สัปดาห์ก่อน... มีโอกาสได้ไปร่วมงานแต่งงานฝ่ายเจ้าสาวนั้นเป็นญาติที่สนิทสนมกันมานานส่วนเจ้าบ่าวก็รู้จักกันมาหลายปี รู้สึกดีใจเมื่อรู้ข่าวว่าทั้งคู่ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันความจริงได้ยินข่าวเรื่องงานแต่งก่อนหน้านั้น 4-5 เดือนที่ผ่านมาเรื่องการเตรียมงานต่างๆ ที่ดูจะเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของเจ้าสาวมากทีเดียวจนเข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้าย ก่อนงานแต่งจะเริ่มขึ้นความกังวลใจดูจะเพิ่มขึ้นกับเจ้าสาวจนเห็นได้อย่างชัดเจนเธอเริ่มมีอาการที่เราเรียกว่า หลงๆ ลืมๆ เวลาที่โทรศัพท์ไปคุยคงเป็นอาการตื่นเต้นผสมกับความวิตกกังวล อยากให้งานแต่งออกมาสมบูรณ์นั่นแหล่ะพวกเราเหล่าญาติๆ มารวมตัวกันที่โรงแรมในคืนก่อนถึงงานแต่งเพื่อพูดคุยถึงแผนงานต่างๆ เลยดูชุลมุนวุ่นวายกันพอสมควรถามความรู้สึกของเจ้าสาวในคืนนั้น... เธอบอกว่าเหนื่อยกับการเตรียมงานที่ผ่านมามีอารมณ์โกรธ หงุดหงิดกับเจ้าบ่าวช่วงเตรียมงานแต่งบ้างประปรายสิ่งที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวรู้สึกเป็นกังวลมากที่สุด ก็คือแขกที่มาร่วมงานแต่งจะได้รับความพอใจมากหรือเปล่าการจัดงานแต่งงาน เลยไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวของคนสองคนเท่านั้นแต่อาจรวมไปถึง เรื่องทางสังคมและผู้คนที่เกี่ยวข้องด้วยเช้าวันงานแต่ง เจ้าสาวและเจ้าบ่าวดูจะปลดปล่อยตัวเองจากความกังวลใจได้มากขึ้นเห็นได้จากรอยยิ้มที่ไม่เจือไปด้วยความคาดหวังเช่นที่ผ่านมาคล้ายๆ กับเจ้าสาวและเจ้าบ่าว ไม่รู้จะทำอะไรไปได้มากกว่านี้แล้วกระมังงานแต่งดำเนินไปอย่างราบเรียบ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบทั้งหมดแขกที่มาร่วมงานดูจะพึงพอใจเหมือนที่เจ้าสาว และเจ้าบ่าวคาดการณ์ไว้จะมาสะดุดก็ตอนช่วงฉายภาพสไลด์เรื่องราวของทั้งคู่นั่นแหล่ะที่เห็นอาการของเจ้าสาว และอารมณ์โกรธที่แสดงออกผ่านทางแววตาอย่างชัดเจนแต่เธอก็ยังฝืนยิ้มได้ ด้วยว่าเรื่องแบบนี้ก็ย่อมต้องมีผิดพลาดเป็นธรรมดาประโยคสำเร็จรูปในงานแต่งไหนๆ ก็คงได้ยินเช่น พบกันเมื่อไหร่ รู้สึกอย่างไรที่มีงานในวันนี้ภาพที่แขกร่วมงานเห็นนั้น เป็นความสำเร็จงดงามของพิธีแต่งงานแต่เบื้องหลังงานแต่ง ใครจะรู้ว่า เจ้าสาวและเจ้าบ่าวต้องเจอะเจอปัญหาอะไรบ้างปัญหาเล็กๆ น้อย หรือแม้กระทั่งอารมณ์ต่างๆ ความโกรธ ความหงุดหงิดรำคาญใจ การแต่งงาน อาจเป็นเสมือนบททดสอบให้แก่คนทั้งสองในการเผชิญปัญหาร่วมกัน การแต่งงาน ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าเค้าทั้งคู่จะมีชีวิตที่มีแต่ความสุขอยู่ตลอดเวลา เพราะอารมณ์ของความสุขนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืนถาวร เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาความสุข ล้วนหมุนเวียนเปลี่ยนผันตามเหตุ และปัจจัยวันนี้อาจรู้สึกมีความสุขมาก พรุ่งนี้อาจรู้สึกน้อยลงกว่าเมื่อวานอีกวันอาจเป็นทุกข์ก็ได้...ใครจะรู้ ? การแต่งงาน จึงไม่ใช่บทสรุปว่าชีวิตจะดำเนินไปอย่างมีความสุข หากแต่เป็นการเริ่มต้นเรียนรู้ของสองชีวิต ที่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันเริ่มต้นด้วยการสร้างกรรมดีให้แก่กันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมองเห็นความผิดพลาดของอีกฝ่ายอย่างเข้าอกเข้าใจเพราะไม่มีใครดีเลิศเพอร์เฟคไปหมดซะทุกเรื่องคนเราต่างก็มีทั้งข้อดีและ ข้อเสียด้วยกันทั้งนั้นก็ได้แต่อวยพรให้คนทั้งคู่ครองรักกันอย่างมีความสุขหรือหากมีปัญหาเกิดความทุกข์กับชีวิตในวันข้างหน้าก็ขอให้มีสติ มองปัญหาต่างๆ และความทุกข์นั้นว่าเป็นสิ่งที่ลีกเลี่ยงไม่ได้เราทุกคนล้วนต้องประสบพบเจอกันทั้งนั้นอยู่ที่ว่าใครจะสามารถยอมรับและเข้าใจปัญหาเหล่านั้นได้มากเพียงใด คนโสดหรือคนที่แต่งงานแล้วก็ล้วนมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้นจะแตกต่างกันไปก็ตรงที่ ตอนเป็นโสดเราคิดแก้ไขได้เพียงลำพังคนเดียวส่วนคนที่แต่งงานมีคู่ก็มีเพื่อนช่วยคิด ช่วยแก้ไข ดีไปอย่างเมื่อมองในมุมกลับ คนที่แต่งงานแล้วก็อาจมีปัญหาได้มากกว่าคนที่เป็นโสดหรืออาจยุ่ง อีรุงตุงนัง เพราะปัญหาอาจเพิ่มมากขึ้นได้มากอีกเช่นกันไม่สำคัญว่าคุณแต่งงานแล้ว หรือยังไม่แต่งงานแต่สำคัญตรงที่คุณสามารถจัดการกับปัญหาและความทุกข์ในใจคุณได้มากเพียงไรต่างหาก