เหลือเวลาอีกกี่วันที่จะได้ดูแลพ่อ
กลับมาอัพเรื่องอาการป่วยของคุณพ่อต่อค่ะ หลังจากที่เขียนไว้นานแล้ว ต้องบอกว่าหายไปนานมากๆเลยที่ไม่ได้เข้าบล็อก ช่วงที่คุณพ่อป่วย เพราะหลังจากที่ทราบข่าวร้ายจากคุณหมอล่าสุดระยะเวลาแค่ 1-2 เดือนเท่านั้นที่คุณพ่อจะมีชีวิตอยู่ มันช่างสั้นนักกับการทำใจ แต่ก็ไม่มีเวลาเขียนได้เท่าที่ควร พอดีกับวันเกิดน้องแปงแปงเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา ก็เลยขออัพบล็อกวันเกิดให้น้องแปงแปงก่อน ตอนนี้ก็กลับมาอัพเรื่องอาการของคุณตาน้องแปงแปงกันต่อ นี่ก็เพิ่งจะกลับมาบ้านเมื่อวานนี้เอง หลังจากน้องแปงแปงป่วยไปนอนร.พ.มา 4 คืน 4 วัน ไข้สูงวันปิดภาคเรียนพอดี ไปรับกลับมาตัวร้อนจี๋เลย เอาไว้บล็อกหน้าจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
ช่วงระยะเวลาที่หายไปก็ได้ดูแลพ่อใกล้ชิดนาทีต่อนาทีกันเลย จากครั้งที่แล้วที่ไปพบคุณหมอมา ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ คุณหมอบอกว่าอาทิตย์ต่อไปพ่อก็จะเหนื่อยหอบมากต้องให้อ๊อกซิเจน และอาจจะต้องเจาะคอช่วยหายใจ อาจจะต้องอยู่ร.พ.ยาวจนกระทั่งเสียไปเลย อาทิตย์ถัดมาประมาณอาทิตย์ที่ 2 ของเดือน พ่อมีอาการหนักมากหายใจเหนื่อยหอบมาก เหมือนจะขาดใจ พูดแต่ละทีขาดเป็นห้วงๆ แต่พ่อก็พยายามที่จะพูดกับลูก ก็รู้ว่าพ่อก็ฝืน ทั้งๆทีให้อ๊อกซิเจนแล้วตลอด 24 ช.ม.ก็ดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไร จนเข้าวันที่ 3 ที่พ่อเหนื่อยก็เลยตัดสินใจพาไปหาหมอ ทีแรกพ่อบอกว่าถึงไปหมอก็คงช่วยอะไรไม่ได้ คงจะไล่กลับบ้านเหมือนเดิม ขนาดคนไข้หนักก็ยังคิดเแบบนี้เลย แต่ยังไงก็น่าจะดีกว่าที่บ้าน ดีกว่าดูพ่อจากไปด้วยอาการเหนื่อยหอบทรมานโดยไม่ได้ช่วยอะไรเลย ก็เลยตัดสินใจพาพ่อส่งร.พ.ห้องฉุกเฉิน ปรากฎว่าหมอบอกว่าน้ำท่วมปอด มีอาการเท้าบวมมาก่อนหน้านั้นอยู่หลายวัน และไม่ค่อยจะฉี่ แต่พวกเราก็ไม่รู้ว่าเป็นอาการของน้ำท่วมปอด คิดว่าพ่อไม่ได้ยกเท้าสูงเลยไม่ได้เอะใจอะไร หลังจากหมอให้ยาเข้าใจว่าเป็นยาขับน้ำออกจากปอด เพราะพ่อจะฉี่บ่อยขึ้น ก็ดูพ่ออาการดีขึ้น เหนื่อยน้อยลงไปมาก วันนั้นก่อนจะไปจขบ.ก็ได้ไปเจอผลิตภัณฑ์สกัดจากเปลือกมังคุดอีกตัวหนึ่ง อ่านเจอในเนตแล้วก็รีบไปซื้อของเลย ( จขบ.ไม่หยุดที่จะหาอาหารเสริมดีๆที่จะทำให้คุณพ่อได้มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น อาการดีขึ้นกว่าที่เป็น คอยหาในเนตอยู่ตลอด ) พอไปถึงที่ร้านได้แป๊บเดียวน้องสาวก็โทรมาบอกว่าจะพาพ่อไปร.พ.แล้ว พ่อท่าทางจะไม่ไหวให้รีบกลับบ้าน จขบ.เองก็ตกใจแต่ก็ถามพ่อก่อนออกมาซื้อของแล้วว่า พ่อน่าจะไปร.พ.แต่ก็อยากไปซื้อของมาให้พ่อก่อน พอเอาของเสร็จก็รีบกลับบ้านชงชาเปลือกมังคุดกับน้ำร้อนให้พ่อกินก่อนไปร.พ. แล้วก็บอกให้น้องสาวถือติดกระเป๋าไปชงให้พ่อกินก่อนนอนด้วยคิดว่าพ่อคงต้องอยู่ค้างคืนแน่ๆ หลังจากนั้นก็ไปรับน้องแปงแปงไปหาพ่อช่วงบ่ายๆ ตอนนั้นคิดว่าคุณพ่ออาการหนักเกินจะเยียวยาแล้ว น้องแปงแปงทีแรกเห็นตามีสายใส่จมูกอยู่ก็คงตกใจ ถอยหนีตา บอกกลัวๆ ซักพักแม่เข้าไปกอดตา ดึงน้องแปงแปงเข้ามากอดตาด้วย แปงแปงก็เลยไม่กลัว แล้วก็ปีนขึ้นไปหาตาบนเตียงเป็นระยะ แต่จขบ.ก็ให้อยู่เป็นพักๆ เพราะไม่อยากให้เด็กเล็กอยู่นาน เจ้าหน้าที่ก็คอยมาบอกว่ามีเชื้อโรคเยอะ ให้พาเด็กออกไป ก็รู้แหล่ะว่าไม่ควรพามาร.พ. แต่วินาทีที่ตาจะได้อยู่กับหลานมันก็มีไม่มากนัก ก็ต้องฝืนเหมือนกัน ถ้าลูกจะได้รับเชื้อโรคมาเป็นไข้ แต่กับการที่จะไม่ได้เห็นหน้าตาแล้วตลอดชีวิต ก็ขอเลือกที่จะเอาลูกมาหาตาอยู่ดี ก่อนที่จะไม่ได้เจอหน้าตาชั่วชีวิต วันนั้นพ่อดูดีขึ้นมาก บอกว่าไม่ค่อยเหนื่อยแล้ว ก็มาจากที่น้ำท่วมปอดที่ทำให้หายใจลำบาก พ่อได้นอนที่ร.พ. 1 คืนหมอก็ให้กลับบ้าน หมอเรียกน้องสาวไปคุยให้ดูฟิล์มเอ็กซเรย์ บอกว่าอาการของพ่อหนักมากแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนอนร.พ. ให้ไปพักที่บ้านอยู่กับลูกหลานดีกว่า แต่ให้ญาติไปคุยกันว่าถ้าพ่ออาการหนัก แล้วจะเจาะคอช่วยหายใจหรือจะปล่อยพ่อไป แล้วให้คุยกับพ่อว่าอาการพ่อหนักแล้ว พ่ออยากจะทำอะไร จะพูดอะไรก็ให้คุยกับพ่อไปแบบนี้ น้องสาวมาเล่าให้ฟังหลังจากกลับมาบ้านแล้ว พูดไม่ออกเหมือนกันน้ำตาร่วงพรู เหมือนมีอะไรมันมาจุกอยู่ที่คอหอย แล้วน้องสาวก็บอกว่า อาหารเสริมอะไรนั่นไม่ต้องกินแล้ว พ่อกลืนไม่ค่อยลงแล้ว ปล่อยพ่อไปเถอะพ่อเหนื่อยมากแล้ว แต่จขบ.ก็ยังค้านอยู่ในใจว่าอยากจะให้พ่อกินจนวินาทีสุดท้าย หวังว่าพ่อคงจะถูกกับยาซักตัวหนึ่ง แต่อาจจะเห็นผลช้าเพราะอาการหนัก อาจจะต้องใช้เวลาก็เลยบอกน้องสาวไปว่างั้นขอให้พ่อกินชาเปลือกมังคุดแล้วกัน เพราะชงกินกับน้ำร้อน กลืนง่ายกว่ายาเม็ดกับเอโดซี ให้หยดใส่น้ำ น้องสาวก็บอกตามใจ พอตกกลางคืนพ่อมีอาการกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ หมอบอกพ่อมีอาการของโรคหัวใจด้วยเต้นผิดปกติ อาจจะมีโอกาสหัวใจวายจากโรคได้ทุกเมื่อ ทั้งๆที่พ่อไม่เคยมีประวัติโรคหัวใจมาก่อนเลย คืนนั้นพ่อบอกว่าหัวใจเต้นเร็วมากจนนอนไม่หลับ จขบ.เองก็เลยไปค้นยามาได้ตอนเที่ยงคืน ก็เลยให้พ่อกิน พ่อก็นอนหลับได้ยาวเงียบไปเลย วันนั้นน้องสาวก็ไม่ได้บอกจขบ.ว่าหมอให้ยามาตัวนึงเป็นยาคลายเครียดหรือยานอนหลับนั่นเอง ว่าจะทำให้คนไข้หลับสบายไม่ปวดไม่ทรมาน ให้นอนหลับไปเลย คืนนั้นจขบ.เฝ้าพ่ออยู่คนเดียว แล้วเจอยาก็เข้าใจว่าเป็นยาแก้โรคหัวใจ เลยเอาให้พ่อกินไป หลังจากพ่อกินยาไปได้ซัก 15 นาทีพ่อก็เงียบหลับไป ไม่กระสับกระส่ายอีกเลย นอนยาวอีก 4 ชั่วโมงได้ แต่มารู้รุ่งเช้าอีกวันว่าเป็นยานอนหลับ พ่อก็ไม่ตื่นเลย จขบ.กับน้องสาวก็ตกใจคิดว่าพ่อไปแน่แล้ว น้องสาวบอกให้พูดกับพ่อซะข้างๆหูพ่อก็ได้ พ่อคงจะไปแล้วแหล่ะ แล้วบอกว่าให้ทำใจ พ่อหมดอายุขัยแล้ว จขบ.เองก็น้ำตาร่วงบอกน้องสาวว่าพูดไม่ออกหรอก ซักพักน้องสาวเลยเข้าไปจับมือพ่อ เอามือพ่อขึ้นมาจูบ เรียกพ่อขึ้นมาพ่อก็เหมือนพยายามลืมตาขึ้นมามองแบบเบลอๆ ลืมตาไม่ค่อยขึ้น น้องสาวบอกว่าพ่อตอนนี้อาการพ่อหนักแล้วนะ พ่ออยากจะพูดอะไรกับน้องมั้ย (น้องสาวจะเรียกแทนตัวเองว่าน้องกับพ่อแทนชื่อเล่น) พ่อไม่ต้องเป็นห่วงลูกๆนะ พ่ออยากได้อะไร อยากทำอะไรพ่อบอกมาเลยนะ น้องกลัวว่าจะไม่ได้คุยได้พูดกับพ่อ กลัวว่าพ่อจะหลับไปเลยไม่ได้คุยกับลูกๆ จขบ.เองก็สุดจะกลั้นได้ยินน้องสาวพูดแบบนั้น ปล่อยโฮโถมเข้าหาพ่อ กอดพ่อไว้แน่น ที่บอกว่าอย่าให้น้ำตาหยดบนตัวพ่อ เดี๋ยวพ่อจะเป็นห่วง มันทำไม่ได้จริงๆ (นึกถึงวันนั้นทีไรก็น้ำตาไหลทุกที) พอน้องสาวพูดพ่อก็พยายามลืมตาขึ้นมา พยายามลุกขึ้นมานั่ง พ่อส่ายหน้าบอกว่าไม่มีอะไรจะพูด แต่พ่อห่วงแปง จขบ.เองได้ยินพ่อบอกเท่านั้นก็ยิ่งสะอื้นไม่หยุด บอกพ่อว่าพ่อไม่ต้องเป็นห่วงแปง แป๊วจะดูแล ส่งเสียแปงเรียนหนังสือให้ดีที่สุด สูงที่สุด จขบ.กับน้องสาวนั่งซบที่ไหล่พ่อกันคนละข้าง จับมือพ่อกอดพ่อร้องไห้กันไปคุยกับพ่อไป ตอนนั้นรู้สึกเวลาทำไมมันช่างเดินเร็วนัก นี่พ่อจะต้องไปแล้วจริงๆหรือหลังจากร้องห่มร้องไห้กันพักใหญ่ น้องสาวก็ถามพ่อว่าพ่อจะให้ทำพิธีแบบไหน ต้องทำอะไร ยังไงกันบ้าง เรียกว่าพวกเราแม้ว่าอายุเข้าเลข 4 กันหมดแล้ว แต่ที่ผ่านมาพ่อเตรียมการไว้หมดเลย คราวที่แม่เสีย พวกเราก็ทำอะไรกันไม่ถูก นี่มาถึงคราวพ่อก็ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการอะไรยังไง พ่อเป็นข้าราชการบำนาญอีก มีเรื่องต้องไปติดต่อสถานที่ราชการ ก็ยังจับต้นชนปลายกันไม่ถูก พ่อก็บอกว่าต้องทำอะไร ยังไงกันบ้าง พ่อบอกว่า ไม่ต้องไปบริจาคศพพ่อก็ได้ มันยุ่งยาก เป็นภาระให้พวกเรา เพราะอีกหลายปีกว่าเค้าจะคืนศพ น้องสาวก็เลยบอกพ่อว่า ไปติดต่อมาแล้ว เค้าไม่รับคนบริจาคที่มีโรคมะเร็ง ตอนที่พ่อไปบริจาค พ่อคงคิดว่าตัวเองหายจากโรคมะเร็งมาแล้วหลายปี จขบ.บอกพ่อว่า จะขอพระราชทานเพลิงศพให้พ่อนะ พ่อพยักหน้า บอกว่าทำเหมือนที่ทำกับแม่แล้วกัน แล้วพ่อก็บอกให้จขบ.ไปหยิบเอาประวัิติ เอาเรื่องที่จะลงให้หนังสือมาให้ดู บอกให้ดูว่าอะไรอยู่ตรงไหน พ่อเตรียมไว้หมดเรียบร้อยแล้ว พ่อบอกว่าอันนี้เป็นประวัติของพ่อๆเขียนไว้ให้พวกเราอ่าน พ่อบอกว่าพ่อเตรียมไว้หลังจากแม่เสียไม่นาน ความรู้สึกตอนนั้นมันบอกไม่ถูกว่าต้องมาคุยว่าจะทำอะไร ยังไงกับพ่อที่จะต้องจากไปในไม่ช้ามันช่างเป็นอะไรที่ฝืนใจตัวเองมากๆ คุยกับพ่อไปก็ร้องไห้ไป
จขบ.เองมาเขียนเรื่องข้างบนไว้หลายวันแล้ว แต่ไม่ได้เขียนต่อ เพราะต้องดูแลพ่ออยู่ข้างล่าง ไม่ได้เข้าเนตเลย จากวันที่คุณพ่ออาการหนักในอาทิตย์นั้นที่น้ำท่วมปอดหลังจากหมอให้กลับมาอยู่ที่บ้าน อาทิตย์ถัดมา พ่อดูดีขึ้น เริ่มที่จะทานข้าวบดได้มากขึ้น จากที่ร่างกายจะปฏิเสธ เหม็นอาหารอย่างหนัก แค่ได้กลิ่นก็อาเจียนแล้ว และมีเสมหะมากๆ ตลอดเวลา ต้องกินยาละลายเสมหะตลอดเวลาเป็นโหลๆก็ไม่หมด (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นจากโรคที่มีเสมหะในปอด ทำให้พ่อหายใจไม่สะดวกเหนื่อยหอบ) แต่หลังจากพ่อกินชาเปลือกมังคุดแล้ว พ่อจะมีอาการอาเจียนเอาเสมหะออกมา จขบ.เองสังเกตว่าถ้าพ่อกินก่อนอาหาร แล้วกินอาหารตาม พ่อจะอาเจียนอาหารออกมาหมดเลย ทีแรกพ่อบอกว่าไม่ถูกกับชาเปลือกมังคุดรึเปล่า กินแล้วก็อาเจียน แต่จขบ.เองคิดว่าน่าจะเป็นเพราะชาที่ขับเสมหะ ก็เลยลองถามพ่อดู หลังๆก็เลยให้กินชาหลังจากกินข้าวแล้ว ทีนี้พ่อก็เลยอาเจียนแต่เฉพาะชากับเสมหะเท่านั้น พ่อบอกว่ารู้สึกโล่งขึ้น พ่อกินได้ประมาณอาทิตย์นึง ก็รู้สึกว่าพ่อไม่ค่อยไอ ไม่ค่อยมีเสมหะ เหมือนจะแห้งไป อีกอย่างที่เห็นได้ชัดเลยคือเท้าพ่อที่บวมกลับหายบวมไปเลย เหลือเชื่อจริงๆ หมอเองกลับจากห้องฉุกเฉินยังไม่ได้ให้ยาลดบวมมาเลย พี่สาวที่เป็นพยาบาลยังถามว่าหมอไม่ได้ให้ยาลดบวมมาเหรอ และหลังจากกินชาเปลือกมังคุด คุณพ่อก็ดูไม่เหนื่อยเหมือนก่อนๆมา จากที่กินอะไรไม่ได้เลย ก็กลับมากินข้าวบด 5 มื้อ ช่วงกลางคืนก็หิวต้องตื่นขึ้นมากินนมเอนชัวล์ 2-3 ชั่วโมงกินที น่าจะซักประมาณ 5 แก้ว/คืน ตอนนี้พ่อดูดีขึ้นมาได้ 3-4 อาทิตย์ จากที่หมอบอกว่าพ่อจะอาการหนักขึ้น เหนื่อยหอบมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าดีขึ้นเพราะอะไร หลายคนบอกว่าเป็นสัญญาณของการลาจาก แต่จขบ.เองคิดว่าน่าจะมาจากอาหารเสริมตัวใดตัวนึง ซึ่งอาจจะเพิ่งแสดงผลออกมา คิดว่าคนจะไปเท่าที่เคยได้ยินมาหรือจากแม่ของจขบ.เองคือ ไม่รู้สึกตัวมาเป็นอาทิตย์อยู่ดีๆก็ลืมตาขึ้นมามองพวกเราทุกคน แล้วก็จากไปในวันรุ่งขึ้น แต่กรณีของพ่อนี่ก็ดีขึ้นมาเป็นอาทิตย์แล้ว พี่สาวลูกพี่ลูกน้องเคยมาเยี่ยมก็เลียบๆเคียงถามว่าพ่อเคยฝันเห็นใครมั้ย หมายถึงญาติที่เสียไปแล้ว พ่อบอกไม่เคยฝันเห็นใครเลย ไม่เคยนึกอยากกินอะไรเลย บางคนบอกคนจะไปอยู่ดีๆก็นึกอยากกินโน่นกินนี่จากที่กินไม่ได้เลย แล้วก็ไป บางคนก็บอกไปทำบุญให้ที่วัด กลับมายังไม่ถึงบ้านเลยก้ไปซะแล้ว กรณีของพ่อก็ทำบุญให้หลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรเิกิดขึ้น ก็เลยคิดเข้าข้างตัวเองว่าพ่อน่าจะมีอาการดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มีเรี่ยวแรงเดินได้เอง ได้แต่ลุกขึ้นนั่งเองได้ แล้วก็ต้องช่วยพยุงเวลาไปเข้าห้องน้ำแค่นั้น
ตอนนี้พ่อก็หายใจเองได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่ต้องให้ออกซิเจนตลอด 24 ชั่วโมง พ่อหายใจได้เองในช่วงกลางวัน บอกไม่เหนื่อยเท่าไหร่และให้ออกซิเจนช่วงกลางคืน พ่อบอกว่าไม่แน่ใจในช่วงกลางคืน แต่พ่ออยากนอนหลับสบายก็เลยขอออกซิเจนตอนกลางคืน อาการของเสมหะที่มีตลอดเวลาก็หายไปเลย ก็รู้สึกดีใจกันมากกับอาการของพ่อที่เป็นอยู่นี้
มาอาิทิตย์นี้น้องสาวบอกว่าพ่อเริ่มจะมีอาเจียนอีก พอดีจขบ.เองก็ไปนอนร.พ.กับน้องแปงแปงก็เลยไม่ค่อยรู้ ก็เลยไม่แน่ใจว่ากลับมามีเสมหะอีกหรือยังไง แต่ก็ยังกินข้าวได้อยู่ จากที่กินนมตอนกลางคืนบ่อยก็กินน้อยลง พ่อบอกว่าทนได้ แต่เมื่อก่อนหิวแบบทนไม่ได้ต้องกิน
ล่าสุดน้องสาวไปหาหมอมาเมื่ออาทิตย์ก่อนแทนพ่อ ไปขอยามอร์ฟีนและยาบำรุงเลือด หมอบอกจะเอาไปทำไม บอกว่าอาการพ่อหนักแล้ว แต่น้องสาวไม่ได้เล่าละเอียดว่าคุยอะไรกับหมอบ้าง ได้แต่เล่าให้ฟังว่าหมอไม่เชื่อว่าอาการจะดีขึ้น คือน้องสาวบอกว่าอาการพ่อดีขึ้น ไม่ค่อยเหนื่อย กินข้าวได้ หมอบอกว่าผลเอ๊กซเรย์ก็ออกมาขนาดนี้แล้ว จะเอ๊กซเรย์ไปทำไม ยังไงก็อยู่ไม่ถึงเดือน แล้วที่กินข้าวเยอะขนาดนั้นมันก็ผิดปกติ บอกอีกว่าเป็นอาการหลอกตา แต่จขบ.กลับคิดว่า พ่อกินได้แต่อาหารบดเหมือนบดข้าวให้เด็กอ่อนเป็นน้ำเลย แล้วมันจะอยู่ท้องยังไง เค้าหิวบ่อยก้ไม่น่าจะแปลก หมอยังย้ำอีกว่า ยังไงๆก็อยู่ไม่ถึงเดือน น้องสาวก็เลยพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้พวกเราก็คงมานั่งลุ้นกันอีกว่าจะเป็นอย่างที่หมอว่าอยู่ได้ไม่เกินเดือน หรือเพราะอาการพ่อดีขึ้นจริงๆเรียกว่านั่งนับวันกันเลยทีเดียวตอนนี้
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
64 comments |
Last Update : 15 มีนาคม 2553 15:59:03 น. |
Counter : 1129 Pageviews. |
|
|
|
อ่านแล้วก้อใจหาย.ค่ะ.. จิ๊บกขอเอาใจช่วยให้คุณพ่อ.อาการดีขึ้นไวๆๆ นะค่ะ.
ช่วงนี้จิ๊บติดขนมค่ะ..ไม่ค่อยได้ลดน้ำหนักเท่าไหร่..
รักษาสุขภาพค่ะ