พฤษภาคม 2555

 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
2 พฤษภาคม 2555
ทรายสิเน่หา (...๔...)
ตอนที่ ๔

แสงแดดอ่อนในยามสาย ดวงตะวันสาดส่องแสงไปทั่วทั้งผืนน้ำและผืนแผ่นดิน ท้องฟ้าเหนือท้องทะเลปลอดโปร่งแต้มสีฟ้าใสปราศจากก้อนเมฆ คลื่นกระทบฝั่งเกิดเป็นเสียงซ่า ลมทะเลโบกพัดต้องปะทะใบไม้ให้พลิ้วไหวลู่โต้สายลม

บรรยากาศภายนอกที่อื้ออึงนั้นช่างแตกต่างกับบรรยากาศภายในตัวห้องพักบนคอนโดเทลริมทะเลแห่งนี้ ในห้องขนาดพอเหมาะมีเพียงเสียงทำงานเบาๆของเครื่องปรับอากาศเท่านั้น อากาศภายในห้องเย็นฉ่ำทำให้คนอยู่ในห้วงนิทราหลับสบายจนไม่อยากตื่น ร่างบางพลิกตัวกลับไปมาคล้ายจะหาท่านอนที่เหมาะกับตัวเองเพื่อที่จะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

“อือ...” เสียงครางสะลึมสะลืออย่างขัดใจ มือบางพยายามควานหาหมอนอีกใบที่ติ๋งต่างใช้แทนเป็นหมอนข้าง ควานหาเท่าไรก็หาไม่เจอ มือบางยังคงควานหาสะเปะสะปะจนต้องหยุด เมื่อตะปบพบสิ่งอื่นที่รู้สึกว่าไม่ใช่หมอนที่เธอต้องการ สิ่งใต้มือกระเพื่อมขึ้นลงเป็นระยะคล้ายมีชีวิต

วาลิกาลืมตาตื่นขึ้นมาทันที ขยับตัวลุกพรวดพราดลงจากเตียง ถอยกรูออกไปตั้งหลักที่หลังเคาน์เตอร์ตัวยาว เมื่อพบว่ามีร่างอีกร่างนอนอยู่ข้างเธอ

น้ำหนักเตียงด้านหนึ่งยวบยาบตามแรงลุกของวาลิกา ทำให้คนอีกคนที่อยู่บนเตียงรู้สึกตัว ผงกหัวขึ้นขยับตัวขึ้นมานั่งอย่างงัวเงีย

“เมื่อวาน...?” คนเพิ่งตื่นเสยผมยุ่งพร้อมมองไปรอบห้อง พบว่าเขาตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่ใช่ห้องตัวเอง รู้สึกสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก

ใช่แล้ว ! เมื่อวานเขาถูกวางยา !?

ปริยาภัทร !

ภานุกรรีบหันไปหาคนข้างตัว พบว่าเตียงนอนส่วนที่เหลือนั้นมันว่างเปล่า เขาก้มลงมองเสื้อผ้าของตัวเอง

ที่ยังคงอยู่ครบถ้วนอย่างเรียบร้อย

แสงตะวันจากข้างนอกส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาให้ความสว่างแก่ภายในห้องอย่างสลัว หญิงสาวที่ยืนหลังเคาน์เตอร์จ้องมองบุคคลที่ล่วงล้ำเข้ามาในห้อง

คนบนเตียงมีรูปร่างลักษณะคุ้นตาเธอมาก

“ภะ...ภานุกร ?” เสียงใสเอ่ยเรียกชื่อเขาขึ้นอย่างไม่มั่นใจ วาลิกาจ้องเขม็งมองคนนั่งบนเตียงไม่วางสายตา

ภานุกรหันไปหาต้นเสียงเรียกเขารอบห้อง พลันสายตาต้องสะดุดหยุดลงที่ร่างบางหลังเคาน์เตอร์ หญิงสาวมองเขาด้วยความตกใจ

“วาลิกา ?” ความสับสนบังเกิดขึ้นในจิตใจภานุกร

ทำไมถึงไม่เป็นปริยาภัทร แต่เป็นวาลิกา !?

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ทำไมถึงเป็นคุณ !?” เสียงใสตวัดเสียงห้วนถาม

“เฮ้ย คุณอย่าเข้าใจผมผิด เดี๋ยว...ผมไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ” เมื่อเห็นว่าวาลิกากำลังเข้าใจเขาผิด ภานุกรลุกพรวดเดินไปหาหญิงสาวที่อยู่หลังเคาน์เตอร์

“คุณไม่ต้องมารู้ความคิดของฉัน ! ฉันถามว่าทำไมถึงเป็นคุณ ! ทำไม !?” วาลิกาตวาดเสียงแข็งใส่ภานุกร

ทั้งที่เธอพยายามหลบหน้าเขา ไม่เจอเขา

เพราะเธอไม่อยากรู้สึกให้กำแพงแข็งแรงที่เธอสร้างมันขึ้นด้วยความเจ็บปวดต้องพังทลาย ด้วยความหวังดีของเขา

แล้วทำไม ?

“คุณฟังผมอธิบายก่อน” เขาจะอธิบายให้วาลิกาฟังได้อย่างไรกัน ในเมื่อตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจกับการมาอยู่ที่ห้องของหญิงสาว

“ออกไป” น้ำเสียงเธอสั่น ร่างบางสะอึกสั่นสะท้าน น้ำตาที่พยายามกลั้นจากวันนั้น วันนี้กลับเอ่อล้นเต็มทั่วเบ้าตาของเธอ ความเข้มแข็งที่สร้างขึ้นมาห่อหุ้มความอ่อนแอไว้ได้พังทลายลงดั่งการหยุบตัวของภูผาสูง

ภานุกรหน้าถอดสี เขาทำให้แก้วบางตรงหน้าปริแตกออกเป็นเสี่ยงอย่างไม่มีชิ้นดี

“ออกไป” วาลิกาไล่ชายหนุ่ม

“ไม่ ! ผมจะไม่ออกไปกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง” ภานุกรปฏิเสธ เขาทนดูเธอเข้าใจผิดเขาไม่ได้ ต้องอธิบายทุกอย่างว่าเมื่อคืนระหว่างเขากับเธอไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น!

“ไม่มีอะไรต้องคุยกัน ออกไปเดี๋ยวนี้” วาลิกาฉุดกระชากลากถูให้ภานุกรออกไปจากห้อง ชายหนุ่มเซถลาไปตามแรงของหญิงสาว หญิงสาวตัวเล็กอย่างวาลิกายามโมโหไม่รู้ว่าไปเอาแรงมากมายอย่างนี้มาจากไหน

หญิงสาวเปิดประตูผลักชายหนุ่มออกไปจากห้องอย่างไม่ใยดี แต่พอจะปิดประตูใส่หน้าชายหนุ่ม กลับทำไม่ได้เพราะมือหนาดันประตูเอาไว้

“ผมบอกแล้วไงว่าต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” ภานุกรทำหน้าเข้มใส่วาลิกา ร้อนใจจนโมโหที่หญิงสาวตรงหน้าเขาไม่ยอมฟังอะไรเขาเลย จะไล่ออกไปท่าเดียว

เขาไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่อยากให้หญิงสาวเข้าใจผิดด้วย

“ไม่จำเป็น” วาลิกาผลักภานุกรให้ออกไป แล้วต้องอุทานอย่างตกใจเมื่อชายหนุ่มรวบตัวเธอไว้ในอ้อมแขน เธอพยายามดิ้นจากวงแขนที่แข็งแรงราวกับปลอกเหล็กชั้นดี

“ผมอยากให้คุณฟัง เมื่อคืนมันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น คุณยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เข้าใจไหม” ภานุกรกระซิบบอกวาลิกาข้างหู

หญิงหยุดดิ้นเพียงยืนนิ่งแข็งทื่อในอ้อมแขนของภานุกร ชายหนุ่มก้มลงมองร่างบางที่สะอึกสะอื้นร้องไห้อยู่ที่อก ไม่รู้ว่าจะพูดปลอบประโลมคนในอ้อมแขนอย่างไรดี เพราะเขาเองที่ทำให้เธอต้องร้องไห้เสียใจในตอนนี้ เขาเป็นคนที่ไปเพิ่มความทุกข์ให้กับหญิงสาว

“ออกไป !” วาลิการอช่วงเวลาที่วงแขนแข็งแรงคลายตัว สะบัดตัวหนีพร้อมผลักร่างชายหนุ่มออกไปให้จากห้อง ปิดประตูใส่หน้าภานุกรทันที

วาลิกาทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรงกับบานประตู ปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย พยายามสูดลมหายใจลึกเข้าปอดหลายครั้ง เพื่อกลั้นน้ำตา หากไร้ผล น้ำจากดวงตายังคงเอ่อล้นมาตลอดเวลา

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ?” วาลิกากล่าวกับตัวเอง ซบหน้าลงบนแขนทั้งสองข้าง

แม้จะได้ยินเสียงเรียกพร้อมกับการเคาะประตูถี่รัว วาลิกาก็ไม่ยอมเปิดประตูห้องให้กับภานุกร จนสักพักเสียงเรียกและเสียงเคาะประตูจางหายไป

เขาไปแล้ว...


ปริยาภัทรร้องกรี๊ดลั่นห้องอย่างโมโหสุดขีด ทำให้คนในห้องทั้งหลายหวาดกลัวไปตาม ๆ กัน พยายามเกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่ เผื่อเจ้านายสาวใจร้อนคนนี้จะเผลอฆ่าใครบางคนตาย

“พวกแกเรียนจบอะไรกันมา หา ! ฉันสั่งให้เอาพี่ภานุไปไว้ที่ห้อง 909 แต่พวกแกกลับเอาเขาไปไว้ห้อง 606 พวกแกมันโง่ ! โง่ยิ่งกว่าไอ้ตัวที่ไถนาอยู่ด้วยซ้ำ”

“ก็...กระดาษที่จดหมายเลขห้องมาคงกลับหัว” พนักงานสาวคนหนึ่งไม่รู้ว่าไม่เอาความกล้ามากจากไหนขึ้นเถียงปริยาภัทร

ผลที่ได้รับคือ เจ้านายสาวขว้างโทรศัพท์มือถือของใกล้ตัวกระแทกเข้าที่หน้าผากมนของพนักงานสาวคนนั้น

“กล้าเถียงฉันเรอะ !”

“พวกแกเอะอะอะไรกัน!” เสียงเข้มของปณตดังขึ้น พวกพนักงานทั้งหลายเห็นปณต จึงได้ทีพากันถอยหลังหนีกรูออกจากห้องไป ทิ้งให้ปริยาภัทรด่าฉอดๆไล่หลังพวกเขาไป

ไม่มีใครคิดจะตายอยู่ในห้องนี้กันหรอก...

“แกเป็นบ้าอะไรแต่เช้า ยัยภัทร” พยานปากเอกต่างพากันออกไปหมด ปณตจึงต้องหันไปถามคนที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในห้อง ปณตทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายเป็นที่สุด จะมีเรื่องกันทำไมต้องมามีเรื่องในห้องทำงานเขาด้วย

“แผนภัทรเสียหมด เพราะพนักงานโง่ ๆ ของพ่อทั้งนั้น”

“ดีที่แผนของแกมันล่มไม่เป็นท่า แกนั่นแหละที่โง่ คิดหรือว่าการรวบหัวรวบหางภานุกรมันจะช่วยให้อะไรดีขึ้น เสียแรงจริงที่แกเกิดมาเป็นลูกปณตคนนี้” เสียงปณตดูไม่ถือโกรธคนเป็นลูกสาว ตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดีอย่างที่สุดจนหาสิ่งอื่นใดมาเปรียบไม่ได้อีกแล้ว

ชายวัยกลางเชื่อมสายโทรศัพท์มือถือเข้ากับคอมพิวเตอร์ของตัวเอง พร้อมกับถ่ายไฟล์ภาพเคลื่อนไหวจากในโทรศัพท์มือถือของคนของเขาที่เข้าไปเห็นเหตุการณ์เด็ดเข้าลงคอมพิวเตอร์

ภาพเหตุการณ์กอดกันกลมดิกระหว่างภานุกรกับหญิงสาวคนหนึ่ง ปณตอัดไฟล์ภาพเคลื่อนไหวใส่ลงแผ่นซีดีแผ่นหนึ่ง

แผ่นซีดีแผ่นนี้จะเป็นตัวเยาะเย้ยภานุกร ดูซิว่ามันจะทำหน้ายังไง

หน้าตอนที่รู้ว่าจะต้องเสียมรดกในส่วนของตัวเองไป

“พ่อจะออกไปข้างนอกแป๊บนึง แกจะมาขอเงินใช่ไหม หยิบไปเลย เท่าไรก็ได้” ปณตบอกกับปริยาภัทรแล้วชี้ไปที่ลิ้นชักที่เก็บเงินอยู่

ปริยาภัทรโวยวายไม่ออก ฉงนกับการกระทำของคนเป็นพ่อที่ออกปากให้เงินง่ายอย่างน่าประหลาดใจ “อารมณ์ดีอะไรของเขาหนักหนา...?”

หญิงสาวเปิดลิ้นชักหยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่ง สายตาของเธอพลันสะดุดกับคอมพิวเตอร์ที่ปณตเปิดค้างไว้ เมื่อครู่พ่อของเธอเปิดดูอะไรในคอมพิวเตอร์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“หุ้นขึ้นหรือไงกันนะ ?” ปริยาภัทรทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ เปิดดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของปณต แต่ต้องประหลาดเมื่อคอมพิวเตอร์นั้นไม่ได้เชื่อมสายอินเตอร์เน็ต ความคิดของเธอจึงผิด หญิงสาวเหลือบเห็นสายเชื่อมระหว่างคอมพิวเตอร์กับมือถือเครื่องหนึ่ง

มือถือของใครกัน เธอไม่เคยเห็น สงสัยเมื่อครู่พ่อของเธอต้องดูอะไรในมือถือนี้แน่เลย

ว่าแล้วหญิงสาวเปิดหน้าต่างที่บรรจุข้อมูลของมือถือแปลกตาเครื่องนี้ ข้อมูลปรากฏขึ้นมา ปริยาภัทรไล่สายตามองดูไฟล์ต่างๆ เป็นรูปภาพเสียซะส่วนใหญ่ สะดุดกับไฟล์วีดีโอไฟล์หนึ่งซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวในเครื่อง

ด้วยความอยากรู้ เธอกดเปิดไฟล์วีดีโอนั้นดู ปรากฏเป็นภาพเคลื่อนไหวระยะเวลาเพียงหกนาทีกว่า ดวงตาปริยาภัทรเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อคนในหน้าจอเป็นภานุกร

ไฟล์ภาพเคลื่อนไหวนี้ ไม่ว่าจะดูยังไงก็ดูเหมือนการทะเลาะของชายหญิงที่ออกมาจากห้องพัก จะดูธรรมดามากหากสองคนนี้เป็นคนรักกันฉันท์สามีภรรยา
แต่มันแปลกมากสำหรับภานุกร...
“หรือว่าพ่อ ?” คิดได้อย่างเดียว พ่อของเธอจะต้องนำไฟล์นี้ไปให้คุณตาดูแน่ และผลที่ตามมาคือคุณตาจะตัดสิทธิ์ในการรับมรดกของภานุกรตามเงื่อนไขที่ได้วางไว้

ใช่แล้ว ถ้าเธอคาดไม่ผิด ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นเจ้าของห้อง 606 เป็นแน่
ทุกอย่างเป็นการเข้าใจผิด ! พ่อของเธอจะใส่ร้ายป้ายสีภานุกร

ปริยาภัทรคิดได้เพียงแค่นั้นก็จัดการลบไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับภานุกรทุกไฟล์ทั้งในมือถือและในคอมพิวเตอร์ แม้จะรู้สึกไม่พอใจที่ภานุกรคว้าตัวผู้หญิงคนนั้นเข้าไปกอด ซึ่งเธอไม่เคยได้รับการกระทำอย่างนั้นจากเขา แต่ก็ทนเห็นให้เขาเดือดร้อนจากสิ่งที่เธอก่อขึ้นไว้ไม่ได้

ความสงสัยเริ่มก่อตัวภายในจิตใจของปริยาภัทร

คล้ายมีเรื่องบางอย่างที่เธอไม่รู้


“คุณลุงจะมาทำอะไรที่ห้องของผม” เสียงภานุกรถามปณตที่กำลังจะเลี้ยวเข้าไปในบริเวณห้องทำงานของเขา สีหน้าของภานุกรในตอนนี้บอกบุญไม่รับเป็นอย่างมาก แต่ผิดกับปณตที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดี

“ฉันแค่เอกสารสำคัญมาให้” ปณตยืนแผ่นซีดีให้กับภานุกร ชายหนุ่มรับมาด้วยความสงสัย

“เอกสาร ?” ภานุกรมองซีดีในมือตัวเอง

“สำคัญมากสำหรับแก ใจจริงฉันก็อยากจะเห็นหน้าแกตอนดูของในนั้น แต่ฉันถือคติคนล้มไม่ข้ามว่ะ”

ปณตหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ ยิ้มหยันภานุกรเล็กน้อยแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ชายหนุ่มมองปณตอย่างไม่เข้าใจ

คำตอบที่สงสัยของภานุกรกระจ่างสว่างตาทันที เมื่อเปิดดูข้อมูลในแผ่นซีดีของปณต ภาพเขากอดกับวาลิกาปรากฏเห็นเด่นชัดบนหน้าจอ มีกระดาษแผ่นเล็กเขียนข้อความสั้น ๆ ว่า

ภานุกร นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง อ้างค้างแรมกับหญิงสาวแปลกหน้า !?

การประกาศศึกของลุงปณตเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ทำอย่างนี้เท่ากับว่าคนเป็นลุงแสดงเจตนาต้องการที่จะได้คอนโดเทลแห่งนี้ อย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิดว่าลุงปณตจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน เมื่อเขามีสิทธิ์ครอบครองคอนโดเทลแห่งนี้เพียงคนเดียว หากสิ่งที่ลุงปณตให้มาไม่ว่าจะพูดแก้ตัวอย่างไรก็ยากที่จะมีคนเชื่อว่าไม่เป็นความจริง ยิ่งกับคุณตาที่เป็นคนหัวโบราณยิ่งแล้วไปกันใหญ่

เขาจะต้องแก้เกมของลุงปณต ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถรักษาคอนโทเทลแห่งนี้ไว้ได้ คอนโดเทลถึงหายนะแน่ถ้าต้องตกไปอยู่ในมือของลุงปณต


วาลิกาหยิบเสื้อผ้าทั้งหมดในตู้เสื้อผ้าออกมา เข้าไปในห้องน้ำเอาข้าวของภายในนั้นออกมา ทิ้งวางทุกอย่างลงบนเตียงนอน ลากกระเป๋าเป้ใบเดิมออกมาจากใต้ตู้ที่วางโทรทัศน์ จัดแจงพับเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วยัดมันลงในเป้ใบโต ตามด้วยของใช้จิปาถะต่างๆเช่น สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ฯ ลงไปในช่องกระเป๋าด้านหน้า ดึงสายชาร์ตแบตเตอรี่ของมือถือม้วนอย่างลวกๆแล้วเก็บลงใส่กระเป๋า หญิงสาวมองสำรวจรอบห้องเพื่อดูว่ามีสิ่งใดตกเหลืออยู่หรือไม่

ฉับพลันสายตาสะดุดถุงผ้าสีเนื้อสะอาดตาวางอยู่บนตัวเคาน์เตอร์

ของที่ระลึกที่ภานุกรให้ไว้ เมื่อตอนไปพระราชวังมฤคทายวัน

วาลิกาเสียใจ...

เขาหวังดีเธอรู้

หากแต่ตอนนี้เขากลับทำให้เธอไม่กล้าสู้หน้า ไม่อยากเจอ ไม่อยากนึกถึง แม้เพียงชั่ววินาทีเดียว เธอจะต้องไปจากที่นี่...

จะต้องไปก่อนที่จะถูกจับรั้งตัวเอาไว้...ต้องไป

วาลิกาออกจากห้องไปปิดวาวล์น้ำของห้องพักด้านนอกแล้ววกกลับเข้ามาในห้องอีกที เพื่อหยิบสัมภาระของตัวเอง

หัวใจของเธอตกลงไปที่ตาตุ่ม ร่างสูงยืนรอเธออยู่หน้าห้องพร้อมกับสัมภาระของเธอ

ภานุกร !?

หญิงสาวทำเป็นไม่เห็นชายหนุ่มก้มหน้าคว้ากระเป๋าเดินหนีภานุกร

“คุณจะไปไหน ?” ภานุกรคว้าแขนบางไว้แน่ เกรงว่าเธอจะวิ่งหนีจากเขาไป

“ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน อย่ามายุ่ง” วาลิกาสะบัดแขนทิ้ง แต่ไร้ผลมือหนายังจับอยู่ที่แขนเธออย่างแน่นหนาไม่ยอมหลุดง่าย ๆ เหมือนคราวที่แล้ว

“คุณจะยอมคุยกับผมดี ๆ หรือว่าจะต้องให้ใช้กำลัง” เขาเอ่ยเสียงเข้มเหมือนข่มขู่เธอ วาลิกาเม้มริมฝีปาก

เห็นว่าตัวโตกว่าแล้วจะใช้กำลังมาบังคับเธอได้หรือไง

“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” เธอจ้องเขม็งชายหนุ่มราวเป็นศัตรูคู่อาฆาต

“ตกลงอนุญาตให้ผมใช้กำลัง...มานี่” ภานุกรฉุดกระชากลากวาลิกาให้เดินตามมา วาลิกาต้องเดินไปตามแรงลากของชายหนุ่มอย่างห้ามไม่ได้ ตะโกนต่อว่าภานุกรอย่างเหลืออดว่า เธอไม่ได้อนุญาตให้เขาใช้กำลัง ทำไมเขาถึงทำอย่างคนป่าคนเถื่อนอย่างนี้

ภานุกรลากวาลิกาลงจากตัวตึก ไม่ยอมปล่อยช่องว่างให้เธอหนีหรือแม้กระทั่งคืนกุญแจห้องพักให้กับคอนโดเทล เขาเรียกพนักงานสองสามคนให้เดินตามมา พาเธอไปยังรถของเขา

“เข้าไป” เขาสั่งวาลิกาให้เข้าไปนั่งในรถเขา หญิงสาวนิ่งแข็งขืนไม่ยอมทำตามที่ภานุกรสั่ง ชายหนุ่มเปิดประตูรถแล้วดันให้หญิงสาวเข้าไปนั่งในรถอย่างไม่เต็มใจ ภานุกรโดนวาลิกาต่อว่าด่าทออย่างเจ็บใจ เขาสั่งให้พนักงานที่ตามมาด้วยนั้นดันประตูด้านที่วาลิกานั่งไว้ไม่ให้หญิงสาวหนีออกไปได้ ส่วนตัวเองก็รีบเข้าไปนั่งด้านคนขับทันที โยนกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของเธออย่างไม่ไยดี

รถสีดำคันงามถอยออกจากที่จอดรถอย่างชำนิชำนาญ แล่นออกจากคอนโดเทลคุปตาภาอย่างรวดเร็ว

“ฉันจะแจ้งตำรวจ” วาลิกาหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา รู้ว่าคนข้างเธอจงใจขับรถเร็ว เพื่อไม่ให้เธอหนี

ภานุกรมือไวคว้ามือถือของวาลิกาแล้วโยนไปหลังรถ

วาลิกากรีดร้อง “คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง !?”

“ผมขอให้คุณฟังผมสักนิด ก่อนที่จะทำอะไรวู่วาม” ใบหน้าของภานุกรราบเรียบยากที่จะอ่านใจ ต่างจากทุกทีที่เธอเคยเห็น

ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าแบบไหน เขาก็ยังเป็นภานุกรจอมบังคับอยู่วันยังค่ำ
“คุณไม่ต้องทำมาเป็นรับผิดชอบฉันเลย ฉันรู้ว่าระหว่างเรามันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น” เธอไม่ปรารถนาให้ชายหนุ่มมารับผิดชอบ หรือมายุ่งย่ามกับชีวิตเธอไปมากกว่านี้

“ผมไม่คิดจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว” ภานุกรตอบ

“ไม่คิดอย่างนั้นก็ปล่อยฉันไปได้แล้ว”

“ไม่ได้”

ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างหนักแน่น “คุณต่างหากที่ต้องรับผิดชอบผม”

“รับผิดชอบอะไรกัน คุณเป็นผู้ชายแทบจะไม่เสียหายอะไรเลย ฉันต่างหากที่เป็นผู้หญิงที่ต้องเสียหายมากกว่าคุณด้วยซ้ำ” ถึงเรื่องเมื่อคืนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตามที

วาลิกามองชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อสายตา อะไรกัน? เธอเป็นผู้หญิง แทนที่ฝ่ายชายจะต้องแสดงความรับผิดชอบ แต่ไม่ยักจะเคยได้ยินว่าฝ่ายหญิงต้องเป็นคนรับผิดชอบ และที่สำคัญฝ่ายชายนั้นตามจองลางจองผลาญอย่างบ้าเลือดเพียงให้เธอเป็นคนรับผิดชอบ

โลกนี้มันวิปริตไปแล้ว !

“ง่ายมาก คุณแค่แต่งงานกับผมเท่านั้นเอง”

รถสีดำหยุดจอดอย่างฉับพลัน ทำให้รถที่ตามมาด้านหลังเกือบชนท้ายรถสีดำ เสียงบีบแตรยาวเป็นเชิงต่อว่าคนขับรถ แต่ชายหนุ่มคนขับรถหาได้สนใจไม่ ภานุกรยกมือขึ้นลูบแก้มคาดว่ามันจะเกิดเป็นรอยแดงช้ำในอีกไม่ช้า

วาลิกาชกแก้มภานุกรเข้าอย่างจัง

“ตลกร้ายเกินไปแล้ว คุณภานุกร !”

“หมัดหนักชะมัดเลยคุณ ฟังผมอธิบายให้ชัดเจนก่อนจะลงมือทำอะไรก่อนได้ไหม ก็เมื่อเช้าที่ผมเข้าไปกอดคุณ เหตุการณ์ในตอนนั้นโดนบันทึกภาพเอาไว้ ถ้าคลิปนั้นโดนเผยแพร่รับรองผมเสียชื่อแน่ และทำให้ผมไม่ได้ส่วนแบ่งมรดกของคุณตา เพราะฉะนั้นผมจึงต้องแต่งงานกับคุณ พาคุณไปหาคุณตาของผมเป็นการแก้ไขเบื้องต้นไปก่อน” ภานุกรอธิบายอย่างรวดเดียวจบ กลัวว่าหญิงสาวจะไม่ยอมฟังเขาอีกและส่งกำปั้นน้อยนั้นมาอีกครั้ง

“ที่แท้ก็หวังมรดก” แล้วเรื่องอะไรเธอจะต้องมาผัวพันกับเรื่องของเขาด้วย

ทั้งที่เธอไม่มีอะไรที่จะต้องอยู่หัวหินหรือต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่นี่อีก

“คอนโดเทลคุปตาภา คือ สิ่งที่พ่อผมสร้างมากับมือ ผมจะไม่ยอมให้มันตกเป็นของใครเด็ดขาด” ภานุกรเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พยายามทำให้หญิงสาวเข้าใจถึงเหตุผล

แต่เหตุผลนั้นคงไม่มากพอที่จะทำให้เธอแต่งงานกับเขาได้หรอก

“ถึงจะอ้างยกเหตุผลมาร้อยแปดพันเก้า ฉันก็ไม่แต่งงานกับคุณหรอก เสียเปรียบกันอยู่เห็น ๆ”

“ไม่เสียเปรียบแน่นอน ทั้งหมดจะเป็นการแต่งงานในนามเท่านั้น ระหว่างที่เราแต่งงานกันผมจะไม่แตะต้องตัวคุณแม้แต่ปลายเล็บ แถมผมจะมีค่าตอบแทนให้คุณอย่างสมน้ำสมเนื้อ” ภานุกรแจงรายละเอียดข้อเสนอ

“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะ ! ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่แต่งงานกับคุณ แล้วขอความกรุณาช่วยไปส่งที่สถานีรถไฟหัวหินด้วยค่ะ” ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปรับข้อเสนอพิลึกพิลั่นแบบนั้น

“ถือว่าช่วยกันไม่ได้หรือ ?”

“ไม่ค่ะ”


( โปรดติดตามตอนต่อไป )















Create Date : 02 พฤษภาคม 2555
Last Update : 2 พฤษภาคม 2555 13:41:20 น.
Counter : 565 Pageviews.

1 comments
  
กำลังสนุกเลยค่ั รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
โดย: มะขามคลุกบ๊วย IP: 27.55.15.42 วันที่: 9 พฤษภาคม 2555 เวลา:23:27:35 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

S.kang
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]