Takkub
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2562
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
10 มีนาคม 2562
 
All Blogs
 

ขี้เล่า #2 เหตุเกิดที่โรงพยาบาล


 

  สวัสดีครับ อยากมาเขียนเล่าประสบการณ์ที่เพิ่งรับการผ่าตัดไส้เลื่อน เพื่อ Update เป็นข้อมูลให้กับคนที่กำลังจะตัดสินใจ หรือตัดสินใจแล้วรอเข้ารับการผ่าตัดลองอ่านดู จะได้ไม่เป็นกังวลกับมันมากมายเท่าไหร่นัก เมื่อไม่กี่วันนี้ผมได้เข้ารับการรักษาไส้เลื่อนด้วยการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราชมา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562 และวันนี้ยังเป็นวันสตรีสากลอีกด้วย เนื่องจากผมมีอาการปวดท้องจากสาเหตุไส้เลื่อน โรคไส้เลื่อนนั้นเกิดได้กับทุกเพศทุกวัน ไม่จำกัดผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่โดยมากมักจะเกิดกับผู้ชายมากกว่า และในทางกลับกันก็มักจะเกิดกับคนแก่มากกว่าวัยรุ่นเช่นกัน 

  ผมได้เข้าตรวจและหมอวินิจฉัยสรุปเลยต้องผ่าตัด ผมก็โอเคจะได้หายจากความทรมาณเสียที คุณหมอนัดผ่าตัดวันที่ 8 เวลา 16:30 น. ผมก็ทำการจองห้องลงทะเบียนบลาๆเรียบร้อย  พอถึงวันนัดผมกับภรรยาก็มาถึงโรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่ 6:30 น.เพื่อเจาะเลือดและไล่ลงทะเบียนตามจุดต่างๆที่นางพยาบาลโทรมาแจ้งไว้ก่อน 1 วัน อารมณ์เหมือนทำเควสในเกมส์ ไปตรงนั้นคุยกับ NPC คนนี้ และงดน้ำงดอาการตั้งแต่ 10:00 โมงเช้า หลังจากไล่ลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยผมก็ไปกินข้าวแกงที่โรงอาหารของโรงพยาบาล กินไปประมาณ 2 จาน คุณหมอกระซิบตั้งแต่วันตรวจว่า กินให้หนักๆเลยนะ เพราะต้องงดน้ำและอาหารนานจะได้ไมม่ทรมาณ ผมก็จัดเต็ม ผมพยายามเล่าจากช่วงเวลาเท่าที่จำได้

9:30 น. ผมลงทะเบียนและขึ้นตึก ผมได้อยู่อาคารเฉลิมพระเกียรติชั้น 16 ลงทะเบียนได้ห้องจากนั้นก็ต้องคอย พยาบาลมาแจ้งว่า ให้อาบน้ำตอนเที่ยงและใส่ชุดที่เขาเตรียมไว้รอผ่าตัด ประมาณช่วงบ่ายจะมีเจ้าหน้าเข้ามาโกนขนเพื่อให้สะดวกในการผ่าตัด

13:30 น. เจ้าหน้าที่เข้ามาโกนขน ดีหน่อยว่าเป็นเจ้าหน้าที่บุรุษพยาบาล ผมเลยไม่ค่อยเขิลเท่าไหร่นัก เขาก็เอาแบตตาเลี่ยนมาไถ่ๆตามจุดต่างๆเพื่อให้มีสิ่งแปลกปลอมน้อยที่สุด จะได้ผ่าตัดได้สะดวก พอเริ่มจะอายเจ้าหน้าที่ก็ชวนคุยเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย ขอชื่นชมมากครับ แต่ผมจำหน้าเขาไม่ได้ ผมหลับตาตลอด 555 ในความคิดของผม ผมคิดว่าเขาคงเห็นของคนไข้มาเยอะแล้วแหละ แต่จะเป็นการดีซะกว่า ที่ผมจะไม่เห็นหน้าเขา ไม่งั้นผมคงรู้สึกไม่ดี หากต้องเจอกัน ผมเลยชิงหลับตาตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องเลย

15:00 นางพยาบาลเข้ามาเจาะเพื่อเดินสายน้ำเกลือ พอได้น้ำเกลือหลายๆอย่างก็เริ่มดีขึ้น เพราะต้องอดอาหารตั้งแต่ 10 โมง มีอาการหิวหรืออยากอาหารแบบสุดๆ แต่พอได้น้ำเกลือ ปรากฏว่าไม่หิวเลย ความอยากยังอยู่แต่ความหิวหายไป พอความหิวหายอาการอยากจะค่อยๆลดลงไปโดยธรรมชาติ

16:30 ตามเวลานัดเจ้าหน้าที่ยังไม่เข้ามารับตัว แต่นางพยาบาลมาแจ้งว่า ห้องผ่าคิวเต็มอาจจะเลทนิดหน่อย และเตือนว่าอย่าลืมถอดทุกอย่างที่เป็นโลหะ สร้อยคือ แหวน นาฬิกา แม้แต่แว่นตาก็ถอด

17:00 มีหมอและเจ้าหน้าที่จากตึกสยามินทร์ มารับตัวพร้อมแปล ไม่ต้องเดินไปเพราะสายน้ำเกลือที่แขนระโยงระยาง อาจจะเหมือนซอมบี้มากกว่าคนไข้ เจ้าหน้าที่ก็เข็นผมลงลิฟท์เพื่อมาที่ตึกสยามินทร์ชั้น 5 เมื่อมาถึงชั้น 5 หน้าห้องผ่าตัด ผมก็ถอดแว่นตาฝากภรรยาไว้ จากนั้นโดนเข็นเข้าไปในห้องรอผ่าตัด หรือเขาเรียกกันว่า ห้องพักฟื้น

17.15 ผมนอนรอคิวอยู่ในห้อง พยายามสำรวจรอบๆ เพราะเริ่มเบื่อกับการมองหลอดไฟและเพดานอย่างเดียวมากว่า 15 นาที เห็นคนใส่ชุดเขียวๆมีผ่าปิดปากเดินไปมาเต็มห้องคุยกันเรื่องโดสนั่นโดสนี่ น่าจะเป็นเรื่องของการเตรียมยาก่อนการผ่าตัด มีเตียงรอผ่าตัดอยู่อีกสองเตียง ผม อยู่กลางด้านขวาเป็นเตียงคุณป้าท่านนึง ด้านซ้ายของผมเป็นเตียงคุณลุงท่านนึง แอร์ในห้องเย็นมากๆผมเชื่อว่าน่าจะเย็นกว่า 25 องศา 

17:30 ผมแอบมองนาฬิกาจากปลายเท้า เห็นไม่ชัดเจนเท่าไหร่เพราะแว่นถอดฝากภรรยาไปแล้ว พยายยามเพ่งไม่แน่ใจว่า 17:20 หรือ 17:30 กันแน่ทุกกอย่างในห้องยังคล้ายๆเดิม แต่เพิ่งสังเกตตุว่าเตียงซ้ายคุณลุง หายไปแล้ว หายตอนไหนไม่รู้เรื่องเลย แสดงว่าคิวคุณลุงถึงก่อนผมแน่ๆ ระหว่างที่ผมกำลังสังเกตุสิ่งต่างๆในห้อง ก็มีคุณหมอเข้ามาถามชื่อ ถามว่าใส่ฟันปลอมหรือเปล่า แพ้ยาอะไรไหม ถามหลายรอบตั้งแต่ก่อนมาถึงห้องผ่าตัด ผมไม่มีปัญหากับการตอบบ่อยๆดีใจด้วยซ้ำว่าเขาเอาใจใส่เราอยู่ สักพักผมเจอคนที่ใส่ชุดสีออกจะน้ำตาลๆ ไม่เหมือนคนอื่นในห้องเดินเข้ามา เดินตรงมาหาผมแล้วบอกว่า เขาคือหมอวิสัญญี หรือ หมอวางยาสลบ เข้ามาถามว่าเคยดมยาสลบมาก่อนไหม ผมว่าเคยครับแต่ตอนนั้น 3 ขวบ ตอนนี้ 32 แล้วครับ คุณหมอหัวเราะ คุณหมอวิสัญญี เป็นผู้หญิง ผมเห็นแต่ตาเพราะเขาใส่ผ้าปิดปากอยู่ ตาหมวยๆชั้นเดียวเหมือนผม แววตาใจดี 

??:?? หลังจากหมอวิสัญญีมาคุยกับผม แปปเดียวเท่านั้นก็มีหมออีกคนมาบอกว่า ถึงคิวแล้วเข้ากันเลยนะคะ ผมก็ถูกเข็นอีกครั้ง คราวนี้ทางซับซ้อนมากเดวเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ผมเชื่อว่าถ้าลุงเดินจากห้องผ่าตัดคงต้องกลับมาห้องพักฟื้นยากมากแน่ๆ หลังจากนั้นก็มาถึงห้องผ่าตัด ผมถูกโยกให้นอนบนเตียงผ่าตัด เจ้าหน้าที่ในห้องผมรู้สึกว่าจะเป็นผู้หญิงทั้งห้องเพราะแต่ละคนรูปร่างไม่ใหญ่และเสียงที่คุยกันล้วนเป็นเสียงผู้หญิงทั้งนั้น มีหมอสามคนประกบตัวผมอยู่ 1 ในสามมีหมอวิสัญญีชุดน้ำตาลตาหมวยๆ ตามาด้วยตลอด หมอคนนึงบอกผมว่า "วางแขนขวาลงตรงนี้นะคะ" มีเชือกรัดไว้แต่ไม่แน่นมากเท่าไหร่ แขนซ้ายข้างที่มีน้ำเกลือ หมอวิสัญญีบอกว่า "จะเดินยาผ่านสายน้ำเกลือ อาจจะแสบหน่อยนะคะ" ผมมองยาสีแปลกๆค่อยๆไหลตามสายน้ำเกลือเข้ามาที่แขนผม ไม่แสบเลยครับ มันเย็นเหมือนเอาน้ำแข็งมาถูตามเส้นเลือด ค่อยๆไหลเข้ามาในร่างกาย จากนั้นหมออีกท่าเอา หน้ากากใสๆมอครอบที่จมูกและปากผม ได้ยินเสียงหมอคนไหนไม่รู้ในสามคนนี้แหละบอกว่า "คนไข้หายใจลึกๆนะคะ 3 ครั้ง" ผมก็หายใจ เฮือกแรงดมสุดปอดแล้วปล่อยออก หมอท่านนึงถามว่า "คนไข้มึนหรือเวียนหัวบ้างไหมคะ" ผมเช็คตัวเองแล้วบอกว่า ไม่เวียนเลยครับ ในใจคิดว่า สงสัยคนต้องหายใจเต็มๆอีกสองครั้งถึงจะสลบ ผมกระพริบตาประมาณ 2-3ครั้ง ลืมตาอีกถึงคือผ่าตัดเสร็จแล้ว!!! เฮ้ยผมหลับไปตอนไหนกัน หมอถามยังบอกไม่มึนเลย ลืมตามาอีกทีอยู่ที่ห้องพักฟื้นซะแล้ว

เว้นย่อหน้าหน่อยจะได้อ่านง่ายขึ้น ที่ห้องพักฟื้นผมเริ่มมีออาการเจ็มที่หน้าท้องด้านซ้าย ณ จุดที่ผ่าตัด คุณหมอในห้องพักฟื้นเสียบที่วัดชีพจรที่นิ้วชี้มือซ้า่ยมีเสียงดังตี๊ดๆ และแขนขวาของผมมีที่วัดความดัน ที่บีบๆแล้วก็ค่อยคลาย เหมือนถูกตั้งเวลาให้ทำงานตลอดทุกๆ 5 นาที คุณหมอในห้องเดินมาถามตลอดว่าเจ็บแผลไหม 10 คะแนนเจ็บระดับไหน ตอนแรกผมบอก 8 หมอบอกว่าเดี๋ยวจะให้ยาแก้ปวดทางสายน้ำเกลือ ณ ตอนนั้นผมได้ยินเสียงต่างๆในห้องอย่างชัดเจนแต่ไม่สามารถลืมตาได้เลย พยายามลืมแต่ลืมไม่ขึ้น แต่รู้สึกได้ว่ามีคุณหมอเดินยาผ่านสายน้ำเกลือเข้ามา ความเจ็บก็ค่อยๆลดลง แต่ยังเจ็บมากอยู่ อีกไม่ถึง 5 นาทีคุณก็มาถามใหม่ว่าเจ็บแผลไหม 10 คะแนนให้เท่าไหร่ ผมบอกว่า 7 หมอบอกว่าเดี๋ยวจะให้ยาแก้ปวดเพิ่มขึ้น ผมก็สัมผัสได้อีกเช่นเคยว่ามียาเดินผ่านสายน้ำเกลือเข้ามา คราวนี้เบาลงไปมาก ความเจ็บแทบจะหายไปเลย แต่ความหนาวเข้ามาแทน ผมรู้สึกเย็นที่ปลายเท้ามาก จึงบอกคุณหมอว่า หมอครับผมคลุมผ้าที่เท้าผมให้หน่อยได้ไหมครับ ผมเย็นเท้ามาก ตอนนี้ผมพอจะลืมตาได้บ้างแล้วแต่ก็ลืมได้ไม่นาน หนังตาหนักสุดๆ เห็นรางๆว่ามีหมอสองท่านเอาอะไรบางอย่างมาวางที่เท้าผม แล้วก็ค่อยๆอุ่นขึ้น ไม่ถึง 5 นาทีหมอถามซ้ำว่า อุ่นขึ้นไหม 10 คะแนนให้เท่าไหร่ ตอนนี้เหลือ 4 ครับ หมอบอกว่า "ค่ะ" ผมยังพยายามจะลืมตาก็ทำไม่ได้ ทำได้ก็ไม่เกิน 1 วิ ตาก็ปิดเองเหมือนไม่มีแรงพยุงหนังตา

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่ทราบ ได้ยินเสียงหมอบอกว่า "กลับห้องพักที่ตึก เฉลิมพระเกียรติได้แล้วนะคะ" ผมก็ตอบว่าครับ หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายเข็นผมออกจากห้องผ่าตัดลงลิฟท์ย้ายจากตึกสยามินทร์ กลับมาที่ที่ตึกเฉลิมพระเกียรติชั้น 16 ห้องเดิมที่จองไว้ กลับมาถึงห้อได้ยินเสียงพ่อแม่พี่หลานและภรรยารออยู่แต่ลืมตาไม่ขึ้น เจ้าหน้าที่เขามีวิธีที่จะย้ายเราจากเตียงเข็นมาลงเตียงนอนได้อย่างนุ่มนวลมาก แทบไม่สะเทือนถึงแผลเลย เขาบอกแค่ โยกตัวไปทางซ้ายหน่อยครับ อีกทีนึงโยกไปทางขวา ตาผมก็ลืมไม่ขึ้น รู้แต่ว่าเขายกปั๊บมาลงเตียงเรียบร้อยห่มผ้าให้เสร็จ ได้ยินเสียงญาติพี่น้องแต่ลืมตาไม่ขึ้น

21:15 ผมลืมตาขึ้นแล้ว ขอแว่นตาจากภรรยามาใส่ มองเห็นนาฬิกาที่ปลายเตียง ทักทายหลานสุดแสบสองคนได้ไม่นาน ก็หมดเวลาเยี่ยมที่ 4 ทุ่มพ่อแม่พี่หลานก็กลับบ้าน มีภรรยาอยู่เฝ้าผม

22:00 พยายามบาลเอายาแก้ปวดมาให้พร้อมกับบอกว่า "คนไข้พยายาม ฉี่เองให้ได้นะคะ เพราะถ้าสวนอาจจะเจ็บ" หลังจากนั้นเขาก็เอาสายน้ำเกลือออกไปจากตัวผม และบอกว่า "ตอนนี้กินอาหารได้แล้วนะคะ เอาสายน้ำเกลือออกแล้ว แนะนำว่ากินอาหารก่อนลุกไปเข้าห้องน้ำนะคะ ระวังจะไม่มีแรงยืนค่ะ" ผมได้ฟังแล้วรู้สึกกลัวการโดนสวนฉี่มาก เลยพยายามลุกไปเข้าห้องน้ำเอง พยายามเบ่งอยู่นานฉี่ออกกระปิดกระปอย ฉี่ได้ตามจังหวะลมหายใจของเรา พอหายใจออกก็หมดแรงเบ่งแล้ว หลังจากนั้นขาชักเริ่มสั่นๆทำท่าจะล้ม ผมนึกถึงคำพูดของนางพยาบาลขึ้นมาได้ว่า "อย่าลืมหาอะไรกินนะคะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงยิน" ชิบเผงแล้ว ลืมกินอะไรก่อน ผมพยายามใช้แรงที่เหลืออยู่ออกมาจากห้องน้ำกลับไปที่เตียง บอกภรรยาว่า "เธอขออะไรกินหน่อยจ้ะ" พ่อแม่พี่หลานที่มาเยี่ยมก่อนหน้านี้ทิ้งสเบียงไว้เพียบ ก็ซัดไปหลายขนานปกติก็เป็นคนกินเก่งอยู่เแล้ว กินหมดเสร็จลองพยายามลุกไปฉี่อีกครั้ง คราวนี้ฉี่ออกมากขึ้นกว่าเดิม ผมดีใจมาก ไม่โดนสวนแล้ว 55

23:00 อาหารเริ่มย่อยและง่วงนอน ผมลุกไปล้างหน้าแปลงฟันและมานอน ก่อนนอนพยาบาลเข้ามาวัดความดัน และบอกว่า จะให้ยาแก้ปวดทุกๆ 6 ชั่วโมง แต่ถ้าปวดก่อน 6 ชั่วโมงหรือมีไข้กดเรียกได้เลย และถามว่าฉี่เองได้ไหมต้องสวนหรือเปล่า ผมบอกว่าได้ครบฉี่ไปสองรอบแล้ว พยาบาลยิ้มอ่อนๆแล้วเดินจากไป [เครื่องสวนฉี่ไม่ได้กินผมดอก 55 ]


วันที่ 9 มีนาคม 2562
8:00 ตื่นเพราะนอนค่อนข้างเต็มที่แล้ว พยาบาลบอกว่าคุณหมอจะเข้ามาดูแผล คุณหมอ 1 ในทีมของคุณหมอที่ผ่าตัด เข้ามาดูซักถามอาการและทำแผลให้ใหม่ และถามว่าอาการฉี่เป็นยังไงบ้าง ผมก็บอกว่าลุกได้เดินไปฉี่ได้ แต่เจ็บแผลเวลาเปลี่ยนอิริยาบท เช่นจากนอน ลุกมานั่ง เจ็บ จากนั่งลุกมายืน เจ็บ แต่เมื่อ เดิน นั่ง หรือ นอน นิ่งๆไม่เจ็บ คุณหมอบอกว่าต้องพยายามเดินนะครับ หมอว่าคุณกลับบ้านได้ [ไชโย] หมอบอกว่าเดินเรื่องเอกสารน่าจะเที่ยงถึงจะได้ออก นัดเสาร์หน้าจะขอดูแผล ตอนนี้ทำแผลแบบที่กันน้ำได้ กลับบ้านอาบน้ำได้ปกติ แต่อย่าไปถูสบู่ที่แผลเท่านั้น

12:00 นางพยาบาลเอาอาหารกลางวันมาให้และบอกว่า สงสัยจะหลังเที่ยง เพราะเป็นวันเสาร์บริษัทประกันตอบเรืองช้ามาก คนไข้กินข้าวก่อนนะคะ จะได้ไม่หิว

13:00 เอกสารทั้งหมดเรียบร้อย พี่ชายขับรถมารับกลับบ้านพร้อมภรรยา


เรื่องที่ผมเล่ามาให้ฟังนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อสองวันที่ผ่าน ก่อนผ่าตัดผมได้พยายามหาข้อมูลว่าเป็นหลังผ่าระหว่างผ่าเป็นอะไรบ้าง ขอสรุปให้คนที่ได้อ่านได้อ่านสั้นๆดังนี้

- โกนขน อายเจ้าหน้าที่แต่อย่าไปมองหน้าเขา เขาไม่มานั่งจำหรอก ฉะนั้นหลับตาช่วยได้มาก
- เดินยาสลบ ผมอ่านมารีวิวหลายที่บอกตรงกันว่า แสบมากตอนเดินยา ส่วนตัวผมอย่างเย็นไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆระหว่างการวางยาสลบ แถมไม่รู้สึกว่าอะไรดับวูบไปเหมือนที่เขาบรรยาย ผมรู้สึกแค่กระพริบตาไม่กี่ครั้งก็เสร็จแล้ว
- ผ่าตัดเสร็จจะมีอาการเหมือนมีเสมหะอยู่ในลำคอ พยายามอย่าไอ เพราะจะเจ็บแผลให้พยายามอแฮ่มๆๆ ไปเรื่อยจนเสมหะมันหลุดออกมา ย้ำว่าอย่าไอ ไอแล้วเจ็บ ผมฟังเสียงเตียงข้างๆ น่าจะเป็นคุณลุงท่านที่เข้าผ่าตัดก่อนผม เขาก็ใช้วิธีนี้แหละครับ อะแฮ่มๆๆๆ ไปเรื่อยๆเดี๋ยวเสมหะมันออกมาเอง
- ฉี่ไม่ออก อันนี้เรื่องจริง พยาบาลสวนฉี่อาจจะเจ็บ อันนี้ก็เรื่องจริง แต่ถ้าคุณพยายามฉี่ได้ด้วยตัวเอง เครื่องสวนฉี่ไม่ได้กินคุณดอก
- เจ็บแผล อันนี้แน่นอนล่ะครับ เจ็บระหว่างเปลี่ยนอิริยาบท แต่ให้คิดว่าเจ็บนี้อยู่กับเราไม่นาน ดีกว่ามาต้องปวดท้องหน่วงๆทรมาณ

วันนี้ที่ผมเขียนเรื่องนี้เป็นวันที่สามหลังจากผ่าตัด อีกหนึ่งอาทิตย์ไปดูแผลใหม่ บ้านผมเป็นตึกแถวผมเดินขึ้นเดินลงได้อย่างสบายไม่มีปัญหา แต่เดิมได้ช้า ท่าเดิมเหมือนหลิวเต๋อหัว เดิน Slow เพราะถ้าเร็วมันเจ็บแผล หมอสั่งว่าอาหารกินได้ทุกอย่างไม่มีห้าม พยายามกินยาระบายอ่อนๆท้องจะได้ไม่ผูก ห้ามยกของหนักหรืออกกำลังกาย 6 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย


*สรุป*
ผมผ่าตัดตอน อายุ 32 ปี อัพเดทข้อมูลไว้เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจจะผ่าตัดไส้เลื่อน มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เขารีวิว การตอบสนองของคนแต่ละคนไม่เหมือนกันฉะนั้นอย่ากลัวจนเกินไปครับ หวังว่าข้อมูลคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ลากันไปเท่านี้ สวัสดีครับ

ปล.ตอนที่ผมตัดสินใจผ่าตัด คุณหมอบอกว่าดีครับ อายุยังไม่มากผ่าตัดไม่เจ็บผ่าตอนอายุมาก เคยมีเคสคนของคุณหมอ เป็นไส้เลื่อนแล้วไม่ยอมมาหาหมอ อดทนๆไป จนวันนึงทนไม่ไหวต้องมาผ่าตัด หนักเลยครับทีนี้ ลำไส้บางส่วนมีปัญหาจำเป็นต้องตัดทิ้งไปด้วย จากเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป




 

Create Date : 10 มีนาคม 2562
0 comments
Last Update : 10 มีนาคม 2562 16:38:55 น.
Counter : 7598 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


takkub
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




就算千里万里
一路千难万险
吾心坚定不移
向前不愿放弃.

jiu suan qian li wan li แม้หนทางจะยาวไกลเป็นหมื่นพันลี้
yi lu qian nan wan xian หรือจะมีขวากหนามภัยพาลใดๆ
wu xin jian ding bu yi ใจข้ายังยืนหยัดไม่เปลี่ยนไป
xiang qian bu yuan fang qi และจะไม่มีวันยอมเลิกรา

ไว้เตือนสติตัวเอง
จงระวังความคิด เพราะมันจะกลายเป็นคำพูด
จงระวังคำพูด เพราะมันจะกลายเป็นการกระทำ
จงระวังการกระทำ เพราะมันจะกลายเป็นเป็นอุปนิสัย
จงระวังอุปนิสัย เพราะมันจะกลายเป็นโชคชะตา




Friends' blogs
[Add takkub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.