ว่ากันด้วยเรื่องการเดินทางช่วงเช้าในแต่ละวันรถตู้พาหนะเดินทางตอนเช้าของเราเป็นประจำทุกๆ วันถ้าไม่นับบริการนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ออกจากหมู่บ้านยามเช้ารถสายรังสิตถึงหมอชิตใหม่ คิวรถจะออกเดินทางจาก ม.ธรรมศาสตร์วิ่งตรงเข้ารังสิตจนถึงฟิวเจอร์ปาร์ครังสิตจะแวะจอดที่หน้าเมเจอร์รังสิตต้นสายช่วงเร่งรีบเวลานี้บ่อยครั้งที่ต้องยืนต่อแถวยาวเป็นงูเพื่อรอรถตู้เราเลยได้ใช้เวลานี้เพื่อตามรู้ดูจิต ดูใจตัวเองเป็นประจำนี่ถ้ามีนักภาวนามาเดาว่าเราจะเห็นใจที่กระสับกระส่ายหรือกำลังดูความโกรธว่าเมื่อไหร่รถตู้จะมาเสียทีเห็นท่าจะทายผิดเพราะเรามักจะเห็นใจที่หงุดหงิดไปกับสาวๆ นักศึกษาที่เดินไปเดินมาตรงป้ายรถเมลล์เสียมากกว่าไม่ใช่อิจฉาเพราะเกิดไม่ทันสาวเจ้าหรอกนะแต่ใจมันรู้สึกอึดอัดแทนกระดุมเสื้อเพราะกลัวว่ามันจะหลุดกระเด็นออกมาในใจมันอยากเดินไปถามสาวๆ กลุ่มนั้นว่าซื้อเสื้อมาผิดขนาดหรือป่าวคุณน้อง....ให้อดเป็นห่วงสาวน้อยว่าจะถูกลวนลามทางสายตาจากผู้คนแล้วปากเราก็ไวกว่าใจเข้าให้จริงๆ ด้วยไม่รู้เป็นเพราะเราไม่ทันความสงสัยหรือเป็นห่วงเป็นใยสาวเจ้าในวันนั้น ก็สุดจะเดาใจตัวเองได้แต่อะไรก็คงไม่เท่าคำตอบที่สาวน้อยหน้าใส (ไส) ตอบสวนกลับมาเรา : น้องคะ...เอ่อๆ เสื้อมันปิดไม่สนิทค่ะสาวน้อย : ยิ้มละไมก่อนตอบ อ่อ ค่ะพี่หนูเห็นแล้วก่อนหันหน้าไปคุยกับเพื่อนต่อ เหมือนเราเป็นสายลม แสงแดดเรา : ..(ไฟครุกรุ่นอยู่ในอก หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ)เมตตาพลิกให้เห็นเป็นโทสะจริงๆ ได้ในบัดดลแต่มาสังเกตดูจริงๆ ว่าคงไม่ใช่เมตตาอย่างแท้จริงในกระแสของคำพูดตอนที่ถามน้องเค้าหรอกเพราะหากเราเมตตาเป็นห่วงน้องเค้าจริงๆเราคงไม่รู้สึกโกรธตอนน้องเค้าไม่ใส่ใจเราถึงตอนนี้อยากใช้อุเบกขาที่เคยอ่านหรือฟังพี่ๆ เล่ามาก็ไม่ทันเสียแล้ว...เลยต้องมารับวิบากด้วยรู้ไม่เท่าทันใจก่อนจะพลั้งปากถามออกไปให้เราต้องมาตามรู้ ดูสภาวะที่กำลังเข้มข้นอยู่ตรงหน้านี้เองเมตตา... แบบที่เราทำเลยไม่ใช่เมตตาที่มาจากใจที่หวังดีอย่างแท้จริงหนำซ้ำยังรู้ไม่เท่าทันอาการอยากเข้าไปถึงจิตถึงใจเราเองไม่ทันเห็นใจที่หลงไปทางความคิด จนเผลอล้นออกไปทางวาจาถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงตีโพย ตีพายว่าเด็กสาวไม่มีความคิด แต่งตัวไปเหมาะสมแล้วคงตัดสินใจไปเลยว่าเด็กคนนั้นไม่ดี เลยกลายเป็นว่าเด็กสาวหน้าใสในวันนั้นได้กลายเป็นครูผู้สอนบทเรียนให้เราโดยไม่รู้ตัวเธอสอนให้เราเห็นและเข้าใจว่า....อย่ารู้ใจเธอเท่ากับที่เธอรู้ใจเธอเองที่เราเห็นว่าถูกใจเรา อาจไม่ได้ถูกใจใครๆ ก็ได้หรือที่เราคิดๆ เอาว่าดี อาจไม่ดี ไม่เข้าตากรรมการก็บ่อยๆที่สำคัญ หากเราตามรู้ดูจิตใจตนเอง ไม่ทันในเวลาปัจจุบันแบบนั้นก็อย่าสมอ้างว่าเรามีเมตตาท่วมท้นในใจ ด้วยว่าแท้จริงแล้วนั้น.....เรารู้เท่าไม่ทันความอยาก อยากให้เค้าเป็นได้ดั่งใจเราเถอะนะ.....จะอะไรก็ตามแต่สาวน้อยหน้าใสวันนั้นเธอก็ยังดำเนินชีวิตในแบบของเธอต่อไปบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ถ้าเราไม่นำกลับมาพิจรณาใจเราจริงๆปล่อยให้เป็นเพียงสภาวะที่เปลี่ยนแปลงตามปกติก็คงได้หากแต่เรากลับรู้สึกดีชมัด.....เพราะหากพรุ่งนี้เราเจอสาวหน้าใสแบบนั้นเข้าให้อีกหนเราจะย้อนกลับมารู้ใจเราให้ไวๆ ก่อนที่ตบะจะแตก...เผลอปากพูดแบบที่ทำมาแล้วอีกอืม.....ค่อยๆ ดูใจเราไปแล้วอย่าอ้างว่า...มีเมตตาในใจจนมากล้นเป็นพอ
การดูจิตความอยู่ในสภาพเบื่อหน่าย (เข้าแถวยาว) นับว่าเป็นการใช้เวลาอันน่าเคร่งเครียด ให้เป็นประโยชน์
มีโอกาสได้พิจารณาสิ่งรอบตัว
และรู้ได้ว่า ตอนนี้เรามีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร
แจ๋วมาก
ขอร่วมด้วย ช่วยฝึกในการนี้ด้วยคนค่ะ