|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สติเครื่องมือไล่ทุกข์
วันหนึ่งหลังทำวัตรเย็นที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ ผมได้ฟังหลวงพ่อพูดถึงเรื่องสติ(วัดนี้ไม่เน้นทำสมาธิแต่ให้สร้างสติโดยการ เคลื่อนไหว) ผมเองยังงง ว่าจะเกิดประโยชน์อะไรถ้าเรามีสติ เข้มแข็ง แต่เมื่อทั้งวัดเขาทำกันอย่างนั้นแล้วเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ เราก็ลองทำตามที่เขาบ้าง ดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในการเริ่มทำ มันมีถูกบ้างผิดบ้าง เพราะเขาไม่เน้นให้เพ่ง เน้นให้รู้อริยาบทในการเคลื่อนไหว 14 จังหวะนั้น ตัวผมเองก็อดเพ่งไม่ได้ อีกอย่างเขาให้ลืมตาทำด้วย ยิ่งตามองเห็น ใจมันก็คิดโน่นคิดนี่ไปตลอดเวลา หลงลืมสร้างจังหวะเสียอย่างนั้นแหละ วันแรกกับคืนแรก แทบไม่ได้อะไรเลย กลับถึงที่พัก ก็ยังทำต่อแต่มันมืดมองอะไรไม่ค่อยเห็นดูเหมือนว่าจะดีกว่ากลางวันนิดหนึ่ง
ในวันต่อ ๆ มาคือวันที่ 2 ถึงวันที่ 5 เริ่มจะรู้ว่าควรทำอย่างไร ก็ทำได้ถูกต้องขึ้น เห็นการเคลื่อนไหวมากขึ้น มีสติอยู่กับความเคลื่อนไหวมากขึ้น แต่มีเรื่องใหม่เกิดขึ้น คือความง่วง วิ่งตามกันมาเป็นพรวน ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เที่ยง ก็ไม่เว้น ที่ทำคือฝืนเข้าไว้ ฝืนไม่ไหวก็ลุกขึ้นเดินจงกรม บอกกับตัวเองว่า ถ้ามันยังไม่หายง่วงจะเดินอยู่อย่างนี้แหละ เดินให้มันตายไปเลย ถ้ามันจะต้องตายเพราะการเดิน ตอนนี้เริ่มจะรู้สติได้มากขึ้นแล้วโดยไม่ต้องกดข่ม ไม่ต้องเพ่ง เดินไปเดินมาไม่รู้เหมือนกันว่าความง่วงมาหายไปตอนไหน(ไม่มีสติอีกแล้ว) แล้วก็มานั่งสร้างจังหวะต่อ ตอนนี้เริ่มไม่ง่วงแล้ว ตอนบ่าย ๆ น่าจะง่วงกับไม่ง่วง ยิ่งเห็นอุบาสก อุบาสิกา เขาสร้างจังหวะกัน เดินจงกรมกัน ยิ่งมีกำลังใจทำ เหมือนกับเรามีเพื่อนร่วมทาง แม้ไม่รู้จักกันมาก่อนก็มาเป็นญาติกัน เพราะได้ส่งเสริมกำลังใจในการปฎิบัติธรรมเหมือน ๆ กัน เวลา 18.00 น. เป็นเวลาที่ทำวัตรเย็น ผมออกเดินจากที่พักเมื่อเวลา 17.30 น. เพื่อว่าจะมาปูอาสนะสำหรับทำวัตร แต่ไม่เคยมาทันสักวันเพราะมีคนทำไว้เรียบร้อยแล้ว ต้องเป็นฝ่ายมาใช้บริการทุกวัน ทั้ง ๆ ที่ผมอยากจะเป็นผู้บริการบ้าง ตอนเช้าทำวัตรตอน 4.00 น. ก็มาปูอาสนะไม่ทันเพราะมีคนมาทำไว้เรียบร้อยแล้ว ผมสังเกตเห็นว่า คนที่มาปฎิบัติธรรมนี่ หลายวันเข้าจะเป็นคนมีจิตสาธารณะมากขึ้น เรียกว่ามีแต่คนหางานทำเพื่อบริการผู้อื่น ไม่มีคนคอยให้ผู้อื่นบริการเหมือนตอนอยู่บ้าน หรืออยู่ที่ทำงาน แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นอย่างนั้น (แล้วในโลกนี้มีอะไรดีทังหมดทั้งโลกบ้างเล่า) อีกเวลาหนึ่งที่เราจะฝึกจิตฝึกใจของเรา มีสติตามดูความคิดได้ดี คือตอนที่เข้าไปรับอาหาร เป็นธรรมชาติของคนอย่างหนึ่งคือขอฉันก่อน(คนที่ให้คนอื่นรับก่อนเป็นคนผิด ปกติหรือเปล่าไม่รู้) จะมีทั้งคนแทรกแถว และมีคนกันแถวไว้ให้คนอื่นที่เป็นพวกของตนเข้ามาตัดหน้า มีให้เห็นทุกวัน(เพราะมีคนมาทำบุญบ้าง มาปฎิบัติธรรมรายใหม่บ้าง) เราก็ได้อาศัยโอกาสนี้ใช้สติติดตามความคิดของเราทุกวัน แต่มันแปลกพอมีสติดี ความคิดมันก็หายไปเอง ไม่มีอารมณ์อะไรที่ไม่มีมาเกิดขึ้นกับใจเลย อย่างนี้กะมังที่เขาว่าสติดับทุกข์ได้ ความหงุดหงิดที่โดนแทรกแถวไม่เกิดขึ้นเลย แม้ออกจากวัดมาแล้วก็ยังติดตัวมา แม้ว่าผมจะพยายามหาเวลาฝึกสติโดยการสร้างจังหวะ แต่มันก็ไม่ค่อยมีเวลา นี่กระมังที่เขาว่ามารมาขัดขวางเรา แล้วเราจะยอมให้เกิดอย่างนั้นขึ้นหรือ ถ้ายอมให้เกิดขึ้นเราก็ไม่ได้พัฒนาจิตใจของเราซิ เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงพยายามฝึกในขณะทำงานไปด้วย เช่นเวลาเดินไปไหนมาไหนในขณะทำงานก็ปรับให้มันเป็นเดินจงกรม เวลาสอนนักเรียนก็พยายามให้มีสติตามรู้ทันในขณะทำงาน เวลาอาบน้ำฟอกสบู่ก็พยายามให้มีสติอยู่กับการอาบน้ำนั้น เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วก็เลยลงมือทำเลย เมื่อลงมือทำปรากฎว่าในระยะแรก ๆ มันติด ๆ ขัด ๆ ไปหมด เวลาเดินบางทีก็ลืมไปเหมือนกัน เวลาสอนนักเรียนก็สอนช้าลงเพื่อให้สติตามทัน ทำได้สัก 2 วัน รู้สึกว่า มันไม่ไหวแล้วเลิกดีกว่า แต่อีกใจหนึ่ง(หลายใจแท้น้อ) ก็ยังอยากจะทดลองต่อไป ก็ตกลงกับตัวเองว่าถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้สม่ำเสมอ เพราะหลุดบ้าง ก็ช่างเถิดขอให้ได้ฝึกสติก็ดีแล้ว มากบ้างน้อยบ้างก็ไม่เป็นไร บางครั้งการทำอะไรที่ผิดจากคนทั่วไปมันก็ดูแปลก ๆ ไปเหมือนกัน เวลาเดิน ก็เดินปกติ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ปกติ สำหรับคนอื่นที่เขามองเราอยู่(หรือเราคิดไปเอง) พวกที่ไม่ค่อยสังเกตก็จะไม่รู้ ส่วนพวกที่สังเกตก็ดูแปลกไปเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรทำไปเรื่อย ๆ สะสมเอาไว้ ถ้าว่างเมื่อไรได้ไปวัดก็จะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาล ผมคิดว่าจะทำจนคนคิดว่านั่นคือบุคลิกของผมทีเดียว ในวันที่เรายังกินอิ่มนอนหลับดูเป็นปกติเรามักจะลืมเรื่องต่าง ๆ ไป แต่เมื่อสักวันเรามีทุกข์ สิ่งที่เราฝึกฝนไว้ มันจะช่วยให้ความทุกข์ของเราบรรเทาลงได้ อย่ารอให้มีความทุกข์เสียก่อนแล้วจึง ค่อยมาสร้างสติ เพราะมันอาจจะสร้างยากขึ้น หรือจมกับความทุกข์จนลืมความสำคัญของสติ หรืออาจหาทางออกอื่นใดไม่ได้เลย
Create Date : 08 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 8 ธันวาคม 2552 23:44:54 น. |
|
16 comments
|
Counter : 312 Pageviews. |
|
|
|
โดย: สุนันทา IP: 192.168.212.96, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:12:56:31 น. |
|
|
|
โดย: จิราภรณ์ IP: 192.168.212.93, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:00:02 น. |
|
|
|
โดย: นันธิดา IP: 192.168.212.102, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:00:30 น. |
|
|
|
โดย: ratana IP: 192.168.212.109, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:01:25 น. |
|
|
|
โดย: soawaluk IP: 192.168.212.108, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:02:46 น. |
|
|
|
โดย: บุษบา เองค่ะ IP: 192.168.212.95, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:02:54 น. |
|
|
|
โดย: ทัดดาว IP: 192.168.212.102, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:05:17 น. |
|
|
|
โดย: ธิดารัตน์ IP: 192.168.212.90, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:05:53 น. |
|
|
|
โดย: อรุณี (จามรี ) วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:07:00 น. |
|
|
|
โดย: soawaluk IP: 192.168.212.108, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:07:15 น. |
|
|
|
โดย: ีัีีีี่ีอนนท์ IP: 192.168.212.93, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:07:52 น. |
|
|
|
โดย: ภูริ IP: 67.228.166.109 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:23:34 น. |
|
|
|
โดย: เอ IP: 192.168.212.121, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:50:04 น. |
|
|
|
โดย: 123 IP: 192.168.212.96, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:52:32 น. |
|
|
|
โดย: เอ IP: 192.168.212.121, 127.0.0.1, 180.180.86.23 วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:13:54:47 น. |
|
|
|
โดย: จามรี วันที่: 12 ธันวาคม 2552 เวลา:13:32:20 น. |
|
|
|
| |
|
|