อุ้มรัก สีอะคริลิคฉัน...ฉันมิอาจ ห้ามน้ำตา เจ้าหยุดไหลฉันมิอาจ ห้ามใจที่ มลายฝันฉันทำได้ เพียงร้องเพลง ปลอบเงียบงันฉันร้องซ้ำ เพลงนั้น ให้เธอฟัง เธอ...เพลงที่รัก ก่อร่าง ครั้งคราก่อนเพลงที่กล่อม เธอหลับนอน เช่นทุกครั้งเพลงนิทรา กล่อมก้อง กลางภวังค์เพลงที่น้ำ ตาหลั่ง ครั้งได้ยินคืนฝนโปรย โรยสาย ดั่งโศกเศร้ากระหน่ำใจ คนปวดร้าว แทบขาดดิ้นกี่เสียงเพรียก กู่ก้องไป มิได้ยินฤา ทางรัก เราสุดสิ้น แล้วหรือไรเสียงสะอื้น ซุกซบ ซับซอกเข่าเสียงแผ่วเบา หญิงสาว เจ้าร่ำไห้คำสัญญา มากลับกลาย เป็นอาลัยใครนะใคร จากไป ไม่กล่าวลาเขา... คืนฝนโปรย โรยสาย ของคืนก่อนยามเส้นทาง ร้างสัญจร ณ เบื้องหน้าเขาฝ่าฝน บนทางเก่า เพื่อกลับมาหวังกกกอด กานดา แต่สายไปมัจจุราช สีดำ ขยี้ร่างแค่ค่อนทาง เพียงเท่านั้น ที่ทำได้ดั่งม่านฝน พรางประตู สู่ความตายทิ้งความฝัน ความรักไว้ ระหว่างทางเรา...เธอขอร้อง ให้ฉัน ร้องเพลงนั้นน้ำเสียงเศร้า พร่าสั่น และอ้างว้างชีวิตเอย แสนสั้น และเปราะบางแต่ชีวิต หนึ่งก่อร่าง ในร่างเธอฝนกระหน่ำ คืนนั้น จนรุ่งเช้าแต่น้ำตา จากสาว ยังล้นเอ่อฝืนพากาย ใจบอบช้ำ ไปรับเธอให้ลูกเจอ พ่อในร่าง ไร้วิณญาณแด่เพื่อน... จิตรกรหนุ่มผู้เป็นดั่งน้องชาย จิตรกรไร้ชื่อในหน้าประวัติศาสตร์ที่ระเหเรร่อนออกจากเมืองกรุงมาด้วยกัน เพื่อระลึกถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน คืนนั้นในห้องเช่าเล็กๆในตัวเมืองกระบี่ หญิงสาวที่จะกลายเป็นเจ้าสาวในเดือนหน้า เธอถามฉันร้องเพลงนั้นให้เธอฟังได้ไหม เพลงที่เธอและเขามีความหลัง ความประทับใจร่วมกัน เธอขอให้ฉันร้องเพลงนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นคือสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในคืนฝนโปรยคืนนั้น เพื่อปลอบประโลมหญิงสาวที่หัวใจเจียนแตกสลาย ฉันร้องเพลงนั้นในบรรยากาศเศร้าโศกจวบจนรุ่งเช้า ฝนซาลงแล้ว เธอฉันและเพื่อนอีกไม่กี่คน ออกเดินทางไปรับร่างไร้วิญญาณที่โรงพยาบาลกลับบ้าน ปัจจุบันเธอและลูกน้อยใช้ชีวิตเงียบๆเรียบง่ายด้วยการปลูกต้นไม้ขาย ร้านต้นไม้ซึ่งเป็นโครงการในฝันของเธอและเขาฉันเขียนภาพนี้ให้เขา ในช่วงเวลาที่ความรักของเขาและเธอเริ่ิ่มก่อร่าง และเป็นภาพสุดท้ายที่เราได้พบกัน คิดถึงเพื่อนเสมอ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
มีความสุขมากๆน่ะจ๊ะ
ขนลุกด้วยยยย