พฤศจิกายน 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
21 พฤศจิกายน 2550
 
 

เขาเชื่อมั่น และศรัทธา ดังนั้นเขาจึงคอย...


Father's day Comments Hi5




อเล็กซ์ซานเดอร์ โรส กล่าวไว้ว่า

"Half the agony in living i s waiting."

ครึ่งหนึ่งของความทรมานในการมีชีวิตอยู่ คือการอยู่กับการรอคอย

ยังเช้าอยู่ ปลายฤดูใบไม้ร่วง สวนสาธารณะว่างวาย แต่ดวงใจของชายหนุ่มเต็มตื้น


เขากำลังนั่งคอย....


โต๊ะคอนกรีตยังอุ้มความเย็นของคืนวานไว้
ตอนนี้มันจึงปล่อยความสะท้านสู่กาย
ของชายผู้นั่งตรงม้ายาวและจิบกาแฟร้อนไล่หนาว
ต้นไม้สะบัดใบร่วง ดวงตะวันระบายแรงอุ่น
ชายหนุ่มปล่อยความคำนึงล่องลอยไกล...และคอย....

บางวูบความคะนึงถึงของเขาเสมือนคุก บางวูบกลับเสมือนวัง
กาลเวลาล่วงแล้วสองชั่วโมง

เขาฆ่าเวลา เวลาฆ่าเขา แต่เขายังคงคอย ความคาดหวังเริ่มปวดร้าว
เขาผู้รักษาคำมั่น มือมิได้เขียนไว้เป็นอักษร
แต่หัวใจไม่เคยลืมคำสั่งของมัน

โต๊ะตัวนี้ใช่ วันที่วันนี้ก็ใช่ ชั่วโมงนาทีนี้ก็ใช่
เขาสองคนเคยลั่นวาจาไว้ว่า...หนึ่งปี

จนถึงวันๆนี้ เขาจะพบกันที่นี่ที่เดิม สองคนให้สัญญาต่อกันไว้
ทั้งปิติทั้งปวดร้าว สองความรู้สึกที่ไล่ล้อกันในห้วงคะนึง
ทั้งความหวัง ทั้งใจที่พังทลายก็เช่นกัน
คำที่ชาร์ล ดิคเก้น เคยเขียนไว้ วันนี้เขาเพิ่งเข้าใจ


...It was the best of times, it was the worst of times
It was the spring of hope, it was the winter of despair
We had everything before us,we had nothing before us

...เวลานี้ดีที่สุด และเวลานี้ก็เลวร้ายที่สุด...
เวลานี้ประหนึ่งฤดูใบไม้ผลิของความหวังและดั่งฤดูหนาวของความสิ้นหวัง
เหมือนเราจะมีทุกสิ่งในโลกรอเราอยู่ข้างหน้า และก็เหมือนเราจะไม่เหลืออะไรเลย

เรื่องราวของเขาอาจไม่ยิ่งใหญ่เท่าอมตะนิยายหรอกนะ
ก็แค่เรื่องราวแสนธรรมดาของคนที่ซับซ้อนสองคน
เขากับเรื่องที่ยังเขียนไม่จบของเขานั่งคอยอยู่ด้วยกัน
เพื่อจะได้รู้ว่า...ตอนจบนั้นเขียนออกมาให้จบอย่างไร

เขาเป็นกระดาษ อีกคนเป็นปากกา
เมื่อปากกายังมาไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงต้องคอย

คำสัญญาของคู่รักมักจะเอ่ยต่อหน้าบาดหลวงแห่งความปรารถนา
เพื่อจะประกาศอีกครั้งต่อหน้าพระแห่งเหตุผลและความเป็นจริง

เขาสองคนได้รัก สองคนได้สัญญา สองคนได้พลัดพราก
เขากลับมา เขายังอาลัย เขามองรอบตัว
อีกประเดี๋ยวเขาคงต้องไปแล้ว สวนสาธารณะผู้คนเริ่มขวักไขว่
ดวงตาของเขาล้า ไม่เห็นเงาเธออยู่ที่แห่งใด
แต่ความทรงจำถึงเธอมีอยู่ทุกที่
ทันใดกลางวันก็พลันหนาวจับขั้วใจ

เขาอยากอยู่ร่วม กับเธอจนชั่วชีวิต
แต่เขากลับนั่งนิ่งที่โต๊ะคอนกรีตเหมือนจะชั่วชีวิต
เขาหิวและเขาหนาว ความหิวโหยของท้องร้องบอกให้เขาไปเสียเถอะ
ความหิวของหัวใจกลับบอกเขาให้อยู่ต่อเถอะ

ดวงตะวันยิ่งคล้อย ความกลัวของเขายิ่งเพิ่ม
เงามืดเริ่มครอบคลุมทั่วสวนสาธารณะรวมทั้งวิญญาณของเขาแล้ว

เขาดึงจดหมายฉบับสุดท้ายของเธอจากกระเป๋าเสื้อโค้ต
กระดาษทั้งปอนทั้งคร่ำคร่า
เนื่องจากว่าเจ้าของจับและอ่านครั้งแล้วครั้งเล่า

จดหมายบอกว่าเธอย้ายที่อยู่ จดหมายเขียนว่าไม่ให้ที่อยู่ใหม่ของเธอดีกว่า
จดหมายเล่าว่าเธอเขียนถึงเขาไม่ได้อีก
เธอรักเขามากและจะไปพบเขาแน่นอนที่สวนสาธารณะตามคำมั่นสัญญา

เขาค่อยบรรจงพับที่ระลึกแห่งความรักของเขาทั้งสองและเก็บมันไว้อย่างดี
ในกระเป๋าเสื้อโค้ตดังเดิม

ตอนที่เขาย้ายบ้าน เขาก็ไม่ได้แจ้งที่อยู่ใหม่ให้เธอรู้เหมือนกัน
เพราะว่าเธอไม่ได้ เขียนจดหมายถึงเขาอีกเลย
แต่เขาไม่ว่าอะไร เพราะเขาทั้งสองเป็นเสมือนเรือสองลำแล่นฝ่าราตรี
สวนสาธารณะนี้ก็เสมือนหนึ่งท่าเรือที่จะมาพบกัน

หนึ่งปีช่างเป็นการเดินทางอันยาวไกลสำหรับคำมั่นสัญญาที่ให้ต่อกันไว้
เขาเชื่อมั่น และศรัทธา ดังนั้นเขาจึงคอย...

และแล้วเขาก็ปิดหัวใจในนาทีที่ยามปิดสวนสาธารณะ
เขายืนนิ่งงันอยู่นอกรั้วทางเข้าซึ่งล๊อคกุญแจ เขาด่าตัวเองว่าโง่เง่า
เขาล๊อคประตูหัวใจตัวเองแล้วเปิดประตูบานใหม่สู่การเย้ยหยาม
เขาสาบานว่าชาตินี้จะไม่มีวันรักใครอีก

เขาเป็นคนเขียนคำว่าอวสานบนกระดาษแห่งความคะนึงด้วยมือตัวเอง
กระทั่งรื้อนิยายรักซาบซึ้งมาเขียนแก้เสียใหม่ ให้กลายเป็นความน่าชัง

นิกายแห่งการเย้ยหยาม ได้สาวกเข้ารีตใหม่เสียแล้วในคืนนั้นเอง

เขาได้แต่เดินไปในความมืดมิด...



โต๊ะคอนกรีตเย็นเยียบอีกครั้งครา
และยิ่งเป็นสีดำทะมึนกว่าเมื่อเธอจอดรถตรงหน้าประตูสวนที่ล๊อคแล้ว
นาฬิกาวันที่ของเธอขึ้นเลขวันที่ 31

เธอรักนาฬิกาเรือนนี้มาก เขาเป็นคนซื้อให้เธอ

เธอจำได้ขึ้นใจว่าวันนัดหมายที่สวนสาธารณะคือวันที่ 1 เดือนธันวาคม
เธอแทบไม่เชื่อหูเลยตอนได้ยินคนอ่านข่าวโทรทัศน์ภาคค่ำ
ประกาศว่าวันนี้เป็น วันที่ 1 ธันวา เธอด่าตัวเองว่าโง่เหลือเกิน

"เดือนที่มี 30 วันคือเดือนกันยา,เมษา,มิถุนา และพฤศจิกา..."
เธอร้องร่ำวนไปวนมาในห้วงสมองยามเธอเร่งรถฝ่าความมืดของสวนสาธารณะ
เธอลืมปรับวันที่นาฬิกาของเธอได้ยังไงกันนะ เธอรู้แล้ว รู้ว่าทุกอย่างสายไปจริงๆ

เธอน่าจะได้เขียนตอนจบเป็นคำว่า Happy ending ด้วยหมึกที่ไม่มีวันลบออก

ปากกามาถึงแล้ว หากกระดาษจากไปแล้ว เธอค่อยๆกลับรถอย่างเชื่องช้า
เมื่อเธอขับรถวนมาที่ถนนอีกครั้ง ไฟหน้ารถเธอส่องไปที่รูปปั้น จอหน์ วิทเทียร์
ที่ตั้งอยู่ใกล้ประตูทางเข้าสวน เธอไม่ยอมอ่านคำที่จารึกไว้บนป้ายหินอ่อนใต้รูปปั้น
ซึ่งเขียนไว้ว่า


"...Of all sad words of touung or pen,
the saddest are these , IT MIGHT HAVE BEEN..."

ในทุกถ้อยคำที่เอ่ยด้วยปากหรือเขียนด้วยปากกา คำที่เศร้าที่สุดคือ"เราน่าจะ"

ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกคุณที่จะมัวอ่านคำแสนงามอันจารึกไว้ในหิน

โดยเฉพาะเมื่อไฟหน้ารถของเธอส่องสว่างจับไปที่ร่างของชายคนรัก
ผู้ที่นั่งรออยู่เพียงเดียวดายแทบเท้ารูปปั้นจอหน์ วิทเทียร์




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2550
4 comments
Last Update : 2 ธันวาคม 2550 22:32:37 น.
Counter : 2011 Pageviews.

 

กรี๊ดดดดดดดด
เป็ดจังได้มาเจิม
และยังได้อ่านเรื่องราวดีดีที่บลอคนี้ด้วย

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมพวกเราที่บ้านนะคะ

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

ว่างๆเจอกันที่โดมอีกนะคะ

 

โดย: rendezvous (be-oct4 ) 22 พฤศจิกายน 2550 7:53:51 น.  

 


ยินดีต้อนรับสู่บล็อคแก้งค์ค่ะ

 

โดย: โสมรัศมี 22 พฤศจิกายน 2550 8:24:48 น.  

 

ตามอ่าน ตามอ่าน

ปล ขอบคณนะครับที่แวะไปที่บลอก


enjoy your day

 

โดย: Holden Caulfield 25 พฤศจิกายน 2550 11:46:55 น.  

 

เป็นความรักที่น่าซาบซึ้ง ถึงจะเศร้าไปบ้าง

 

โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 27 พฤศจิกายน 2550 17:44:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

denebt00
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









Best Graphics - MySpace/Hi5/Friendster





Hi5 Emo Love Graphics Comment
[Add denebt00's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com