การจะเลือกใช้เส้นพาสต้าชนิดใดต้องขึ้นอยู่กับชนิดของซอสที่ใช้เป็นหลัก หากเป็นซ้อสข้นๆหรือครีมๆก็ควรใช้พาสต้าเส้นหนาหรือพาสต้าที่เป็นรูปร่างต่างๆเช่นก้นหอยหรือเกลียวเพื่อที่จะอุ้มน้ำซอสไว้ หากซอสรสอ่อนนุ่มละมุนแบบผู้ดี๊ผู้ดีก็ควรใช้พาสต้าเส้นละเอียดละเมียดละไมจะได้เหมาะสมกัน บางครั้งการจะเลือกเส้นพาสต้าก็ต้องคำนึงถึงคนกินด้วย เช่นถ้าเป็นเด็กก็น่าจะใช้พาสต้าที่เป็นรูปร่างน่ารักๆกินง่ายไม่พันกันนัวเนีย
Spaghetti (สปาเก๊ตติ) น่าจะมีถิ่นกำเนิดในอิตาลีตอนใต้ตั้งแต่สมัยยุคกลางโน่น ลักษณะเป็นเส้นกลมๆยาวๆ คำว่า spaghetti แปลว่า เส้นหรือสายยาวๆ (cords) เดิมทียาวตั้ง 20 นิ้ว (เกือบสองไม้บรรทัดต่อกัน) แล้วก็เลยก็เกิดข้อพิพาทว่าเราควรจะกินมันอย่างไร กินเส้นยาวๆก็ห้อยย้อยโตงเตงแถมดูดกันเหนื่อย แต่จะหักหรือตัดเส้นมันก็เสียศาสตร์และศิลป์ในการกินไป ปัจจุบันเส้นสปาเก็ตติจึงหดสั้นลงมาแล้ว จึงเป็นผลดีกับทุกฝ่ายไปเรียบร้อย สปาเก็ตติกินอร่อยกับซอสง่ายๆที่ไม่ต้องวิลิศมาหรานัก เช่น tomato sauce (ไม่ใช่แบบที่เหยาะออกมาจากขวดแบบที่เรากินกับไข่เจียวนะคะ อันนี้คือซอสที่ปรุงจากมะเขือเทศ เคี่ยวไฟใส่สมุนไพรใช้เวลาน่าอภิรมณ์) หรืออีกชนิดที่นิยมมากในบ้านเราก็คือ Spaghetti alla Carbonara with pancetta and eggs (pancetta คล้ายๆเบค่อนค่ะ) Spaghetti with meatballs ก็นิยมเช่นกัน (meatballs คือเนื้อปั้นก้อนกลมๆ ไม่เหมือนลูกชิ้นเนื้อบ้านเราที่มีแป้งเยอะกว่า)
Vermicelli (เวอหมิ
เช้หลิ) เป็นสปาเก็ตติในเวอร์ชั่นที่ผอมเพรียว แต่ก็ยังมีชนิดที่ผอมเพรียวยิ่งกว่า คือ
Capellini (คาเป
ลี๊หนี่) หรือที่เรียกขานกันว่า angels hair เพราะเล็กละเอียดเหมือนเส้นผมสลวยของนางอัปสรสวรรค์กระนั้นเลยทีเดียว แต่บ้างก็เรียก ไส้เดือนน้อย ซะงั้น ด้วยความเพรียวบางของเส้นจึงสามารถเข้าเนื้อได้ง่าย กินกับซอสอะไรก็อร่อย ปรุงเป็นสลัด หรือเอามาผัดก็ยังได้
Lasagna (ลา
ซ้านเญ่อะ) เป็นพาสต้าคลาสสิก เพราะคำว่า lasagna นี้มีให้ได้ยินมาตั้งแต่สมัยกรีกโ
บราณ (lasanum = pot) แต่หลักฐานตำราอาหารที่อธิบายการทำ lasagna เล่มแรกของโลกดันไปโผล่อยู่ที่อังกฤษ ตกลงใครเป็นต้นตำรับเจ้าแรกก็เลยต้องถกเถียงกันต่อไป ตัวพาสต้าที่ใช้ทำ lasagna นั้นหน้าตา
เป็นแผ่นแบนๆไม่หนามาก
(sheet pasta) ขนาดหน้ากว้างประมาณ 3*6 นิ้ว เวลาปรุงก็วางซ้อนสลับกับใส้ไปมาเป็นชั้นๆ
(layers) แล้วเอาไปอบเป็น
casserole (casserole ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า
saucepan ซึ่งเป็นกะทะก้นลึกใส่อาหารแล้วนำไปอบ เหมือนอบมั่วคือมีอะไรอยากกินก็อบรวมๆกัน เช่นผัก เนื้อ นม ชีส ซุปเห็ด etc. แล้วก็เสริฟในกะทะนั้นได้เลยเพราะมันเละ ตักออกแล้วไม่งดงาม เวลาจะทานก็เอาทัพพีจ้วงใส่จานของตน) ซอสยอดนิยมคือ tomato sauce และ Béchamel sauce (white sauce นั่นเอง) ส่วนประกอบยอดนิยมก็คือเนื้อวัวบด ไส้กรอก และ meatballs
Ravioli (ราวี
โอ๊หลี่) คำนี้มาจากคำกริยาภาษาอิตาเลียนว่า riavvolgere แปลว่าห่อ
(to wrap) เป็นพาสต้าที่มีฟังก์ชั่นเหมือนเกี๊ยวคือเอาไว้หุ้มไส้
(stuffed pasta) พาสต้าแนวนี้นิยมกินกันมาในอิตาลีตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 และก็มีรูปร่างและชื่อเรียกขานแตกต่างไปตามแว่นแคว้นต้นกำเนิด พาสต้ายัดไส้ตระกูลเดียวกันได้แก่
Pansôtti (รูปสามเหลี่ยม)
Agnolotti (ครึ่งวงกลม)
Tortellini (รูปวงแหวน) และ
Cappelletti (หน้าตาคล้ายเกี๊ยว) ไส้ของพาสต้าประเภทนี้มักเป็นเนื้อวัวบด เนื้อปลา ผัก หรือชีสข้นๆอย่าง ricotta ด้วยความเก๋ไก๋ในฟังก์ชั่นเราสามารถประยุกต์พาสต้าชนิดนี้เป็นขนมหรือของกินเล่นก็ได้ เช่นนำไปทอดกรอบหรือใส่ไส้ช็อกโกแล็ต กัดแล้วไส้เยิ้มๆ ชื่นจายยย
Penne (เพ้นเหน่) เป็นพาสต้าข้อปล้องที่มีความโดดเด่นตรง cutting ที่ตัดเฉียงดูไม่ธรรมดาดาษๆ คำว่า penne แปลว่า ขนนก หรือ ปากกาขนนก (feather or quill) penne มีสองชนิดคือ penne lisce (หรือ mostaccioli) ซึ่งเป็นแบบโล้นๆเนียนๆไม่มีลวดลาย ส่วน penne rigate จะ มีการสลักเสลาเป็นรอยยาวตลอดเส้นทำให้อุ้มซอสชุ่มฉ่ำได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ว่าจะเป็นชนิดใด หัวใจสำคัญในการปรุง penne คือต้องไม่ให้นุ่มหรือแข็งจนเกินไป (al dente) ซอสยอดนิยมคือ pesto (ทำจากสมุนไพรพวกโหระพา สะระแหน่) และtomato marinara sauce
พาสต้าลักษณะใกล้เคียงคือ Rigatoni (ริกาโต๊หนี่ แปลว่า แนว สัน หรือส่วนที่นูน) เส้นผ่าศูนย์กลางจะใหญ่กว่า penne แต่เป็นท่อนสั้นๆ มีรอยบากหรือรอยหยักโดยรอบ นิยมตัดเส้นตรงๆ ไม่ตัดเฉียงแบบ penne
Fettuccine (เฟตตุช
ชี้หนิ) แปลว่าริบบิ้น เพราะหน้าตาเหมือนริ้บบิ้นเส้นยาวๆ (แต่จะว่าไปก็ละม้ายตัวตืด) ตระกูลเดียวกับ
Tagliatelle (ทักลิอ๊าแต่ลเหลอะ) แต่ถ้าเส้นผอมบางลงมาหน่อยจะเรียก
fettucelle นิยมทานกับ
carborana sauce ส่วนที่ฮอทฮิทติดชาร์ตก็คือ
Fettuccine Alfredo ที่มีส่วนผสมหลักคือเนยและชีส
parmesan (กลิ่นและรสแบบเดียวกับที่เป็นผงๆในร้าน pizza company)
พี่น้องตระกูลเส้นยาวแบนที่ค่อนข้างจะ popular อีกชนิดก็คือ
Linguini (ลิงกวี๊หนี่) แปลว่าลิ้น เพราะแบนๆยาวๆ(ชวนขนลุกซู่) เมนูยอดฮิตของพาสต้าชนิดนี้คือ
Linguine alle vongole (หอยลายชนิดหนึ่ง)
Fusilli (ฟู
ซี๊หลิ) หน้าตาเหมือนโปเต้ คำว่า fusilli แปลว่าแกนหมุนหรือเพลาหมุน
(spindles) เพรา
ะลักษณะเป็นเกลียวๆ บางเวอร์ชั่นจะเป็นสีเขียวเพราะปนสีผัก หรือสีชมพูแดงๆเพราะปนสีของบีทรูท Fusillii ทั่วไปจะยาวพอดีคำ หากค่อนข้างยาวหน่อยเรียกว่า
Fusilli Langhi ถ้ามีขนาดเล็กสั้นลงมานิดนึงเรียกว่า
Rotini(โร
ตี๊หนี่) ด้วยความเกลียวของพาสต้าสองชนิดนี้ทำให้พวกมันอุ้มน้ำซอสเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะทานกับซอสเข้มข้น ทำสลัด หรือ casserole
พาสต้าตระกูลเกลียวนี้ยังมี
gemelli (เจ
เม้ลหลิ) ซึ่งมีลักษณะเป็นควั่นเกลียวพันกันไปมา และยังมี
Radiatore (ราดิ
อ๊าต่อเร่อะ) ที่หน้าตาเหมือนเครื่องทำความร้อน (radiator) อีกด้วย มหัศจรรย์จินตนาการจริงๆ(ตอนที่คิดค้นคงเป็นฤดูหนาว)
Macaroni (มากาโร้หนิ) คุ้นหูคุ้นปากในร้านอาหารตามสั่งบ้านเรามาช้านาน ที่พบเห็นบ่อยเป็นแบบโค้งหักศอก (Elbow Macaroni) เมนูง่ายๆบ้านๆแต่อร่อยของพาสต้าชนิดนี้คือ Macaroni and Cheese (นิยมใช้ cheddar cheese) พาสต้าหน้าตาโค้งๆนี้ยังมีอื่นๆอีก อาทิเช่น Pipe Rigate
Farfalle (ฟา
ฟ้าเหล่ะ) ขนาดเล็กเรียกว่า
Farfallini (ฟาฟา
ลี๊หนี่) ขนาดบิ๊กเบิ้มเรียกว่า
Farfallone (ฟาฟา
โล้เหน่) คำว่า farfalle แปลว่าผีเสื้อ แต่บ้างก็เรียก
bow tie pasta ซึ่งก็คือโบว์ติดคอของผู้ชายเวลาใส่สูทนั่นเอง เข้าใจว่าถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี 1500s นิยมทานกับหลายสิ่งหลายอย่างจะ tomato sauce, cream sauce ทำสลัด ทำcasserole หรือทำเป็นซุปใสก็ยังได้
Conchiglie (คอน
คี้เหญ่) พาสตารูปหอยเพราะชื่อของมันก็คือหอยชนิดหนึ่งคล้ายหอยสังข์
(conch shells) นิยมทานกับซอสเนื้อ หรือ tomato sauce หรือทำสลัด ถ้าเป็นหอยเล็กๆเรียก
conchiglietteส่วนหอยใหญ่เรียก
conchiglioni สามารถใส่ไส้เป็น stuffed pasta ได้เลย ด้วยความที่รูปลักษณ์เป็นรูกลวงจึงทำให้พวกมันสามารถอุ้มน้ำซอสหรือน้ำซุปได้สบายๆ จะเอามาทำอะไรกินก็เลยเข้ากั๊นเข้ากันไปเสียหมด
::อ่านข้อมูลแบบเต็มๆได้ที่:: //anglo-society.blogspot.com/2010/05/pasta.html
ชอบเฉพาะดนตรีนะครับ 555 เสียง
ร้องอาจจะไม่คุ้น.
สปาเก็ตตี้ชอบเช่นเดียวกัน ขนาดไหน
เหรอ ก็ขนาดทำเอง แต่มักจะทำใส่
ผักสิ้นคิดก์ ใบกระเพราครับ
บางครั้งก็ทำแบบที่ทำข้างบน แต่คง
จะอร่อยเท่าคุณตะแน๋วกิ้วก้าว ทำไม่
ได้แน่ เพราะแหะ ๆ ทำกินได้มื้อเดียว
ตอนนั้นทำใหม่ ๆ นำเส้นลงต้มมัน
หักหมด ไม่ทันใจ ไม่รอให้มันอ่อนตัว
ใช้หักเลย เสียดายตอนจะกินมันม้วน
ตัวด้วยซ่อมไม่ได้ วันหลังเลยใจเย็น
ลงหน่อย.
ไปละไม่รู้ใครจะเจิมศักดิ์ก่อนกัน