เปลี่ยนหมู่เลือดให้เป็น O ให้หมด
เหยี่ยวข่าวสาวนามว่า เจนนิเฟอร์ บาร์โรน จากดิสโคเวอร์แมกกาซีน (แหล่งข่าวจากนิตยสารชื่อดัง จะเรียกว่า กระจอกข่าว ก็กระไรอยู่ ขอใช้เหยี่ยวละกัน) รายงานถึงข่าวความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ในการที่จะแก้ปัญหาเลือดสำรองในธนาคารเลือด และเลือดที่ใช้สำหรับทหารในสงคราม ซึ่งในกรณีแรก คุณ Henrik Clausen และชาวคณะนักวิทย์ใน the University of Copenhagen ได้พยายามที่จะเปลี่ยนเลือดหมู่ต่างๆ ให้เป็นเลือดหมู่โอทั้งหมด เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะว่า เลือดหมู่โอ เนี่ย ไม่ว่าคุณจะมีเลือดหมู่ใด เวลาเสียเลือดก็สามารถที่จะรับเลือดหมู่โอได้หมด (เอ้อ ช่างคิดกันเจงๆ ) ยกเว้น ตอนสาวๆ มีประจำเดือน ไม่ต้องไปหาหมอขอเลือดหมู่โอ เลยนะ มันเวอร์ไปหน่ะเหยี่ยวข่าวสาว : 'คุณทำอย่างไรคะ สำหรับการเปลี่ยนหมู่เลือด'นักวิทย์สติเฟื่อง : 'โอ้ว เจนนิเฟอร์ สิ่งสำคัญที่เป็นเป้าหมายสำหรับการทดลองนี้ก็คือ เราจะทำอย่างไร เราถึงจะไม่ให้ร่างกายมันรู้ว่า นี่เป็นหมู่เลือด A, B หรือ AB สิ่งที่ทำให้ร่างกายมันรู้ว่าเป็นหมู่เลือดอะไร ก็คือ โมเลกุลที่เกาะอยู่ที่ผิวของเซลล์เม็ดเลือดนั่นเอง ที่นี้ถ้าร่างกายมันเกิดมันรู้ว่าไอ้เลือดที่ได้รับเข้าไปใหม่มันเป็นหมู่เลือดอะไร แล้วมันไม่เข้าพวกกัน ระบบภูมิคุ้มกันมันก็ทำการต่อต้านทันที อ้าว เป็นไงหล่ะ ซวยละสิ... จะแก้ปัญหานี้ได้ เราก็ต้องหาวิธีกำจัดโมเลกุลเหล่านั้นออก เพื่อไม่ให้ร่างกายมันรู้ว่า แกเป็นเลือดหมู่ A, B หรือ AB ... อื่มมม... ดูเหมือนง่ายใช่ไหมหล่ะ'เหยี่ยวข่าวสาว : 'ค่ะ เจนว่ามันดูง่ายๆ นะคะ แล้วทำไมใช้เวลาวิจัยนานจัง ท่านจะถ่วงเวลา เพื่อเอาทุนวิจัยมาใช้ส่วนตัวเหรอคะ หรือเพื่อยืดเวลาจะได้ได้เงินเดือนระหว่างทำวิจัยไปเรื่อยๆ หล่ะคะ เจนถามตรงไปไหมคะ 'นักวิทย์สติเฟื่อง : 'แหม คุณเจน ผมจะทำแบบนั้นทำไม ผมซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพของผม แต่คนอื่นผมไม่รู้ เอาเถอะ ผมจะเล่าต่อ เพื่อไม่ให้คุณถามนอกเรื่อง ดีนะที่คุณสวย ผมให้อภัย เมื่อ 25 ปีก่อนนักวิทย์ค้นพบเอนไซม์ตัวหนึ่งจากเมล็ดกาแฟ ซึ่งมันสามารถนำมาใช้เปลี่ยนเลือดกรุ๊ป B ไปเป็น O ได้ แต่ขั้นตอนการทำมันยุ่งยาก แล้วก็ไม่เหมาะที่จะใช้เพื่อทำในปริมาณมากๆ ว่าง่ายๆ ไม่คุ้มทุน'เหยี่ยวข่าวสาว : ' แล้วไงต่อคะ'นักวิทย์สติเฟื่อง : 'ผมและทีมวิจัยก็เลยพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากเอนไซม์ในแบคทีเรีย ซึ่งคุณก็รู้ใช่ไหมว่า มันเพิ่มจำนวนเร็ว เวลาจะเอามาใช้ก็จะได้ปริมาณมากกว่า สะดวกกว่า ดีกว่าไปนั่งเก็บเมล็ดกาแฟมาทำ ดีไม่ดีต้องไปปลูกกาแฟอีก คุณรู้ไหม สุดท้ายผมก็เจอมัน มันเป็นเอนไซม์ที่ยอดมาก เจนนิเฟอร์!.. ตอนนี้อยู่ในขั้นทดลองเพื่อหาความปลอดภัยสำหรับการใช้ในมนุษย์ ผลการทดลองจะออกมาภายในปี 2007 นี้แหล่ะ แล้วคุณจะได้มานั่งคุยกับผมอีก 'เหยี่ยวข่าวสาว : -------------------------------------------------------------------เหยี่ยวข่าวสาว : 'สวัสดีค่ะ ขณะนี้ เจน อยู่ที่ University of Sheffield นะคะ เจนมาดักรอพบกับนักเคมีชื่อดัง Lance Twyman วันนี้ก็วันที่ 21 แล้วนะคะ ค่ะ เจนล้อเล่น อิอิ..เข้าเรื่องดีกว่า เจนอยากจะพูดคุยกับท่านเรื่อง การสร้างเลือดเทียมที่เป็นพลาสติกนะคะ...ต๊ายๆ...เจน ทำได้แล้วค่ะ ท่านให้เจนพบค่ะ สวัสดีค่ะคุณ Twyman ท่านพอจะเล่าเรื่องงานวิจัยของท่านให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ'นักวิทย์สติเฟื่อง 2 : 'ผมรู้ว่าคุณจะมา ผมจะเล่าให้คุณฟังเลยละกัน ผมสร้างเลือดพลาสติก โดยใช้โพลิเมอร์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยสร้างโมเลกุลเลียนแบบเม็ดเลือดขึ้นมา เหมือนทั้งขนาด รูปร่าง และยังทำหน้าที่ได้เหมือนฮีโมโกลบิน โดยจับกับออกซินเจนได้เหมือนเม็ดเลือดปกติ ละลายน้ำได้ ตอนนี้กับลังทดสอบว่าจะใช้กับร่างกายมนุษย์แล้วมีผลเป็นอย่างไร สิ่งที่ผมสร้างมันคงใช้แทนเลือดจริงๆ ไม่ได้หรอก แต่มันเป็นขั้นเริ่มต้น สำหรับความคิดนี้ คุณคิดดู ถ้ามันใช้ได้แบบมีประสิทธิภาพ ทหารก็สามารถพกมันไปได้ในแบบแห้ง เวลาจะใช้ก็แค่เติมน้ำลงไป มันเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดีๆ นี่เอง'เหยี่ยวข่าวสาว : -----------------------------------------------------อนาคตของมนุษย์ส่วนหนึ่ง อาจจะขึ้นกับงานวิจัย 2 ชิ้นนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้...ใส่สีตีไข่ TahnoRef. - Discover 08/06/2007
ป.ล. มีแซวนะครับ ฮาๆ ตอนนึกเรื่องผมนึกถึงแม่บ้านน่ะครับ เลยมีเสียงร้องว้าย ทีแรกจะใช่ 'เฮ่ย!' ก็ดูแมนไปหน่อย