เคล็ดลับบำรุงสมองและเสริมสร้างความจำ
เคล็ดลับบำรุงสมองและเสริมสร้างความจำ

1. งีบสัก 30 นาทีหลังจากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะทำให้ความสามารถในการจดจำสิ่งต่างๆ ดียิ่งขึ้น



ช่วงที่นอนหลับลึกเป็นช่วงสำคัญของกระบวนการทำงานของสมองในเรื่องของความจำ สมองจะรวบรวมการรับรู้ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างวันมาเก็บไว้ เพื่อนำมาใช้เมื่อถึงเวลา การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าอยู่ในช่วงของกำลังเตรียมสอบ ให้แอบงีบตอนช่วงอ่านหนังสือสอบ ผลการวิจัยพบกว่าหากได้งีบสัก 30 นาทีหลังจากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะทำให้ความสามารถในการจดจำสิ่งต่างๆ ดียิ่งขึ้น

2.รับประทานบลูเบอร์รี่ช่วยกระตุ้นเส้นประสาทในสมอง ชะลอการสูญเสียความทรงจำในวัยชรา



ผลการศึกษาพบว่าการรับประทานบลูเบอร์รี่หรือดื่มน้ำบลูเบอร์รี่ทุกวันจะช่วย ชะลอการสูญเสียความทรงจำในวัยชรา บลูเบอร์รี่มีสารอินทรีย์โพลีฟีนอลส์ (Polyphenols) ในระดับสูงซึ่งพบในผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยเพิ่มสัญญาณ หรือกระตุ้นเส้นประสาทในสมอง

3.เครื่องเทศป้องกันความจำเสื่อมได้



ผลการวิจัยพบกว่าการทานอาหารที่ใส่เครื่องเทศป้องกันความจำเสื่อมได้ นอกจากนี้ยังพบว่าคนอินเดียมีอัตราการเป็นผู้ป่วยโรคอัลซาเมอร์ต่ำ เนื่องจากส่วนมากอาหารของอินเดียจะใส่เครื่องเทศเป็นหลัก ความเผ็ดร้อนของเครื่องแกงช่วยป้องกันความเสื่อมของสมอง

4.ออกกำลังกายเป็นประจำเพิ่มเซลล์สมอง



การออกกำลังกายช่วยให้สมองและร่างกายแข็งแรง ผลการวิจัยพบกว่าผู้สูงอายุที่มีอายุ 60-79 ปี แอโรบิกเป็นประจำจะช่วยเพิ่มกำลังสมอง ด้วยการเพิ่มเซลล์สมองในส่วนที่เกี่ยวกับความจำ และการสูญเสียความทรงจำ


5.เลิกสูบบุหรี่ 



ผู้สูบบุหรี่จัดมักจะมีปัญหาในเรื่องความจำมากกว่าคนที่ไม่สูบ 22 เปอร์เซ็นต์ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการสูบบุหรี่มีผลต่ออ๊อกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมอง สูบบุหรี่ 1 มวนอายุสั้นลง 7 นาที การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์

6.คอเลสเตอร์รอลสูงสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์



คอเลสเตอร์รอลสูงไม่ส่งผลดีต่อระบบโลหิตไหลเวียนในร่างกายและลำเลียงสาร อาหารที่จำเป็นไปเลี้ยงสมอง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ ดังนั้นจึงควรหมั่นตรวจระดับคอเลสเตอร์รอล

7.ไวน์แดง



ผลการวิจัยพบกว่าการดื่มไวน์แดงสักแก้วทุกวันช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ และช่วยเรื่องระบบการไหลเวียนในร่างกายไปสมองด้วย

8.ไม่ทำกิจกรรมหลายอย่างในเวลาเดียวกัน



การมุ่งความสนใจไปยังกิจกรรมที่ทำอยู่เพียงอย่างเดียวจะช่วยให้ส่วนนอกของ สมองใหญ่ทำงานได้ดีที่สุด การทำกิจกรรมหลายอย่างในเวลาเดียวกันทำให้สมองส่วนกลางทำงานอยู่ตลอด ซึ่งส่งผลต่อการเก็บหรือเรียกใช้ข้อมูลจากสมองส่วนนี้

9.นั่งสมาธิสร้างรอยหยักสมอง ยิ่งมากรอยเท่าไหร่ยิ่งหัวไวเท่านั้น



ฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนความเครียดจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง ลดลง ควรรู้จักผ่อนคลายเพื่อให้สมองผ่อนคลาย ความจำดีขึ้น การนั่งสมาธิเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดภาวะความตึงเครียดในระหว่างวันได้

10.ผักโขม Spinach



ผักโขมช่วยลดภาวะความจำเสื่อมได้ เพราะในผักโขมมีเอนไซม์ที่ดีต่อความแข็งแกร่งของปลายเซลล์ประสาท และเสริมความแข็งแรงตัวรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท ทั้งยังมีกรดโฟลิกสูงที่ดีต่อการจำ

11.ยาบางประเภทมีผลข้างเคียงต่อการสูญเสียความจำ



ยาบางประเภทมีผลข้างเคียงต่อการสูญเสียความจำ เช่น ยารักษาอาการซึมเศร้า, ยารักษาภาวะวิตกกังวล, เคมีบำบัด, ยานอนหลับ, ยาระงับปวด เป็นต้น ลองปรึกษาแพทย์ว่าสามารถหยุดการรับประทานยาเหล่านี้ได้หรือไม่

12.แอปเปิลชะลอภาวะสมองเสื่อม



ทานแอปเปิลวันละสองลูกช่วยเพิ่มการสร้างของสารสื่อประสาทในสมองที่มีชื่อ ว่า  อะซีทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นตัวกำหนดความสามารถในการเรียนรู้และความทรงจำ ช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อมได้

13.บริหารกล้ามเนื้อสมองด้วยการเล่นเกมปริศนาหรือครอสเวิร์ดช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง



14.ทานอาหารเสริม



ผลการศึกษาพบว่าการทาน Acetyl L-Carnitine (500-1500 มิลลิกรัมต่อวัน) ติดต่อกันสามเดือนทำให้การทำงานในเรื่องของความจำดีขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอายุของผู้รับประทานด้วย

15.ทานปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรลหรือน้ำมันปลา บำรุงและชะลอภาวะสมองเสื่อม



น้ำมันปลาประกอบไปด้วยโอเมก้า 3 ให้ทานน้ำมันปลาที่สกัดมาจากปลาแซลมอน, ปลาซาร์ดีน และปลาแมคเคอเรล ช่วยบำรุงการทำงานของสมอง และชะลอภาวะสมองเสื่อมได้

16.ใบแปะก๊วย



สารที่สกัดได้จากใบแปะก๊วยมีหลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนในร่างกายและสมอง ช่วยป้องกันภาวะความจำเสื่อมได้

17.ธาตุเหล็ก

การขาดธาตุเหล็กทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ส่งผลต่อการทำงานด้านความจำของสมอง หากคุณคิดว่าระดับธาตุเหล็กในร่างกายต่ำ ช่วงคุณๆ ลดน้ำหนักหรือช่วงมีประจำเดือน ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจ


ในวันหนึ่งๆ ร่างกายต้องการธาตุเหล็กเพียงเล็กน้อยก็จริง แต่ถ้าขาดธาตุเหล็กมากๆ จะเป็นโรคโลหิตจาง เมื่อเป็นโรคนี้นานๆ ม้ามจะโต หัวใจจะใหญ่ เล็บเปราะบาง การขาดธาตุเหล็กเป็นได้ทุกวัยไม่มีข้อยกเว้น


อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงคือตับ เลือดหมู เนื้อสัตว์ต่างๆ ไข่แดง ถั่วเมล็ดแห้ง และพืชผักต่างๆ โดยเฉพาะผักที่มีสีเขียวเข้ม ในผักหลายชนิดมีธาตุเหล็กสูง ราคาก็ ถูกกว่าเนื้อสัตว์ แถมยังได้วิตามินและเส้นใยอีกด้วย ซ้ำยังเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกินตับหรือเนื้อสัตว์ หรือผู้ที่เป็นโรคคอเลสเตอรอลสูง นอกจากกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงแล้ว เรายังต้องกินอาหารที่มีวิตามินซี หรืออาหารที่มีสารโปรตีนควบคู่ไปด้วยร่างกาย จึงจะดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ได้ดี เพราะธาตุเหล็กที่มีในอาหารนี้ ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้

ตัวอย่าง จำนวนธาตุเหล็กที่มีอยู่ในผักต่างๆ ต่อจำนวนน้ำหนัก 100 กรัม

- มะเขือพวง 43 มิลลิกรัม
- ผักกูด 36.3 มิลลิกรัม
- ถั่วฟักยาว 26 มิลลิกรัม
- ผักแว่น 25.2 มิลลิกรัม
- เห็ดฟาง 22.2 มิลลิกรัม
- ผักโขม 21.4 มิลลิกรัม
- ใบแมงลัก 17.2 มิลลิกรัม
- พริกหวาน 17.2 มิลลิกรัม
- ใบแมงลัก 17.2 มิลลิกรัม
- ผิวมะกรูด 16.7 มิลลิกรัม
- ใบกะเพราแดง 15.1 มิลลิกรัม
- ผักเม็ก 11.6 มิลลิกรัม
- ยอดอ่อนมะกอก 9.9 มิลลิกรัม
- ใบชะพลู 9.8 มิลลิกรัม
- ยอดอ่อนกระถิน 9.2 มิลลิกรัม
- มะเขือพวง 7.1 มิลลิกรัม
- ใบย่านาง 7.0 มิลลิกรัม
- ยอดขี้เหล็ก 5.8 มิลลิกรัม
- ผักกะเฉด 5.3 มิลลิกรัม
- ดอกแค 5.3 มิลลิกรัม
- ยอดตำลึง 4.6 มิลลิกรัม
- ใบตำลึงมี 4.6 มิลลิกรัม

18.ไข่บำรุงสมอง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความจำเสื่อม



ไข่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายซึ่งล้วนแต่เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย บำรุงสมอง โคลีน(Choline) เป็นสารอาหารสำคัญตัวหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบี พบได้ในไข่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความจำเสื่อม

19.ลดอาหารที่มีแคลอรี่สูง
ผลการวิจัยจากประเทศเยอรมนีพบว่าผู้หญิงที่มีสุขภาพดีอายุระหว่าง 50-80 ปี ลดการทานอาหารที่มีแคลอรี่ลง 30 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลา 3 เดือน สามารถทำแบบทดสอบการเรียนรู้และการจดจำได้ดีขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์

20.กลิ่นของหญ้าที่ตัดใหม่ช่วยผ่อนคลายความเครียดและกระตุ้นความจำในสมอง



นักประสาทวิทยาในประเทศออสเตรเลียพบว่ากลิ่นของหญ้าที่ตัดใหม่กระตุ้นสมอง สองส่วน ส่วนแรก 'อไมกดาลา' มีหน้าที่ควบคุมอารมณ์ และ 'ฮิปโปแคมพัส' ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างความทรงจำระยะยาว กลิ่นของหญ้าที่ตัดใหม่ช่วยผ่อนคลายความเครียดและกระตุ้นความจำในสมอง

21. น้ำมะพร้าว ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ชะลออัลไซเมอร์


น้ำมะพร้าวอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม เหล็ก โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ และวิตามินบี แถมยังมีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายใน 5 นาที และยังเป็นประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกาย

น้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจนสูง ช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อมในสตรีวัยทอง  ช่วยให้ผิวพรรณสดใสเพราะในน้ำมะพร้าวมีเอสโตรเจนอยู่ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ และในน้ำมะพร้าวยังสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ได้ดี แถมยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย (คล้ายๆ กับการทำดีท็อกซ์) จึงช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส อีกทั้งความเป็นด่างของน้ำมะพร้าวยังช่วยปรับสมดุลของร่างกายในช่วงที่มี ความเป็นกรดสูง ทำให้กลไกการทำงานของระบบภายในเป็นปกติ

น้ำมะพร้าว สปอร์ตดริ๊งค์ จากธรรมชาติ

เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีปริมาณเกลือแร่ที่จำเป็นสูง รวมทั้งมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาความอ่อนเพลียเนื่องจากอาการท้องเสียหรือท้อง ร่วงได้ จึงจัดเป็นสปอร์ตดริ๊งค์ ( Sport Drink) สามารถดื่มหลังการสูญเสียเหงื่อจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย นอกจากนี้ ในประเทศไต้หวันและประเทศจีน ยังนิยมดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อลดอาการเมาหลังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย

น้ำมะพร้าวเป็นอาหารบริสุทธิ์ และเต็มไปด้วยกลูโคสที่ร่างกายดูดซึมเข้าไปใช้ได้ง่าย นอกจากนั้นมะพร้าวยังเป็นผลไม้ที่มีความเป็นด่างสูง สามารถรักษาโรคที่เกิดจากร่างกายมีความเป็นกรดมากเกินไป 

หมอพื้นบ้านไทยถือว่า มะพร้าวเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูกได้ 

นคนจีนเชื่อว่า น้ำมะพร้าวมีฤทธิ์เป็นกลาง ไม่เป็นทั้งหยินและหยาง มีสรรพคุณในการขับพยาธิ 

สำหรับคนไข้ที่อาเจียนและท้องร่วงในเวลาเดียวกัน สามารถดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมกลูโคสไปใช้ในเวลาอันรวดเร็ว ได้..

น้ำมะพร้าวดื่มได้ทุกวัน ทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติ ทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่เป็นอันตรายเหมือนน้ำอัดลม น้ำหวาน หรือน้ำที่ผ่านการปรุงแต่ง เพราะไม่ทำให้เกิดพิษหรือทัอกซินขึ้นในร่างกาย 

สำหรับคนที่เป็นโรคไตและโรคเบาหวานไม่ควรดื่ม เพราะน้ำมะพร้าวมีความหวาน ไม่เหมาะกับโรคดังกล่าว

น้ำมะพร้าวเปิดลูกแล้วควรดื่มเลย ไม่ควรทิ้งไว้นาน ถ้าเราตัดหรือหั่นผลไม้ อย่าทิ้งไว้เกินครึ่งชั่วโมง แม้จะเก็บในตู้เย็นก็ตาม ควรกินให้หมดในครั้งเดียว

ผลไม้แต่ละอย่างจะมีพลังชีวิต ถ้ากินผลไม้สุกจากต้นจะได้รับพลังชีวิตสูง หากเก็บทิ้งค้างไว้ พลังชีวิตหรือคุณค่าของผลไม้จะลดต่ำลงเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เก็บ

ที่มา ภาพจากอินเทอร์เน็ต เนื้อหาจากเวป //lifestyle.th.msn.com

........

ต้นเหตุของสมองเสื่อม ความจำสั้น อัลไซเมอร์

สมอง คืออวัยวะสำคัญ มีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว, พฤติกรรม และรักษาสมดุลภายในร่างกาย เช่น การเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิ เป็นต้น หน้าที่ของสมองยังมีเกี่ยวข้องกับการรับรู้ อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหว และความสามารถอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเรียนรู้

1.ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี้จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม

2. กินอาหารมากเกินไป ทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น 

3. สูบบุหรี่ เป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์

4. กินของหวานมากเกินไป ขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาองสมอง

5. มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายการสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะ เข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง

6. อดนอน  เป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้ 
การนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อน

7. นอนคลุมโปง เป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว

9. ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมอง การขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ

10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง

cr.  รพ.บำรุงราษฏร์

oo




Create Date : 06 กรกฎาคม 2557
Last Update : 16 ธันวาคม 2557 21:37:56 น.
Counter : 3378 Pageviews.

0 comments

Green Turbo
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



กรกฏาคม 2557

 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31