ดองบล็อกกลายเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว :D
ชวนทำ Lady Fingers สูตรง่าย ๆ กันค่ะ ... ขนมนี้ทำมาหลายสูตร เราพบว่าสูตรนี้ไม่ยุ่งยากดี เป็นสูตรของ Le Cordon Bleu ... การตีและผสมไข่อาจจะแปลกกว่าปกตินิด ๆ แต่ทำตามวิธีที่เขาบอกเป๊ะ ๆ ไปเลยค่ะ
Lady Fingers
Recipe Source : //www.biasrichandsweetkitchen.com/2012/01/ladyfingers-cookies.html?showComment=1327107602101#c8521563992460111206
ส่วนผสม
1. ไข่ Large 3 ฟอง แยกไข่ขาว ไข่แดง
2. น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
3. แป้งเค้ก ¾ ถ้วย (ร่อน)
4. น้ำตาลไอซิ่ง ประมาณ 4 -6 ช้อนโต๊ะ
อุปกรณ์ สำคัญ
ถุงบีบ - หัวบีบ Plain เราใช้ Wilton 1A ค่ะ
วิธีทำ
1. เตรียมถาดอบ ทาเนยหรือน้ำมัน แล้วปูด้วยกระดาษอบ Parchment Paper หากบีบไม่เก่ง (อย่างเรา ฮ่ะฮ่ะ) ก็ใช้ดินสอลากเส้นเป็นไกด์ไลน์ แล้วกลับด้านอีกทีค่ะ .... เราใช้ Silpat เลย ... ถ้าใช้ Parchment Paper อุ่นเตาอบไว้ที่ 350 F หรือ 180 C ... ถ้าใช้ Silpat เราใช้ไฟแรงขึ้น อบที่อุณหภูมิ 375 หรือ 190 C คุ้กกี้ จะได้กรอบ ๆ ค่ะ (แต่ถ้าชอบคุกกี้สีไม่เข้ม อบที่ 350 F นะคะ ผลก็ไม่ต่างกันมาก)
2. ตีไข่ขาวจนตั้งยอด ... เขาใช้คำว่า stiff เราตีเป็นได้ยอดประมาณ medium stage นะคะ คือ ไข่ตั้งยอดแข็ง ปลายโค้งนิด ๆ ผิวใส .... ค่อย ๆ ทะยอย เทน้ำตาลทรายลงผสม ตีไปเรื่อย ๆ จนไข่ตั้งยอด ผิวเนียนใสอีกที ... ระวังอย่าตีเพลินนะคะ ทำขนมเราว่าใช้สัญชาตญาณช่วยด้วยเนาะ ...
ประมาณนี้ค่ะ ....
3. ตีไข่แดงให้แตกฟองดีด้วยส้อม ... เทลงผสมกับกับเมอร์แรงค์ในข้อ 2 . ประมาณ ½ ส่วน ก่อน .. (เท ให้กระจาย ๆ หน่อยค่ะ) .. ใช้พายไม้ (เราใช้พายไม้ตามสูตรเค้าบอกนะคะ) ค่อย ๆ ตะล่อมให้เข้ากัน ตามด้วยไข่แดงส่วนที่เหลือ
4. ค่อย ๆ ร่อนแป้งเค้กลงผสม ครั้งละ ¼ ส่วน ตะล่อมให้เข้ากันดี ... ตะล่อมเบา ๆ มือ ค่ะ ระวัง ๆ หน่อย ไข่จะได้ไม่ยุบตัว (มากก ... ก็มีลดปริมาณนิดหน่อยน่ะเนาะ)
พยายามตะล่อมแป้งส่วนบนให้เข้ากับส่วนไข่ก่อน (เบา ๆ มือ) แล้วค่อยล้วงก้นอ่างขึ้นมา .... ช่วงท้ายเราใช้พายยางปาดอ่างและตะล่อมอีกสองสามครั้ง ไม่เกินนี้นะคะ เดี๋ยวแบทเทอร์จะเหลว ... อาจมีฟองอากาศหน่อยก็ไม่ต้องกังวลค่ะ (การร่อนไอซิ่งคลุมในข้อต่อไป จะช่วยอีกที) ... ข้อสำคัญอย่าให้แบทเทอร์เหลวไป
*
*
*
5. เอาแบทเทอร์ใส่ถุงบีบ (เราใช้หัวบีบ plain ของ Wilton ขนาด 1A อย่างที่เล่าข้างบน) ... บีบให้ได้ขนาดยาวตามต้องการ ของเราคุ้กกี้สูง 4 นิ้วค่ะ ... เว้นช่วงคุกกี้ให้ห่างกัน 1 ½ นิ้ว (เวลาอบขนมจะขยายขนาดขึ้นอีกที)
6. บีบเสร็จร่อนน้ำตาลไอซิ่ง ให้ทั่วหน้าขนม พักให้น้ำตาลซึมเข้าเนื้อขนมประมาณ 2-3 นาที ก่อนร่อนไอซิ่งคลุมอีกที พักให้น้ำตามซึมเข้าเนื้อเค้กอีกครั้ง*** ค่อยส่งเข้าเตาอบเลยค่ะ อบประมาณ 10 นาที แล้วกลับด้านถาด อบต่ออีก 4 นาที ... * เราพบว่าอบขนมไปทีถาด จะดีกว่าอบไปพร้อมกันสองถาด ... ขนมจะขึ้นฟูดีกว่าค่ะ
***ต้นสูตรเขาบอกให้เอาเข้าเตาอบทันทีหลังโรยไอซิ่งช่วงที่สอง แต่เราพบว่าถ้าทำตามนี้ ผิวขนมจะบางกรอบมาก ๆ แบบในรูปค่ะ ... คิดว่าหลังโรยไอซิ่งครั้งที่สอง รออีกซัก 2 นาที ให้น้ำตาลซึมเข้าเนื้อขนมอีกที ค่อยส่งเข้าเตาอบจะดีกว่า
7. พอขนมสุก เอาถาดออกจากเตา พักให้ขนม เย็นลงในถาด ก่อนแกะขนมใส่ตะแกรง พักให้ขนมเย็นสนิท ดี ... เราพบว่าขนมนี้จะกรอบมากขึ้นขึ้นในวันถัดไปค่ะ
อันนี้เป็นชุดที่ทำครั้งแรก ออกมาดีเลย ... พอทำลงบล็อกไม่ค่อยงามเท่าไหร่ แหะแหะ
ทำครั้งแรก สำหรับห่อ Honey and Lavender Opera Cake ค่ะ
พอดีทำส่วนมูส ออกมาไม่ดี เลยทำเลดี้ฟิงเกอร์ - ดรรชนีนาง ปิด อิอิ ...
อันนี้เป็น Opera Cake รสดั้งเดิม ขนมชุดเดียวกับที่ทำข้างบนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ
ลงรูปด้วย :D
ในรูปคุ้กกี้ สอดใส้ .. อันนี้เครดิตคุณพ่อบ้าน ที่ทำให้ได้ความคิดนี้ขึ้นมา ... พอดีเธอหิวขนม ค้นหาของหวาน ได้เลดี้ฟิงเกอร์ กับ Ganache ที่เหลือในตู้เย็น มาทำเป็นแซนด์วิชด์ ทาน ... เราเห็น ปิ๊งไอเดียเลย ... ทำขนมในรูปนี้ขึ้นมา ช่วยให้การทานเลดี้ฟิงเกอร์อร่อยขึ้นเยอะเลยค่ะ ... ในรูปเป็นใส้ Ganache กับ French Buttercream
ยั่ม ยั่ม :D
ท่าทางคงจะกรอบดีนะคะเนี่ย
ชอบที่เอาไปแต่งรอบตัวเค้ก สวยจังเลยจ้ะ
แบบสอดไส้ก็น่าทานที่สุด
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Travel Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Parenting Blog ดู Blog
Tristy Food Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
หม่อน ส่วนมากพี่จะเก็บกินสดๆเลยจ้ะ
ยังไม่เคยทำอย่างที่คุณฉวีบอกเลย
ไว้รอให้ผลดกกว่านี้คงได้ลองทำบ้าง
พูดถึงราสพ์เบอร์รี่แล้วอยากปลูกมากๆ
แต่หากิ่งพันธุ์ไม่ได้จ้ะ อีกอย่างบ้านเราอากาศร้อน
ไม่แน่ใจว่าปลูกแล้วจะได้ผลหรือเปล่าด้วย
ขอบคุณที่แวะชมนะจ๊ะ