Bloggang.com : im virgo : นครวัด-นครธม

นครวัด-นครธม

ทริป “นครวัด-นครธม”

ข้อควรรู้เกี่ยวกับเขมร ^^ และ นครวัด-นครธม

1. นครวัด เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงมากระดับโลก จนถึงกับมีสำนวนว่า “See Angkor and Die” แปลคือ ตายไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้เห็นนครวัด (ประมาณนั้น)

2. กัมพูชา หรือ เขมร เรียกอะไรก็ได้ ชาวเขมรเขาไม่ว่าอะไร .. เป็นประเทศในกลุ่ม ASEAN แต่การเข้าประเทศนี้ เราต้องขอวีซ่า ด้วย เพราะเขาถือว่า รายได้จากการท่องเที่ยว คือรายได้หลักของประเทศ สำหรับคนไทย ค่าวีซ่า 1,000 บาท ไปขอที่ด่านก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พร้อมรูปถ่าย 1 รูป

3. อาหารหลักของที่นี่คือ ข้าว เพราะฉะนั้นเรื่องอาหารคนไทยสบายมาก เพราะเหมือนกันมาก เพียงแต่จะจืด (มาก) กว่า และออกจะมันๆ

4. โทรศัพท์ โทรกลับไทย นาทีละ 2 USD (แม่เจ้า) แพงมากๆๆๆๆ เพราะกัมพูชาไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ของตนเอง ต้องเช่าตนอื่นเขา

5. ภาษา เฉพาะที่เสียมราษฎร์ พ่อค้า แม่ค้า ใช้ภาษาไทยได้ (บางส่วนใหญ่) แต่ที่จะสะดวกในการใช้ที่สุดคือ ภาษาอังกฤษ แต่ถ้าใครพูดเขมรได้ก็ประเสริฐนะ ^^ และขอบอกว่า แม้แต่ลูกเล็กเด็กแดง ที่มาเร่ขายของพูดภาษาอังกฤษน้ำไหลไฟดับมาก ถามอะไรตอบได้หมด บางคน ได้ไปถึงภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส สำเนียงสุดเฟอร์เฟค

6. เงิน ที่นิยมใช้คือ USD (ราคราคาสินค้าทุกแห่งจะใช้ USD หมด) แต่เงินไทยก็ใช้ได้นะ แต่ไม่ทุกร้าน ถ้าใช้เงินไทยให้เอาเป็นแบงค์ 20/50/100 ไปเพราะใช้ได้ แต่ไม่มีทอนให้จ้า... ส่วนสกุลเงินเขมร คือ เงินเรียล อัตราแลกเปลี่ยน 100 เรียล = 1 บาท

7. โปสการ์ด มีขายเยอะมาก ทั้งที่โรงแรม ร้านค้า และเด็กเร่ขาย แนะนำให้ซื้อกับเด็ก เพราะนอกจากได้คุยโน่นนี่แล้ว สามารถต่อรองราคาได้ ราคาที่บอกขายคือ 1 ชุด มี 10 ใบ ชุดละ 1 USD แต่สาวไทยต่อไปมาได้ในราคา 5 ชุด / 100 บาท

8. ไฟฟ้า อันนี้น่ายกย่องเลย ที่กัมพูชาไฟดับ หรือไฟตกบ่อยมาก แต่คนในประเทศก็ร่วมกันประหยัดนะ คือหลัง 4 ทุ่ม ไฟจะปิดแทบจะทั้งเมือง แม้แต่โรงแรม ยังมืดมิด

9. TV. มีช่องไทยทุกช่องค่ะ ส่วนรายการเพลง สุดยอดมาก คำร้องเขมร แต่ทำนองไทยทุกเพลง ทั้งลูกทุ่ง และไทยสากล

10. ภาษาเขมร วันละคำ ^^
ซัวซะเดย – สวัสดี ออกุน – ขอบคุณ
เลยซินเฮย – ลาก่อน ซกสบายดี – สบายดี
เนียงลออ – น่ารัก เนียงสะอาด – สวย

11. นครวัด แปลว่า นครที่มีวัด เป็นปราสาทเพียงปราสาทเดียว สร้างในสมัย พระเจ้าสุริยวรมันที่ II
ส่วน นครธม แปลว่า นครอันกว้างใหญ่ ประกอบด้วยปราสาทหลายหลัง สร้างในสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ VII

12. อาคารที่เสียมราษฎร์ จะมีความสูงไม่เกิน 4 ชั้น ตามกฎหมายที่ว่าไม่ให้สูงกว่านครวัด และทุกอาคารจะต้องมีหลังคา

13. ปราสาทส่วนใหญ่ จะสร้างไม่เสร็จ แม้แต่นครวัด เองก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อเปลี่ยนกษัตริย์ ปราสาทหลังเก่าก็จะถูกทิ้งร้าง กษัตริย์พระองค์ใหม่จะต้องสร้างปราสาทหลังใหม่

มาเริ่มทริปกันเนอะ...
วันที่ 1 ด่านช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ด่านนี้เป็นด่านเล็กๆ ที่แสนจะ.. เอ่อออ...ทุรกันดาร มาถึงก็ไปทำเรื่องขอวีซ่าก่อน เจ้าหน้าที่ที่ด่านก็ชี้ๆให้มา... ก็งงไปไหนฟร่ะ ไม่เห็นใครสักคน สักพักก็มีเจ้าหน้าที่ ท่าท่างสลึมสลือเดินออกมาจากกระต๊อบ แล้วหยิบเอกสารจากในรถมาทำวีซ่าให้..เราก็ เออ ง่ายอย่างนี้เลยเนอะ..

เข้ากัมพูชาได้แล้ว นั่งรถต่อไปอีก 2.30 ชม. ก็ถึงเสียมเรียบ หรือ เสียมราษฎร์ นั่นแหละ เข้าเก็บของแล้ว ก็ออกไปชมจุดแรกกันเลย... คือ บารายตะวันตก (บาราย แปลว่า อ่างเก็บน้ำ) เราต้องนั่งเรือไปยังเกาะกลางบาราย เพื่อชมปราสาท แม่บุญตะวันตก ซึ่งเหลือเพียงซากกำแพง...

วันที่ 2 ก่อนที่จะชมปราสาทในเขตมรดกโลก (World Heritage) ได้ เราต้องทำบัตรเข้าชมก่อน ซึ่งที่นี่ดีมากเลย เพราะทุกคนต้องถ่ายรูปด้วย คือบัตรใครบัตรมัน... บัตรที่เราได้เป็นบัตรชนิด 1 สัปดาห์ ราคา 60 USD และการจะลักลอบเข้าชมโดยไม่มีบัตรเป็นไปไม่ได้เลย เพราะตรวจละเอียดมาก

ปราสาทพระโค เป็นปราสาทที่สร้างเพื่อถวาย พระศิวะ มีพระโคนนทิ หมอบเฝ้าอยู่ด้านหน้า วัสดุสร้างจากศิลาแลงเป็นหลัก กำแพงมี 3 ชั้น หมายถึง แบ่งคนให้เข้าแต่ละชั้นได้ตามวรรณะ

ปราสาทบากอง จำลองว่าเปรียบดั่ง เขาพระสุเมร เป็นศูนย์กลางของสุริยจักรวาล ปราสาทมี 5 ยอด ในอดีต ใช้เป็นที่เก็บคัมภีร์พระเวทย์ ในพิธีกรรมศาสนาฮินดู

ปราสาทโลเล่ย ปัจจุบัน กลายเป็นวัดไปแล้ว ในอดีตเคยถูกล้อมด้วยอ่างเก็บน้ำ ต้องใช้เรือ มีการต่อท่อน้ำออกจากกลางปราสาทมายังข้างนอกเพื่อให้ชาวบ้านรับน้ำศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า “ปากนาคราช” ทั้ง 4 ทิศ

ปราสาทตาแก้ว เป็นปราสาทที่เรียกว่า “โกลน” คือ ปราสาทที่เอาหินมากองไว้ เป็นปราสาทที่สร้างไม่เสร็จก็ถูกทิ้งร้างด้วยเชื่อว่าเป็นที่ไม่ดี และยังไม่มีการแกะสลักลายใดๆเลย (ทางขึ้นชันสุดๆ)

ภาพตาแก้ว

ปราสาทตาพรหม มีชื่อเดิมว่า “ปราสาทราชวิหาร” ถือเป็นวัดประจำพระองค์ของ พระเจ้าชัยวรมันที่ VII สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับพระราชมารดา ปราสาทหลังนี้ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ มีเหตุผลที่ไม่ตัดต้นไม้ที่ปกคลุมทิ้ง เนื่องจาก เป็นปราสาทในบริเวณ World Heritage จึงปล่อยไว้เพื่อศึกษาว่า ปล่อยทิ้งไว้ กับตัดทิ้ง อย่างไหนจะทำให้ปราสาทอยู่นานกว่ากัน

ปราสาทกระวาน เป็นชื่อมาจากดอกไม้ เป็นปราสาทที่พรามหณ์เป็นผู้สร้าง จึงไม่ยกฐานสูง ได้รับการบูรณะแล้วโดยฝรั่งเศส สังเกตจากอิฐใหม่ที่มาแทนที่จะมีอักษร CA มาจากคำว่า Conservation Angkor

ปราสาทนครวัด เป็นปราสาทที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ด้วยความเชื่อ 3 ข้อ คือ 1. เชื่อว่าสร้างเพื่อเป็นที่เก็บอัฐิ ของพระเจ้าสุริยะวรมันที่ II 2. หันหน้าไปทางพนมบาแค็ง ซึ่งเป็นเมืองหลวงในอดีต 3. การลำเลียงหินจากภูเขา ใช้ทางแม่น้ำ ซึ่งถ้าเริ่มสร้างจากทางตะวันตกจะง่ายกว่า ด้วยเหตุผลข้อนี้ จึงคาดกันว่าทางตะวันออก น่าจะยังสร้างไม่เสร็จ

ปราสาทพนมบาแค็ง เป็นปราสาทที่สร้างบนยอดเขา

ปราสาทปักษีจำกรง เรียกว่าเป็นปิรามิดแห่งเอเชีย ไม่ใช่ด้วยขนาดนะ เพราะไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่เป็นด้วยรูปแบบ ที่ปราสาทแห่งนี้ มีศิลาจารึก เกี่ยวกับบรรพบุรุษของชาวกัมพูชา ที่ชื่อว่า ฤาษี กัมพุ

นครธม มีพื้นที่กว้างขวางถึง 9 ตารางกิโลเมตร มีประตูทางเข้า 4 ทิศ โดยแต่ละประตูจะแกะสลักเป็นรูปใบหน้าพรหม 4 หน้า ในอาณาจักรนครธม ประกอบด้วยสถานที่สำคัญหลายอย่าง ตามนี้

ลานพระเจ้าขี้เรื้อน เป็นจุดแรกที่เราเข้ามา ตรงนี้เป็นกำแพง 2 ชั้น ตามกำแพงจะเป็นรูปแกะสลักนางอัปสร นาค มากมาย ที่ได้ชื่อว่าเป็น ลานพระเจ้าขี้เรื้อน มีข้อสันนิษฐานใกล้เคียงกัน 2-3 อย่าง แต่ที่คุณไกด์ บอกคือ รูปแกะสลักของพระยม ที่เด่นสุด มีรอยตะไคร่ ขึ้นด่างๆดำ คนที่มาพบเลยเรียกว่า พระเจ้าขี้เรื้อน

ปราสาทพิมานอากาศ เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของพระเจ้าแผ่นดิน

ปราสาทบาบวน ตอนไป เขาบูรณะอยู่ อดชม

ปราสาทบายน เด่นที่ยอดปราสาทแต่ละยอด แกะสลักเป็นรูปใบหน้า ทั้ง 4 ด้าน เชื่อกันว่า เป็นใบหน้าของพระเจ้าชัยวรมันที่ VII บ้างก็เชื่อว่าเป็นใบหน้าของพระพรหม บ้างก็เชื่อว่าเป็นใบหน้าของพระโพธิสัตวโลกิเตศวร นอกจากนี้แล้วปราสาทหลังนี้ยังมีจุดเด่นที่ ภาพแกะสลักฝาผนัง ที่รายล้อนอย่ล้อมปราสาท เป็นลวดลายของการทำสงคราม และชีวิตประจำวันของชาวเมือง

ปราสาทบันทายกุฎี พระเจ้าชัยวรมันที่ VII ทรงสร้างเพื่ออุทิศให้ ราชครู มีภาพแกะสลักเกี่ยวกับพุทธประวัติ

ปราสาทแปรรูป คำว่าแปรรูป คือ พิธีเผาศพ ชาวฝรั่งผู้ค้นพบปราสาทหลังนี้ เจอซากกระดูก ในแท่นรูปสี่เหลี่ยม จึงเข้าใจผิดว่าที่นี้ใช้ทำพิธีศพ

ปราสาทแม่บุญตะวันออก ปราสาทหลังนี้มีจุดเด่นที่ รูปปั้นแกะสลักลอยตัวรูปช้าง ซึ่งแกะจากหินทรายเพียงก้อนเดียว ในสมัยนี้มีการรับบริจาคหินจากชาวบ้านเชื่อกันว่า การถวายหินแก่พระเจ้า (แม่บุญ) คือการสร้างบุญ ปราสาทหลังนี้ใช้ศิลาแลงเป็นฐาน มีรูพรุน อุ้มน้ำได้ดี แต่สร้างสูงเท่าไร ฐานก็ต้องลึกลงในดินเท่านั้น

ปราสาทพระขรรค์ พระเจ้าชัยวรมันที่ VII สร้างอุทิศให้ “พระบิดา” เป็นปราสาทที่มีการตกแต่งกำแพงด้วยรูปแกะสลัก ครุฑยุดนาค ลักษณะประตูจากทางเข้าจะเล็กลงเรื่อยๆ

ปราสาทนาคพัน อยู่กลางบาราย ถือเป็นโรงพยาบาลในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ VII มีท่อส่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ 4 ทิศ ทิศเหนือ เป็นรูป ช้าง (ธาตุน้ำ) ทิศใต้ เป็นรูป สิงโต (ธาตุไฟ) ทิศตะวันออก เป็นรูป คน (ธาตุดิน) ทิศตะวันตกเป็นรูป ม้า (ธาตุลม)

ปราสาทบันทายสรี บันทาย แปลว่า ป้อม สรี แปลว่า ผู้หญิง เป็นปราสาทที่เชื่อกันว่าสร้างให้พระสนม โดยผู้สร้างเป็น พรามหณ์ราชครู ของ พระเจ้าราชันตรวรมันที่ II และ ชัยวรมันที่ V เป็นปราสาทที่มีลวดลายแกะสลักงดงามและละเอียดมาก สร้างจากหินสีชมพู

เฮ้ออออ เหนื่อยยยย นี่เค้าเล่าแบบย่อสุดๆ แล้วนะเนี่ย

ลืม... ไปอย่างหนึ่ง ... โตนเลสาป เป็นทะเลสาบกลางเมืองเสียมเรียบ มีหมู่บ้านกลางทะเลสาบ คล้ายๆ ที่เกาะปันหยี