อาทิตย์ที่ผ่านมา มีโอกาส ทำขนม 2 3 อย่าง สำหรับคุณพ่อบ้าน เอาไปที่ทำงาน .. มีมาการองใส้ครีมคาราเมลเค็ม - Salted Caramel Cream Macarons / เค้กมูสคาราเมลกาแฟ Coffee Caramel Mousse Cake / ทาร์ตกล้วย Banana-Cream Tarts ... แต่เสร็จทันแค่ 2 อย่างแรก 55 ... ทาร์ตกล้วย ยังนอนรอท้อปปิ้งอยู่ในตู้เย็น ... วันนี้ขอลงเรื่องราวมาการองไปก่อนนะคะ ... ครั้งต่อไป ค่อยต่อด้วย Coffee Caramel Mousse Cake สูตรอร่อย ... เค้กเยอะสิ่งหน่อย หลายขั้นตอนเลย ... มาดูวิธีทำมาการอง กันนะคะ
Slightly Adapted From:
//sweetsandloves.blogspot.com/2010/11/salted-caramel-macarons.html
(สูตรของ Pierre Hermé Italian Method)
ส่วนผสม
A. Macaron Shells
1. อัลม่อนด์ป่น 150 กรัม
2. น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม
3. ไข่ขาวส่วนที่หนึ่ง 60 กรัม
4. ไข่ขาวส่วนที่สอง 60 กรัม
5. น้ำตาลทราย 150 กรัม
6. น้ำเปล่า 40 กรัม
B. Salted Caramel Cream
1. น้ำตาลทรายส่วนที่หนึ่ง 50 กรัม
2. น้ำตาลทรายส่วนที่ 2 50 กรัม
3. วิปปิ้งครีม 165 กรัม
4. เนยสดเค็มส่วนที่หนึ่ง 32 กรัม
5. เนยสดเค็มส่วนที่สอง อ่อนตัวที่อุณหภูมิห้อง 145 กรัม
วิธีทำ
A. Macaron Shells
1. ร่อนน้ำตาลไอซิ่ง และ อัลม่อนด์ป่น ผสมให้เข้ากัน พักไว้
2. ผสมน้ำตาลและน้ำในหม้อซอสขนาดเล็ก นำไปตั้งไฟกลาง จนน้ำตาลละลาย ได้อุณหภูมิ 118 C
3. ขณะเดียวกันก็ตีไข่ขาวส่วนที่หนึ่ง 60 กรัม จนได้ยอดอ่อน รอไว้
4. เมื่อน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมได้ที่ ถึงอุณหภูมิ 118 C ยกลงจากเตา .... ค่อย ๆ รินเป็นสายต่อเนื่อง ลงผสมกับไข่ขาว มือหนึ่งริน มือหนึ่งตีน่ะค่ะ (พยามรินใส่ตรงกลางอ่างผสม น้ำเชื่อมจะได้ไม่จับเป็นเม็ดที่ขอบอ่าง) .. ช่วงแรกตีด้วยความเร็วต่ำ ตีไปซักครู่ ค่อยปรับสปีดการตีเป็นสูง ตีไปเรื่อย ๆ จนได้เมอร์แรงค์เนื้อข้น ขึ้นเงา และ ส่วนผสมเย็นดี ... สังเกตได้จากเวลาจับก้นอ่าง อ่างจะเย็น ลงที่อุณหภูมิปกติค่ะ (ประมาณ 7 - 8 นาที ... ฟังดูเหมือนนาน แต่เราลองจับเวลาแล้ว ถ้าให้เย็นสนิท บางครั้งใช้เวลา 10 นาทีตามต้นสูตรว่าจริง ๆ ค่ะ หมายถึงตีด้วยหัวตีมือถือน่ะนะคะ)
5. ตีไข่ขาว ส่วนที่สอง 60 กรัม ให้แตกฟองดี เสร็จแล้วก็เทลงผสมกับส่วนผสมอัลม่อนด์ ... คนให้เข้ากันดี จะได้ส่วนผสมเปียก ๆ หนืด ๆ หน่อยค่ะ
6. แบ่งเมอร์แรงค์ ครั้งละ 1/3 ส่วน ลงผสมกับกับส่วนผสมอัลม่อนด์ ... ครั้งแรกผสมเร็ว ๆ หน่อยก็ได้ค่ะ ไม่ถึงกับต้องระวังมาก ... ให้เมอร์แรงซึมเข้าผสมกับส่วนผสมอัลม่อนด์ คลายความหนืด เห็นบางเว็บเค้าว่ากันอย่างนี้นะคะ ... เสร็จแล้วก็ตะล่อม ไข่ส่วนที่สอง 1/3 ส่วนลงผสม ตะล่อมให้เข้ากันดี ... ตามด้วยส่วนที่เหลือ 1/3 ... ตะล่อมจนได้ส่วนผสมผิวมัน ๆ ... ไหลหนืด ๆ เหมือนลาวา ... ทดสอบโดยการตักแบทเทอร์ด้วยพายยาง แล้วปล่อยให้แบทเทอร์ไหล ถ้าแบทเทอร์ไหลเอื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง เป็นสายริบบิ้นพับไป-มา ก็ถือว่าใช้ได้แล้วค่ะ
7. แบ่งแบทเทอร์ใส่ถุงบีบ (หัวบีบกลม ขนาด ¼ นิ้ว เราว่ากำลังดีค่ะ) ... บีบแบทเทอร์ สับหว่างไปมา บนถาดอบ .. กระแทกถาด เบา ๆ ซัก 1 ครั้ง ด้วยค่ะ เสร็จแล้วก็พักไว้ให้หน้าแห้ง .... ตามสูตรเค้าพักไว้ 25-30 นาที ... สำหรับเราใช้วิธี พักไว้ จนหน้าแห้งสนิทดี เวลาเอานิ้วแตะ ... ระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับ อากาศ แวดล้อมของแต่ละบ้านเนาะ
**** เคยทดลองอบแบบที่หน้ายังไม่แห้งสนิท ... ได้มาการองหน้าแตกกระจายทุกครั้ง เลยค่ะ ... สำหรับเตาอบบ้านเราคงต้องถือหลักให้หน้าแห้งสนิท ถึงอบได้ ต่อไป
*** ส่วนตัวเราพบว่าการกระแทกถาด ช่วยลดปัญหา มาการองแลบลิ้น หรือ ขาเอียง (ขายาวข้าง ข้าสั้นข้าง) ได้
8. พอหน้ามาการองแห้ง ก็อุ่นเตาอบ ไว้ที่ 284 F หรือ 140 C
เราอบที่อุณหภูมิต่ำหน่อยค่ะ ... ทำตามการทดลองมาการองแบบอิตาเลี่ยน ที่ทำไว้ครั้งแล้ว ... ใช้เวลาอบ 16 นาที ... นำถาดมาการอง มาพักให้เย็นลง บนตะแกรง ... แล้วค่อยแกะมาการองออกจากแผ่นรองอบ ค่ะ ... ถ้าวิธีทำถูกต้อง ได้ผล ... มาการองก็จะหลุดออกจากแผ่นรองอบง่าย ๆ อิอิ
B. Salted Caramel Cream
การทำคาราเมล ไม่ใช่เรื่องยาก และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยค่ะ ก่อนลงมือทำ คงต้องอ่านวิธีทำซัก 2 -3 รอบก่อนนะคะ ... เราไม่ได้ถ่ายภาพประกอบอย่างละเอียด แต่ก็จะพยายามอธิบายวิธีทำอย่างละเอียดตามที่เราทำค่ะ
วิธีทำ
1. อุ่นวิปปิ้งครีม ด้วยไฟอ่อน ไปหากลาง จนอุ่นเวลาเอานิ้วแตะ แต่ยังไม่เดือดนะคะ ... ปิดไฟ พักไว้
2. เอาน้ำตาล ส่วนที่หนึ่ง 50 กรัม ใส่หม้อซอสขนาดใหญ่ แบบมีด้ามจับ และพื้นที่ก้นเยอะ ๆ จะดีค่ะ ... นำไปตั้งไฟกลาง ๆ ปล่อยให้น้ำตาลละลาย ไม่ต้องคนอะไรเค้าค่ะ * ใช้เวลาอยู่นะคะ ขั้นตอนนี้ต้องใจเย็น ๆ อย่าใจร้อนค่ะ
3. เทน้ำตาลส่วนที่สอง 50 กรัม ลงช่วงกลางหม้อ ตั้งไฟไปซักครู่ พอน้ำตาลเริ่มละลาย ... ยกหม้อขึ้น กระดก ๆ หม้อ ให้ส่วนเม็ดน้ำตาลไหลเข้าส่วนที่ละลาย .. ถ้าพบว่าไฟเริ่มแรง น้ำตาลไหม้เร็วเกินไป ก็ลดลงไฟให้อ่อนลงค่ะ ... วางหม้อตั้งไฟต่อ ให้เม็ดน้ำตาลส่วนที่ละลายต่อไป ... ซักครู่ใหญ่ ยกหม้อ กระดก ๆ ให้ส่วนเม็ดน้ำตาลที่เหลือไหลเข้าส่วนที่เป็นน้ำอีกครั้ง .. ช่วงนี้จะคนก็ได้ค่ะ พอน้ำตาลละลายดี ได้สีเหลืองอัมพัน เข้ม ๆ ...
4. ลดไฟเตาเป็นอ่อน ... ใส่เนยส่วนที่หนึ่ง 32 กรัม ลงผสม คนอย่างรวดเร็ว ให้เนยละลายเข้าไปในเนื้อน้ำตาล แล้วค่อย ๆ รินครีมอุ่นลงผสมเป็นสาย ๆ ... มือหนึ่งก็คนผสมอย่างรวดเร็ว กันน้ำเชื่อมคาราเมลจับกันเป็นก้อน ต้มต่อไป จนได้ส่วนผสมข้น ทดสอบโดยจับการ ยกไม้พายที่ใช้คน แล้วใช้นิ้วปาดเนื้อคาราเมลหลังไม้พาย ถ้าเห็นเป็นรอยแยกชัดเจน ก็ใช้ได้แล้วค่ะ ... ตามสูตรเค้าบอกว่าให้ได้อุณหภูมิ 108 C
เราพบว่าวิธีนี้ไม่แน่นอน ... เพราะบางทีกว่าจะได้ที่อุณภูมินี้ เนื้อคาราเมลก็ข้น ไปทางไหม้ก็มี ... ทางที่ดี อาศัยวิธีแบบบ้าน ๆ เชื่อสัญชาติตัวเอง ดีที่สุดค่ะ
5. เทคาราเมล ใส่อ่างแก้วสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เอาแผ่นพลาสติกคลุมหน้าคาราเมล โดยให้แผ่นพลาสติสัมผัสผิวคาราเมล เหมือนวิธีทำคัสตาร์ด ... เอาเข้าตู้เย็น พักไว้ให้เย็น ... หรือจะพักให้เย็นที่อุณภูมิห้องก็ได้ค่ะ เราเลือกวิธีหลัง พอเค้าเย็นดี เนื้อข้นขึ้น ก็ตีเนยส่วนที่ 2 ลงผสมเลย
6. ตีเนยส่วนสอง 145 กรัม จนได้เป็นครีมเนียน ประมาณ 7-8 นาที แบ่งคาราเมล ½ ส่วน ลงผสม คนให้เข้ากัน ตามด้วยส่วนที่เหลือ คนให้เข้ากันดี ... หากพบว่าส่วนผสมค่อนข้างเหลว ให้เอาแผ่นพลาสสติกคลุมหน้าครีม โดยให้พลาสติกสัมผัสหน้าครีมคาราเมล เอาเข้าในตู้เย็น อีกซักครู่ใหญ่ ให้เนื้อครีมข้นขึ้น ... ก็นำออกมาหยอดเป็นใส้มาการอง ประกบคู่ ได้เลยค่ะ
*
*
*
วิธีทำ
A. Macaron Shells
1. ร่อนน้ำตาลไอซิ่ง และ อัลม่อนด์ป่น ผสมให้เข้ากัน พักไว้
2. ผสมน้ำตาลและน้ำในหม้อซอสขนาดเล็ก นำไปตั้งไฟกลาง จนน้ำตาลละลาย ได้อุณหภูมิ 118 C
3. ขณะเดียวกันก็ตีไข่ขาวส่วนที่หนึ่ง 60 กรัม จนได้ยอดอ่อน รอไว้
4. เมื่อน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมได้ที่ ถึงอุณหภูมิ 118 C ยกลงจากเตา .... ค่อย ๆ รินเป็นสายต่อเนื่อง ลงผสมกับไข่ขาว มือหนึ่งริน มือหนึ่งตีน่ะค่ะ (พยามรินใส่ตรงกลางอ่างผสม น้ำเชื่อมจะได้ไม่จับเป็นเม็ดที่ขอบอ่าง) .. ช่วงแรกตีด้วยความเร็วต่ำ ตีไปซักครู่ ค่อยปรับสปีดการตีเป็นสูง ตีไปเรื่อย ๆ จนได้เมอร์แรงค์เนื้อข้น ขึ้นเงา และ ส่วนผสมเย็นดี ... สังเกตได้จากเวลาจับก้นอ่าง อ่างจะเย็น ลงที่อุณหภูมิปกติค่ะ (ประมาณ 7 - 8 นาที ... ฟังดูเหมือนนาน แต่เราลองจับเวลาแล้ว ถ้าให้เย็นสนิท บางครั้งใช้เวลา 10 นาทีตามต้นสูตรว่าจริง ๆ ค่ะ หมายถึงตีด้วยหัวตีมือถือน่ะนะคะ)
5. ตีไข่ขาว ส่วนที่สอง 60 กรัม ให้แตกฟองดี เสร็จแล้วก็เทลงผสมกับส่วนผสมอัลม่อนด์ ... คนให้เข้ากันดี จะได้ส่วนผสมเปียก ๆ หนืด ๆ หน่อยค่ะ
6. แบ่งเมอร์แรงค์ ครั้งละ 1/3 ส่วน ลงผสมกับกับส่วนผสมอัลม่อนด์ ... ครั้งแรกผสมเร็ว ๆ หน่อยก็ได้ค่ะ ไม่ถึงกับต้องระวังมาก ... ให้เมอร์แรงซึมเข้าผสมกับส่วนผสมอัลม่อนด์ คลายความหนืด เห็นบางเว็บเค้าว่ากันอย่างนี้นะคะ ... เสร็จแล้วก็ตะล่อม ไข่ส่วนที่สอง 1/3 ส่วนลงผสม ตะล่อมให้เข้ากันดี ... ตามด้วยส่วนที่เหลือ 1/3 ... ตะล่อมจนได้ส่วนผสมผิวมัน ๆ ... ไหลหนืด ๆ เหมือนลาวา ... ทดสอบโดยการตักแบทเทอร์ด้วยพายยาง แล้วปล่อยให้แบทเทอร์ไหล ถ้าแบทเทอร์ไหลเอื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง เป็นสายริบบิ้นพับไป-มา ก็ถือว่าใช้ได้แล้วค่ะ
แบบนี้ถือว่าได้ที่ พร้อมบีบค่ะ
7. แบ่งแบทเทอร์ใส่ถุงบีบ (หัวบีบกลม ขนาด ¼ นิ้ว เราว่ากำลังดีค่ะ) ... บีบแบทเทอร์ สับหว่างไปมา บนถาดอบ กระแทกถาด เบา ๆ ซัก 1 ครั้ง ด้วยค่ะ เสร็จก็พักไว้ให้หน้าแห้ง .... ตามสูตรเค้าพักไว้ 25-30 นาที ... สำหรับเราใช้วิธี พักไว้ จนหน้าแห้งสนิทดี เวลาเอานิ้วแตะ ... ระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับ อากาศ แวดล้อมของแต่ละบ้านเนาะ เคยทดลองอบแบบที่หน้ายังไม่แห้งสนิท ... ได้มาการองหน้าแตกกระจายทุกครั้ง เลยค่ะ ... สำหรับเตาอบบ้านเราคงต้องถือหลักให้หน้าแห้งสนิท ถึงอบได้ ต่อไป
*** ส่วนตัวเราพบว่าการกระแทกถาด ช่วยลดปัญหา มาการองแลบลิ้น หรือ ขาเอียง (ขายาวข้าง ข้าสั้นข้าง) ได้
8. พอหน้ามาการองแห้ง ก็อุ่นเตาอบ ไว้ที่ 284 F หรือ 140 C
เราอบที่อุณหภูมิต่ำหน่อยค่ะ ... ทำตามการทดลองมาการองแบบอิตาเลี่ยน ที่ทำไว้ครั้งแล้ว ... ใช้เวลาอบ 16 นาที ... นำถาดมาการอง มาพักให้เย็นลง บนตะแกรง ... แล้วค่อยแกะมาการองออกจากแผ่นรองอบ ค่ะ ... ถ้าวิธีทำถูกต้อง ได้ผล ... มาการองก็จะหลุดออกจากแผ่นรองอบง่าย ๆ อิอิ
B. Salted Caramel Cream
การทำคาราเมล ไม่ใช่เรื่องยาก และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยค่ะ ก่อนลงมือทำ คงต้องอ่านวิธีทำซัก 2 -3 รอบก่อนนะคะ ... เราไม่ได้ถ่ายภาพประกอบอย่างละเอียด แต่ก็จะพยายามอธิบายวิธีทำอย่างละเอียดตามที่เราทำค่ะ
(ปล. หม้อในภาพ ไม่เหมือนกัน เพราะทำหลายครั้ง เอามาตัดต่อกันอีกทีค่ะ แหะแหะ)
วิธีทำ
1. อุ่นวิปปิ้งครีม ด้วยไฟอ่อน ไปหากลาง จนอุ่นเวลาเอานิ้วแตะ แต่ยังไม่เดือดนะคะ ... ปิดไฟ พักไว้
2. เอาน้ำตาล ส่วนที่หนึ่ง 50 กรัม ใส่หม้อซอสขนาดใหญ่ แบบมีด้ามจับ และพื้นที่ก้นเยอะ ๆ จะดีค่ะ ... นำไปตั้งไฟกลาง ๆ ปล่อยให้น้ำตาลละลาย ไม่ต้องคนอะไรเค้าค่ะ * ใช้เวลาอยู่นะคะ ขั้นตอนนี้ต้องใจเย็น ๆ อย่าใจร้อนค่ะ
3. เทน้ำตาลส่วนที่สอง 50 กรัม ลงช่วงกลางหม้อ ตั้งไฟไปซักครู่ พอน้ำตาลเริ่มละลาย ... ยกหม้อขึ้น กระดก ๆ หม้อ ให้ส่วนเม็ดน้ำตาลไหลเข้าส่วนที่ละลาย .. ถ้าพบว่าไฟเริ่มแรง น้ำตาลไหม้เร็วเกินไป ก็ลดลงไฟให้อ่อนลงค่ะ ... วางหม้อตั้งไฟต่อ ให้เม็ดน้ำตาลส่วนที่เหลือละลายต่อไป ... ซักครู่ใหญ่ ยกหม้อ กระดก ๆ ให้ส่วนเม็ดน้ำตาลที่เหลือไหลเข้าส่วนที่เป็นน้ำอีกครั้ง ช่วงนี้จะคนก็ได้ค่ะ พอน้ำตาลละลายดี ได้สีเหลืองอัมพัน เข้ม ๆ ...
4. ลดไฟเตาเป็นอ่อน ... ใส่เนยส่วนที่หนึ่ง 32 กรัม ลงผสม คนอย่างรวดเร็ว ให้เนยละลายเข้าไปในเนื้อน้ำตาล แล้วค่อย ๆ รินครีมอุ่นลงผสมเป็นสาย ๆ ... มือหนึ่งก็คนผสมอย่างรวดเร็ว กันน้ำเชื่อมคาราเมลจับกันเป็นก้อน ต้มต่อไป จนได้ส่วนผสมข้น ทดสอบโดยจับการ ยกไม้พายที่ใช้คน แล้วใช้นิ้วปาดเนื้อคาราเมลหลังไม้พาย ถ้าเห็นเป็นรอยแยกชัดเจน ก็ใช้ได้แล้วค่ะ ... ตามสูตรเค้าบอกว่าให้ได้อุณหภูมิ 108 C
เราพบว่าวิธีนี้ไม่แน่นอน ... เพราะบางทีกว่าจะได้ที่อุณภูมินี้ เนื้อคาราเมลก็ข้น ไปทางไหม้ก็มี ... ทางที่ดี อาศัยวิธีแบบบ้าน ๆ เชื่อสัญชาติตัวเอง ดีที่สุดค่ะ
คาราเมลที่ได้ ประมาณนี้ค่ะ
5. เทคาราเมล ใส่อ่างแก้วสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เอาแผ่นพลาสติกคลุมหน้าคาราเมล โดยให้แผ่นพลาสติสัมผัสผิวคาราเมล เหมือนวิธีทำคัสตาร์ด ... เอาเข้าตู้เย็น พักไว้ให้เย็น ... หรือจะพักให้เย็นที่อุณภูมิห้องก็ได้ค่ะ เราเลือกวิธีหลัง พอเค้าเย็นดี เนื้อข้นขึ้น ก็ตีเนยส่วนที่ 2 ลงผสมเลย
6. ตีเนยส่วนสอง 145 กรัม จนได้เป็นครีมเนียน ประมาณ 7-8 นาที แบ่งคาราเมล ½ ส่วน ลงผสม คนให้เข้ากัน ตามด้วยส่วนที่เหลือ คนให้เข้ากันดี ... หากพบว่าส่วนผสมค่อนข้างเหลว ให้เอาแผ่นพลาสสติกคลุมหน้าครีม โดยให้พลาสติกสัมผัสหน้าครีมคาราเมล เอาเข้าในตู้เย็น อีกซักครู่ใหญ่ ให้เนื้อครีมข้นขึ้น ... ก็นำออกมาหยอดเป็นใส้มาการอง ประกบคู่ ได้เลยค่ะ
คาราเมลหวาน ๆ เค็ม ๆ ... พอผสมกับบัตเตอร์ครีม จะได้ใส้เบา ๆ ขึ้น อร่อย ๆ ฟิน ๆ อย่างที่ว่าจริง ๆ ค่ะ ... ทำเอง อร่อยเองเช่นเคย อิอิ ... (เกือบลืม ในส่วนของลายบนมาการอง เราใช้วิธี ละลายกาแฟผง (Instant Coffee) กับน้ำเย็น แบบเข้มข้น หน่อยค่ะ แต่ไม่ถึงกับเหนียวมากหรอกนะคะ ทดสอบลองวาดดูก่อน เสร็จแล้วก็ใช้แปรงตวัดเล้ย อิอิ)