มิถุนายน 2557

1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
นั่งรถไฟไปหลังคาโลก 8 พ.ค. 2557
8 พ.ค. 2557 ปรับร่างกายที่เมืองใหม่ทิงกริ (Tingri) เพื่อเตรียมลุยEverest Base Camp

อารมณ์ต่อมาจากเมื่อวานไม่รู้ว่าลืมบันทึกความรู้สึกนี้ไปได้อย่างไรกัน เรื่องทำลิงน้อยตัวสีแดงหายไปเดินถามเจ้าเพื่อนที่ไปด้วยกัน มันก็เข้าใจว่าอิชั้นทำ กกน สีแดงหายแล้วมาบ้าเดินถามหา (อยากจะตื้บมันจริงๆ)เจ้าลิงน้อยตัวที่ว่านี่ก็คือเจ้าลิงน้อยสีแดงที่ห้อยกระเป๋าเดินทางและเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เริ่มการเดินทางหลุดหายไปไหนก็ไม่รู้สงสัยจะเป็นตอนที่เราต้องย้ายที่อยู่กันบ่อยๆแล้วต้องยกกระเป๋าไว้ใต้รถมินิบัสแอบเสียใจและหวาดกลัวว่าต้องโดนแม่สมน้ำหน้าแน่ๆ เพราะเค้าเตือนแล้วว่าไม่ต้องห้อยหรอกเดี๋ยวหาย แล้วเป็นไง ไม่รู้จักเชื่อฟังผู้ใหญ่ หายจริงๆเลย(น้ำตาตกใน)

กลับมาเข้าเรื่องการเดินทางของเรากันต่อดีกว่าวันนี้ตื่นมาก็ไปลุ้นอาหารเช้าเหมือนเช่นเคย วันนี้หนักเข้าไปอีกเช้านี้ไปถึงก็เหมือนว่าอาหารโปรดของเราจะกลายเป็น ไข่ต้มกะแม๊กกี้(ที่พี่ไกด์เตรียมไปให้) เอาวะ อย่างน้อยเอาโปรตีนเข้าร่างกายไปก่อนขอโซ๊ยสองฟองก็แล้วกัน เสร็จเรียบร้อยก็เก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกันต่อโดยเราคงต้องบอกลาเมืองซิกัตเซ่เพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายใหม่นั่นก็คือเมืองใหม่ทิงกริซึ่งเมืองนี้จะเป็นเมืองที่เราจะแวะพักเพื่อปรับสภาพร่างกายอีกรอบก่อนที่จะลุยEverest Base Camp

อย่างที่บอกไปแล้วในโน๊ตก่อนหน้านี้ว่าระยะทางอาจจะไม่ได้ดูเหมือนว่าไกลมากนักแต่ที่ทำให้เราต้องใช้เวลาเยอะกว่าปกติก็เป็นเพราะการจำกัดความเร็วในการวิ่งของรถยนต์ที่นี่และต้องแวะเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจกันหลายจุดมากมาย แล้วพี่คนขับก็ทำเหมือนเดิมคือขับมันเร็วๆไปก่อนแล้วค่อยไปแวะรอให้เวลาใกล้ๆกับเวลาที่ต้องไปถึงจุดตรวจโดยไปจอดที่ไหนสักแห่งแต่วันนี้ก็ต้องบอกว่าให้อภัยได้เพราะว่าจุดที่จอดรอสวยโคตรๆเป็นอีกหนึ่งจุดที่ชอบเลยนะ เค้าเรียกจุดนี้ว่า Tsola Pass (พาส ณที่นี่หมายถึง จุดสูงๆสำหรับชมวิว) ซึ่งจุดที่เราแวะจอดนี้อยู่สูงสี่พันกว่าเมตรเหนือระดับน้ำทะเล จุดเด่นคือจะมีธงมนตราสีๆมากมายตัดกับท้องฟ้าที่โคตรๆฟ้า ทำให้ยิ่งดูสดใสและโดดเด่น งานนี้เรากะเพื่อนเลยอาจหาญท้าทาย altitude sickness ด้วยการขอกระโดดถ่ายรูปกันหน่อยเหอะแล้วผลเป็นไงหล่ะ แอบเหนื่อยและมึนๆเล็กแถมโดนพี่ไกด์กัดเล็กๆว่าบอกว่าอย่าโดดๆไม่รู้จักฟัง (จ๋อยเลยง่ะ)ไอ้ที่บรรยายมาคงเทียบไม่ได้กับได้ไปเห็นจริงๆด้วยตาตัวเองนะ ปล.ต้องเป็นตอนที่อากาศดีด้วยนะซึ่งทีมเราโชคดีมีเพื่อนตัวแสบของเรามันโม้ตลอดว่ามันปักตะไคร้ชะงักนัก

ออกจากจุดชมวิว Tsola Pass เราก็มาแวะเที่ยววัดอีกวัดหนึ่งมีชื่อว่า SakyaMonestary (วัดซาเจีย)ซึ่งเป็นวัดอีกนิกายหนึ่งต่างจากวัดอื่นๆที่เคยแวะชมซึ่งวัดนี้จะเป็นวัดนิกายหมวกดำในขณะที่วัดที่ผ่านๆมาเป็นวัดนิกายหมวกเหลืองขององค์ดาไลลามะซะเป็นส่วนใหญ่สถาปัตยกรรมในวัดนี้เป็นสถาปัตยกรรมในสมัยศตวรรษที่ 11 โดยสิ่งที่ทำให้เราทึ่ง(จริงๆก็ทึ่งทุกวัดนั่นหล่ะเพราะว่าเหมือนกัน) คือคัมภีร์คำสอนเก่าๆภายในวัดซึ่งมีอายุพันกว่าปีมาแล้วยังถูกเก็บไว้(พร้อมฝุ่น)อย่างดีโดยวางซ้อนๆกันรอบผนังโบถส์แสดงให้เห็นถึงพลังและความขลังอย่างแรงโดยคนสมัยก่อนใช้กระดาษที่ทำมาจากพืชที่มีพิษทำให้สามารถป้องกันการกัดแทะจากพวกแมลงสัตว์กัดต่อยได้เป็นอย่างดีส่วนน้ำหมึกก็ทำมาจากพวกปะการัง ทองคำ และ เงิน (รวยจริงวุ้ยคนที่นี่)โดยคุณสมบัติคือทำให้ตัวอักษรไม่ซีดจางและยังง่ายต่อการทำความสะอาดอีกด้วยโดยเจ้าหน้าที่หรือพระที่ดูแลวัดแห่งนี้จะนำคัมภีร์ออกมาทำความสะอาดทุกๆ 100 ปี(สงสัยทำความสะอาดครั้งหน้าเราคงหายไปจากโลกนี้แล้วแน่ๆเลย หุหุ

เสร็จจากชื่นชมความงามของวัดก็ไปหาอะไรกินกันก่อนซึ่งอาหารมื้อนี้มีอะไรแปลกๆมาหน่อยก็คือมีมันฝรั่งหวานๆทอดเหมือนกินเฟรนไฟน์แต่น่าจะมีคุณค่าทางโภชนการมากกว่าแน่ๆ(ถ้าไม่นับน้ำมันเยิ้มๆที่มาในจานด้วยอ่ะนะ) แต่ของเค้าหวานจริงมันฝรั่งอร่อยเกือบทุกที่ๆตัก (คงได้ปุ๋ยบำรุงดีแน่นอน หุหุปุ๋ยอะไรคิดว่าทุกคนคงเดาได้เองนะ)

ท้องอิ่มแล้วหนังตาก็ปรือๆกลับมานอนต่อบนรถเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมายของวันนี้แต่ก็เป็นธรรมดาของการเดินทางที่เรามักจะเจออะไรดีดีระหว่างทางที่มุ่งไปยังจุดหมายและเราพวกเราก็แวะอีกหนึ่งจุดสวยและสูงที่สุดสำหรับทริปนี้ของพวกเราโดยจุดนี้มีชื่อเรียกว่า Gaytsola Pass โดยมีความสูง 5,248 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลซึ่งยังสูงกว่า Everest Base Camp ที่พวกเราจะไปพักในวันพรุ่งนี้ซะอีกจุดเด่นของพาสนี้คือ เราจะเห็นภูเขาหิมะสวยๆและท้าทายความสูงกันเล่นๆ

นั่งต่อไปอีกสักพักก็จะเจออีกหนึ่งจุดที่เราจะสามารถเห็นยอดเขาเอเวอเรสได้ชัดเจน(ถ้าโชคดี) เพราะส่วนใหญ่แล้วมักจะมีเมฆหมอกมาบดบังทำให้เรามองยอดเอเวอเรสไม่เห็นว่าแล้วก็เอาความรู้มาฝากกันสักเล็กน้อยสำหรับภาษาเรียกยอดเขาเอเวอเรสในภาษาทิเบตเรียกว่าQomolangma แต่ภาษาทางการก็คือ Mt. Everest แต่น แตนแต๊นนน กรุ๊ปเราก็มากับดวง (ดี) เหมือนเดิมเพราะว่าเราได้เห็นยอดเขาเอเวอเรสชัดเจนมากจากจุดนี้ ขนาดไกด์เทนยังเอ่ยปากว่า ยูอาร์ เวรี่ เวรี่ ลักกี้ (ง่ายๆก็คือ พวกคุณนี่โคตรโชคดีเลยหว่ะ)เพราะว่าในปีหนึ่งๆเนี่ยจะมีโอกาสเจออากาศแบบนี้และเห็นได้ชัดแบบนี้แค่ 5 - 6ครั้ง (อันนี้ไม่ได้เติมเองนะ เทนบอกแบบนี้จริงๆนะยกเว้นเทนจะโม้ให้พวกเราตัวลอยยย)แถมงานนี้พี่ๆในกลุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งทำเกี่ยวกับหนังสือ ซุเปอร์จิ๋วได้นายแบบตัวน้อยจากจุดชมวิวนี้ มาเป็นแบบถ่ายรูปกับปกหนังสือซุเปอร์จิ๋วด้วยนะค๊าบใครสนใจหาอ่านได้ที่ร้านเอ็มแค และจุดไหนอีกจำไม่ได้อ่ะ(อยากช่วยโฆษณาแต่ความจำแย่) เพราะว่าเป็นหนังสือแจกฟรีสำหรับคนทั่วไปและเด็กน้อยอย่าลืมนะเจอที่ไหนหยิบมาอ่านกันด้วยนะค๊าบบบ

หลังจากผ่านช่วงการเดินทางนั่งรถขึ้นเขาสูงสลับกับลงพื้นดิน พวกเราก็มาถึงเมืองใหม่ทิงกริกันซักทีซึ่งที่เมืองนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะอยู่ 4300 เมตร คืนนี้เราจะพักกันที่นี่ก่อนจะถึงที่เมืองนี้ เทนก็ย้ำกับพวกเราอย่างเป็นงานเป็นการประมาณว่าผมขอร้องพวกคุณอย่าอาบน้ำนะครับ เพราะว่าเดี๋ยวร่างกายคุณจะปรับสภาพกันไม่ได้ขอแค่เช็ดตัวทำ basic cleaning กันก็พอ (แอบยิ้มในใจ เสร็จตรูหล่ะไม่ต้องอาบน้ำ) โรงแรมที่พักคืนนี้สภาพพอรับได้ตามประสาโรงแรมชานเมืองแต่โชคดีที่มีผ้าห่มไฟฟ้าให้ในห้อง ไม่งั้นคงได้ใส่เสื้อผ้ากันหลายชั้นอีกแน่ๆเพราะว่ามันหนาวจับใจเหลือเกิน อ้อ wifi ก็ไม่มีบริการนะคะ เพราะฉะนั้น นอน นอน นอนเลิกฟุ้งซ่านได้แล้ว แต่อยู่ดีดีเอ๊ะทำไมมีไลน์ติ๊งต่องขึ้นมา อิอิที่แท้เป็นเพราะว่าพี่ในกลุ่มคนที่มีน้ำใจให้เราใช้ hot spot เค้าคงเปิดสัญญาณเพื่อทำงานเราก็เลยได้อานิสสงน์จากเค้าไปด้วย ;-)

ได้เวลานอนแล้วหล่ะ แล้วพรุ่งนี้เราจะเปลี่ยนจาก morning call มาเป็น knockingcall กันนะ อิอิ ถ้าใคร งง ก็เฉลยแล้วกันนะก็เค้าไม่มีโทรศัพท์ในห้อง ก็เลยใช้คนมาปลุกโดยการเคาะตามห้องแทนไงบริการทุกระดับประทับใจจริงๆ คืนนี้นอนหลับฝันดีภายใต้ผ้าห่มไฟฟ้ากันดีกว่า



Create Date : 03 มิถุนายน 2557
Last Update : 3 มิถุนายน 2557 23:50:15 น.
Counter : 197 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

manatabo
Location :
กระบี่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ชีวิตคือการเดินทางตลอดเวลา