~*~*~* เหตุผลผิดๆในการคิดมีคนรัก....และรักอย่างไรให้เป็น *~*~*~
ช่วงนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับรุ่นน้องหลายคนบ่อยๆ ทั้งคนที่กำลังอยากจะมีคนรัก คนที่กำลังมีคนรักอยู่แล้ว หรือแม้กระทั่งคนที่กำลังอยู่ในช่วงเลิกรากับคนรัก สมัยก่อนเคยได้ไปร่วมกิจกรรมสัมนาของพี่โจ (มณฑาณี ตันติสุข) พี่โจได้เขียนถึงเหตุผลของการคิดมีคนรักไว้แบบผิดๆ ไว้ 7 ข้อ ไว้ในหนังสือ ผู้หญิงฉลาดรัก ที่น่าสนใจมากๆ คือ
1. ถูกกดดันด้วยอายุหรือครอบครัว 2. เพราะเหงา หรืออยากมีคนรักมาก 3. รู้สึกผิด 4. เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องตัวเอง 5. เพื่อจะได้ไม่ต้องโต และรับผิดชอบตัวเอง 6. เพื่อเติมเต็มชีวิตที่ว่างเปล่า ไม่มีเป้าหมายของตนเอง 7. เพื่อจะได้มีความสัมพันธ์รักอย่างถูกต้อง
7 ข้อนี้ถ้าเราเอามาจัดหมวดหมู่ด้วยความคิดของเราเองล้วน ๆ อาจจะไม่ตรงใจ หรือความต้องการของใครก็เป็นไปได้นะ เราพบว่ามีอยู่เพียง 2 หัวข้อใหญ่ๆ สำหรับเหตุผลหลักๆ เกี่ยวกับเหตุผลของความคิดนี้ก็คือ
1. เรายึดความคิดของคนอื่น หรือให้สังคมเป็นตัวกำหนด เส้นทางการเดินชีวิตของเราเองเป็นหลัก คือข้อ 1 คล้ายๆ การหลงเข้าไปอยู่ในโลกของความคิด หรือคิดแบบที่คนอื่นคิดกัน บางคนคิดไปว่า เราเกิดมาเพื่อมาพบเจอคนที่เรารักแล้วจึงจะมีความสุข ถึงแม้บางทีคนที่เรารักจะสร้างแต่ความทุกข์ใจ ให้เรามากกว่าความสุขก็ตามที
บางคนคิดว่ามีคนรักเร็วๆ เพราะคิดตามแบบสังคมเสียมากกว่า อาจถูกกดดันด้วยอายุและครอบครัว คือ พ่อแม่พูดกรอกหูทุกวัน อายุก็ปูนนี้แล้ว เมื่อไหร่จะมีคนรักเสียที จะได้แต่งงานมีลูกเร็วๆ เหมือนบ้านโน้น
2. เรายึดตัวเราเป็นที่ตั้งของความคิดทั้งมวล ในการตัดสินใจ คล้ายๆ การหลงเข้าไปโลกของความคิดของเราเอง เส้นทางการเดินชีวิต คือข้อ 2, 3, 4, 5, 6 ,7
เพราะเราเหงาคิดแบบข้อที่ 2 คือมีคนรักไว้แก้เหงา ไปไหนมาไหนต้องมีคนรักเดินตาม กลับบ้านไม่ถูก หรือไปไหนลำพังไม่เป็น ถ้าไม่มีคนรักร่วมเดินทางไปด้วย
รู้สึกผิดแบบข้อที่ 3 ถ้าคนที่เรารักเป็นคนดีในตอนเริ่มรักกันใหม่ๆ แต่ออกอาการน่าเบื่อ หรืออาจถึงขั้นไม่น่าคบหาร่วมทางเดินกันได้อีก แต่เอ๊ะ!!...คบกันมาตั้งนานหลายปีดีดัก เลิกไปแล้วคนรักจะเสียใจไหมหน๊อ เอาหล่ะ.. คบๆ ไปเถอะ ทนๆ กันไป แถมสงสารเค้าจังเลย ถ้าจะต้องบอกเลิกกัน
หรืออาจคิดและรู้สึกแบบข้อที่ 4 ,5, 6, 7 คือ เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องของตัวเอง เพราะเวลาส่วนใหญ่จะหมดไปกับคนรัก ต้องคอยเป็นห่วงว่าจะอยู่ดีมีสุขไหม เราจะได้ไม่ต้องโต เพราะมีคนรักคอยดูแลเอาใจใส่ และ มีที่พึ่งพาอาศัยทางใจแล้ว มีแฟนแล้วจะได้เติมเต็มความว่างเปล่าให้กับชีวิต จะได้สร้างโน้นสร้างนี่ร่วมกัน เป้าหมายของตัวเราจะได้สัมฤทธิ์ผล แล้วจะได้มีความสัมพันธ์รักอย่างถูกต้องเสียที
2 หัวข้อใหญ่ๆ สำหรับเหตุผลหลักๆ ที่เราคิดว่าหากเหลือวิสัยจริงๆ อาจจะเป็นกรรมแต่ปางใดก็ตาม จะเป็นกรรมในชาติที่แล้วหรืออย่างไร ให้ต้องมาพบเจอกันกับคนรัก หรือเป็นกรรมในชาตินี้ก็ตามแต่ ที่ยังไง้ ยังไง ก็ต้องมีความรัก แบบที่หนีอย่างไร ก็หนีกันไม่พ้น ต้องเจ๊อะเจอกันแน่ๆ พูดง่ายๆ ว่าต้องมีคนรักเป็นแน่แท้ ก็ขอให้เราได้เข้าใจความรักตามหนทางที่ควรจะเป็น ขอให้รักอย่างมีสติ รักอย่างมีเหตุผล ไม่กระทำการใดๆ ที่จะทำให้ตัวเราและคนรักต้องเป็นทุกข์เพราะความรัก โดยรักษาศีล 5 เป็นเครื่องคุ้มกันตัวเรา ไม่ให้ละเมิดล่วงเกินเบียดเบียนใคร
อย่ารักแบบครอบครอง ต้องการให้ได้ดั่งใจเรา ที่มักจะตามมาด้วยความทุกข์เสมอ เพราะเจือด้วยกิเลสภายในใจเราเป็นที่ตั้ง โดยคิดเค้าข้างตัวเองไว้ก่อน ความรักแบบนี้มักพึ่งพาสิ่งภายนอก มักให้คนอื่นชักนำ ชีวิตของเรา ให้ไปในทิศทางที่เราวาดฝันไว้ ถ้าหากคนที่เรารักนั้น ไม่สามารถทำตามความต้องการให้ตรงใจเราได้ เราก็มักจะเป็นทุกข์ เสียใจ ผิดหวังในคนรัก และกล่าวโทษความรักว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์นั่นเอง
แต่ให้รักแบบไม่ต้องการครอบครอง คือ รักแบบเมตตาซึ่งกันและกัน เข้าใจและยอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างที่เค้าเป็น ไม่ได้ไปคิดจะเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขความคิดของคนรัก ให้ได้ดั่งใจเรา หากคนรักไม่ได้ทำในสิ่งที่เราต้องการได้ เราก็พร้อมยอมรับมันอย่างเข้าใจ ไม่รู้สึกเสียใจ เป็นทุกข์ไปกับความรักนี้ รักแบบนี้จึงเป็นรักที่เกื้อกูลให้อีกฝ่ายมีความสุขอย่างแท้จริง รักโดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทนใดๆ จากคนที่เรารักนั้น
แล้วรักที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทนนั้น มีจริงหรือ ? มีรักแบบนั้นอยู่จริงๆ นั่นคือรักที่พ่อแม่มีให้แก่ลูก เป็นรักที่ไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทนเลย
รักอย่างเมตตาให้พวกเราได้พ้นทุกข์ พระพุทธองค์มีเมตตาออกบวช จนพบทางสายกลาง และทรงบรรลุแจ้งในอริยสัจจ์ แล้วทรงเสียสละเวลาตลอดพระชนม์นั้น เพื่อเผยแผ่ศาสนาพุทธนั่นเอง ที่เราคิดว่าเป็นรักที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนอย่างแท้จริง
สุดท้ายแล้วต้องถามใจของเราเองว่า
เราพร้อมจะมีความรัก และเข้าใจมันได้มากเพียงไร เพราะเมื่อถึงเวลาที่ความรักเกิดขึ้นกับใจเราจริงๆ เราจะรักอย่างไรไม่ให้ตัวเรานั้นเป็นทุกข์ มันก็รวมความลงที่ว่า
รักแบบที่จะไม่เป็นทุกข์เพราะ รัก นั่นแหละ ถึงจะเรียกได้ว่า รักเป็น
Create Date : 25 สิงหาคม 2551 |
|
5 comments |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2556 10:46:59 น. |
Counter : 1289 Pageviews. |
|
|
|