกครูฝนว่าแปลกใจ วันใหม่ขี่ได้ไง  ครูฝนบอกว่า ก็ขี่ให้น้ำหนักเอียงไปข้างนึงไงคะ  เออเฮะ...น้องชั้น  มุ่งมั่นดีเหลือเกิน!!!!

วันนี้เสียเวลาไปกับการปลุกปั้นจักรยานเกือบชั่วโมง  ก็ได้เวลากินข้าวแล้ว วันนี้ปูเสื่อกินตรงลานหน้าบ้าน วงใหญ่เชียว พี่วาให้เงินโก้ กับฟ้าใสคนละบาท  พอวันใหม่เข้าไปแจม ฟ้าใสบอกว่า "วันใหม่ยังไม่ได้"  พี่วาหัวเราะแล้วเอาบาทนึงมาให้วันใหม่ด้วย  ฟ้าใสติดปากเรียก "วันใหม่จ๋า ๆ" ใหญ่เลย   เราเลยแกล้วแซวถามวันใหม่ว่า "วันใหม่รักฟ้าใสมั๊ย"  วันใหม่ตอบว่า "รัก"  เป็นไงล่ะ...น้องชั้น

ตอนกินข้าว พี่ของตี๋ถามว่า วันใหม่เพิ่งมีพี่เหรอคะ
เรา   ไม่นะคะ  ก็เลี้ยงเค้ามาตั้งแต่แปดเดือน
พี่ของตี๋    ไม่เห็นเคยเจอเลยค่ะ
เรา    อ๋อ ปกติมาวันธรรมดาค่ะ  เพิ่งสองเดือนมานี้ต้องเปลี่ยนมาเป็นเสาร์อาทิตย์ เพราะเขาไปโรงเรียน
พี่ของตี๋  อ๋อ มิน่าไม่เคยเจอกันเลย  ได้แต่มองวันใหม่ เพราะเค้าจะฉลาดและแสบมากในบ้าน  เวลาไปรับตี๋ เค้าจะบอกได้ว่าเพื่อนคนไหนอยู่ตรงไหน  ใครทำอะไร บอกได้หมด แสบมาก ๆ เลย

คุณวันใหม่เธอฟังถึงตรงนี้เธอยิ้มแป้นและหัวเราะออกมาเสียงดัง

เรา   วันใหม่ครับ  คำว่าแสบ ไม่ใช่คำชมนะครับ  แปลว่าหนูซน
วันใหม่สลดไป

ตอนกินข้าวมีพี่บางคนเค้าพาน้องไปเล่นรถไฟโยก  แต่วันใหม่เค้ารู้ว่าเค้าต้องกินให้เสร็จก่อน ก็กินเสร็จเป็นคนสุดท้าย แต่ไม่เป็นไร  (อ้อ มีส้มเป็นของหวาน ซึ่งเธอบ้วนเม็ดส้มออกมาได้เอง)  ทุกคนเค้าไปกันหมดแล้ว วันใหม่ร้องอยากเล่นรถไฟโยก  เราก็โยกรถไฟให้  เค้าไปนั่งตรงหัวขบวน แล้วทำมือเหมือนอยากให้เราไปเข็นรถไฟตรงท้ายขบวน แต่เราไม่รับมุก เลยเข็นอยู่ตรงข้าง ๆ เค้า  เค้าคงอดรนทนไม่ได้ ลงจากที่นั่ง แล้วไปทำท่าเข็นท้ายขบวนให้เราดู  เราเลยแกล้งขึ้นไปนั่งบนรถไฟ แล้วตบมือดีใจ  "เย๊ ๆ  วันใหม่ใจดีจัง  เข็นรถไฟให้พี่บิ๊กนั่ง  ปู๊น  ๆ  ๆๆๆๆ"  พี่เล็กเดินป้อนข้าวน้องผ่านมา  เห็นแล้วหัวเราะใหญ่  น้องเข็น พี่นั่ง ฮ่า ฮ่า  พี่เล็กบอกว่า "แรงเยอะจังวันใหม่" 

เล่นรถไฟเบื่อก็จะไปขี่จักรยานต่อ  ขี่มาได้ถึงลานตึกหก ก็พบว่าทุกคนเค้าไปเล่นในลานนั้น วันใหม่เลยเข้าไปเล่นด้วย ก็เล่นเตะบอลซะส่วนมาก มีดราม่าหน่อยนึงคือเธอวิ่งเร็วเกินไปไปชนน้องตึกห้าอีกคนนึงร้องไห้ เราก็พามาขอโทษ เธอไม่ยอมขอโทษ ทิ้งตัวลงจะร้องไห้ เราต้องรีบอุ้มลุกขึ้นมาทำท่าขอโทษ  แล้วพาไปอธิบายว่าทำไมเราต้องขอโทษ ก็ทันกาลอยู่ ก่อนที่เธอจะดราม่าไปมากกว่านี้

ได้เวลาเพื่อนกลับมา เข้าบ้านพร้อมเพื่อนกลุ่มใหญ่ ไม่ร้องไห้ สถานการณ์เป็นไปด้วยดี

 

 

 





Create Date : 13 กันยายน 2556
Last Update : 13 กันยายน 2556 19:11:40 น. 0 comments
Counter : 495 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Teacherbik
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไลฟ์สไตล์ธรรมดา สำหรับคนที่ชีวิต
มีมากกว่าการทำงานและหาเงิน
New Comments
Friends' blogs
[Add Teacherbik's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.