|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
"สะเลเต" /"มหาหงส์"
ภาษาถิ่นอีสาน "สะเลเต" ก็คือ "มหาหงส์" นั่นแล เป็นพืชล้มลุก ชื่อวิทยาศาสตร์ Hedychium coronarium J.G. Koenig อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE
ชื่อสามัญ Butterfly Lily, Garland Flower, White Ginger สำหรับภาษาไทย แต่ละท้องถิ่นมีชื่อเรียกแตกต่าง ภาคกลางเรียกมหาหงส์ หางหงส์ กระทายเหิน ว่านมหาหงส์ ก็เรียก ภาคเหนือเรียกตาห่าน เหินแก้ว เหินคำ ระยองกับจันทบุรีเรียกเลเป ลันเต ส่วนอีสานเรียกสะเลเต...แม่นแล้ว
ไม้หัวล้มลุก มีเหง้าคล้ายขิง ข่า ลำต้นอยู่ใต้ดิน ส่วนที่โผล่พ้นดินขึ้นมาแท้จริงเป็นก้านใบที่มีความยาวมาก เช่น เดียวกับกล้วยซึ่งมีลำต้น (เหง้า) อยู่ใต้ดิน และชูกาบใบพ้นดินเป็นเหมือนลำต้น กาบในหรือลำต้นเทียมของมหาหงส์อาจสูงได้ถึง 2 เมตร เมื่อสมบูรณ์เต็มที่ แต่ปกติสูง 1-1.5 เมตร มีใบแยกออกสลับตรงข้ามกันเป็นระเบียบในแนวเดียวกัน เป็นใบเดี่ยว เส้นใบขนานกัน ขนาดกว้าง 4-9 เซนติเมตร ยาว 35-60 เซนติเมตร สีเขียวสด
ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด ช่อละ 3-6 ดอก แต่ละดอกมี 3 กลีบ ด้านบน 1 กลีบ เป็นกลีบใหญ่ ปลายกลีบเว้าลงเป็นรูปตัววี (V) คล้ายนำ 2 กลีบมาประกบกัน ด้านล่างเป็นกลีบเล็ก 2 กลีบ ดอกยาวประมาณ 5 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางดอกประมาณ 10 เซนติเมตร มีเกสรตัวผู้เป็นหมัน 3 ก้าน อยู่ใต้กลีบดอก และเกสรตัวผู้สมบูรณ์ 1 ก้าน อยู่กลางดอก กลีบดอกสีขาวหรือขาวแกมเหลือง ดอกจะทยอยบานจากด้านล่างขึ้นด้านบน แดดแรงจะโรยภายในวันเดียว แต่หากตัดมาแช่น้ำในร่มจะอยู่ได้ 3-4 วัน
การขยายพันธุ์นิยมแยกหน่อเช่นเดียวกับข่า หรือพุทธรักษา มหาหงส์ชอบพื้นดินชื้นแฉะหรือน้ำขัง แต่ก็อาจปลูกในที่แห้งหรือในกระถางได้เช่นกัน โดยต้องให้น้ำมากเป็นพิเศษ จึงจะออกดอกได้ดี
สรรพคุณยาของมหาหงส์ในตำราแพทย์แผนไทยมีว่า หัวใต้ดิน (เหง้า) ใช้ต้มเป็นยากลั้วคอแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ น้ำคั้นจากหัวใต้ดินใช้ทาแผลฟกช้ำบวม แต่ประโยชน์หลักคือปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ เพราะเป็นพืชพื้นบ้านในเขตร้อนชื้นของเอเชีย ปลูกง่าย โตเร็ว แข็งแรง ทนทานต่อดินฟ้าอากาศ โรคแมลง อายุยืนนาน สามารถแผ่ขยายหน่อเป็นลำต้น (กาบใบ) ใหม่ไปได้เรื่อยๆ เพียงที่ดินที่สมบูรณ์ด้วยปุ๋ยธรรมชาติ และมีน้ำให้ความชุ่มชื้นเพียงพอ
ดอกหอม มีตลอดปี รูปทรงเหมือนหงส์เหิน โดยเฉพาะยามบานเต็มที่มองคล้ายล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างงามสง่าเพราะถูกชูช่อขึ้นตรงปลายยอด คือที่มาของชื่อ "มหาหงส์" อันเป็นนกในวรรณคดี ตระกูลสูง เสียงไพเราะ เป็นพาหะของพระพรหม โบราณท่านว่ายังเปรียบได้กับลีลางดงามอ่อนช้อยด้วย
ข้อมูล //www.matichon.co.th/youth/youth.php?tagsub=031110&tag950=03you30201248&show=1
Create Date : 19 มีนาคม 2552 |
|
4 comments |
Last Update : 19 มีนาคม 2552 14:40:33 น. |
Counter : 1833 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: sarntee วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:18:20:19 น. |
|
โดย: endless man วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:19:52:44 น. |
|
โดย: mutcha_nu วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:21:32:39 น. |
|
| |
|
Mitake |
|
|
|
|