ตู้เย็นที่บ้าน ใช่งานมาน๊านนาน แต่หากให้นับว่าเคยทำความสะอาด
ตู้เย็นกันมาแล้วกี่ครั้ง ? บางคนก็บอกเคยทำอยู่บ้าง 1-2 ครั้ง แต่บางคนก็บอกว่า ไม่เคยทำความสะอาดเลย
ภาพจาก Zopper
ทำไมถึงไม่เคยทำความสะอาดตู้เย็นเลยล่ะ !?
เหตุผลว่าทำไมถึงไม่เคยทำความสะอาด
ตู้เย็นกันเลย เป็นเพราะว่าหลายคนอาจจะมองว่าการทำความสะอาดค่อนข้างที่จะยุ่งยาก ต้องรื้อของออกมาทั้งหมด และต้องมานั่งจัดเรียงใหม่ ดูวุ่นวาย และคิดว่าไม่ต้องทำความสะอาด
ตู้เย็นก็ยังสามารถใช้งานได้ไม่ต่างกัน
ภาพจาก Boston Magazine
แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การที่เราละเลยการทำความสะอาด
ตู้เย็น อาจจะส่งผลกระทบในภายหลัง ถึงแม้ว่าตอนนี้
ตู้เย็นยังสามารถใช้งานได้ปกตดี แต่อนาคตอาจจะเกิดปัญหาได้ค่ะ !
หากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ?
หากเราปล่อยปะละเลยไม่ทำความสะอาด
ตู้เย็นกันเลยเป็นระยะเวลานาน
ตู้เย็นของเราก็จะเต็มไปด้วยกลิ่นอับที่ยากจะแก้ไข อีกทั้งอาจจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ต่างๆอีกด้วย และที่สำคัญคือหากเราไม่จัดเรียงของใน
ตู้เย็นให้เรียบร้อย อาจจะมีอาหารบางส่วนที่หมดอายุ ปล่อยทิ้งเอาไว้ใน
ตู้เย็น เกิดกลิ่นเหม็นปะปนคลุ้งอยู่ภายในอีกด้วยค่ะ
ภาพจาก What's up Fagans?
การทำความสะอาดตู้เย็นสำคัญนะ
จากปัญหาดังกล่าว การทำความสะอาด
ตู้เย็น จึงมีความสำคัญมากไม่ควรมองข้าม ซึ่งอาจจะนานๆทำทีก็ได้ ไม่ต้องบ่อยมากนัก สักประมาณ 2-3 เดือนครั้งหรือตามสะดวกของเราเลย โดยขั้นตอนการทำความสะอาด
ตู้เย็นก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ บทความนี้ได้เรียบเรียงสเต็ปการทำความสะอาด และเทคนิคที่จะช่วยทำให้การทำความสะอาดง่ายมากยิ่งขึ้น เริ่มจากขั้นตอนแรกกันเลย !
ภาพจาก Ballen Real Estate Network
ถอด ต้องถอด ให้หมด >,,,,<
ขั้นตอนแรกในการทำความสะอาด
ตู้เย็นคือการถอด รื้อ เอาทุกอย่างใน
ตู้เย็นออกมาให้หมด มาวางกองเรียงกันภายนอก รวมถึงถาดชั้นวางต่างๆก็เอาออกมาด้วยนะคะ ทีนี้เราก็จะเห็นแล้วว่า ภายใน
ตู้เย็นของเรามีจุดไหนที่สกปรก และต้องเช็ดทำความสะอาดกันบ้าง
ภาพจาก qpaseelsiguiente.blogspot.com
ล้างๆ ทำความสะอาดกันเถอะ
เมื่อเรานำของออกมาหมดแล้ว และชั้นวางของต่างๆออกมาแล้ว ให้เช็ด หรือล้างทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่น ผสมกับน้ำยาล้างจานแบบเจือจาง เช็ดล้างทำความสะอาดให้เกลี้ยง หลีกเลี่ยงสารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง เพราะเราอาจจะล้างทำความสะอาดไม่หมดจด ส่งผลให้สารเคมีเหล่านั้นเจือปนในอาหารได้ค่ะ
ภาพจาก Alto Astral
ล้างตู้เย็นด้วยเทคนิคแบบธรรมชาติ
หากใครที่ไม่โอเคกับการใช้สารเคมี แลดูไม่ปลอดภัย มีแนวทางการล้าง
ตู้เย็นด้วยเทคนิคแบบธรรมชาติ โดยเลือกใช้เบกกิ้งโซดา หรือน้ำส้มสายชูในการนำมาทำความสะอาดภายใน ที่นอกจากจะช่วยในเรื่องของความสะอาดแล้ว ยังช่วยดับกลิ่นได้ดีอีกด้วยค่ะ
ภาพจาก Rodale's Organic Life
ตามซอกขอบยางประตูตู้เย็นห้ามมองข้ามเด็ดขาด
สิ่งที่ห้ามมองข้ามเลยในการทำความสะอาดตู้เย็น คือตามซอกขอบยางของประตู ที่ดูเหมือนจะสะอาดดี แต่ในความเป็นจริงแล้วตรงส่วนนี้จะมีแบคทีเรียและเชื้อราแอบซ่อมอยู่ ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย เช็ดถูตรงส่วนนี้ด้วยค่ะ
ภาพจาก NewLife Appliances
ล้างเสร็จแล้วยังไงต่อล่ะ ?
เมื่อเราล้างและเช็ดถูทำความสะอาด
ตู้เย็นจนเกลี้ยงแล้ว ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดทำความสะอาดซ้ำอีกครั้ง ส่วนชั้นวางต่างๆนำไปตากแดดให้แห้ง แล้วจึงค่อยนำกลับเข้ามาใส่ใน
ตู้เย็นเหมือนเดิม จาก
ตู้เย็นที่เต็มไปด้วยคราบสกปรก กลับกลายเป็น
ตู้เย็นใหม่ภายในพริบตาจ้า
ภาพจาก Veggie Quest
คัดแยกประเภทอาหาร
เมื่อเราทำความสะอาด
ตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนในการคัดแยกพวกวัตถุดิบ ประเภทของอาหาร ก่อนที่จะนำเข้าเก็บใส่
ตู้เย็น ตรวจสอบเรื่องวันหมดอายุของอาหารด้วยนะคะ อันไหนใกล้หมดอายุ ก็เอาไว้ด้านหน้าๆ เวลาหยิบใช้จะได้หยิบก่อน ไม่ใช่มีอะไรก็ยัดกลับเข้าที่เดิมหมดล่ะ
ภาพจาก Pinterest
ดับกลิ่นตู้เย็นด้วยของใกล้ตัว
หากคุณยังมีความกังวลว่า
ตู้เย็นจะเกิดกลิ่นอับอันไม่พึงประสงค์ขึ้นมาอีก เราก็มีเทคนิคดับกลิ่นอับด้วยการใช้สิ่งของใกล้ตัวมาฝากด้วยค่ะ ติดตามอ่านได้ที่บทความนี้เลย :
ดับกลิ่นอับในตู้เย็นง่ายด้วยของใกล้ตัว ตู้เย็นสะอาดอยู่ตลอดเวลา
หลังจากที่เราทำความสะอาด
ตู้เย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เราจะต้องทำต่อไปคือการดูแลรักษา
ตู้เย็น ให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา เพื่อลดปัญหากลิ่นอับ อีกทั้งไม่ต้องมานั่งทำความสะอาดกันบ่อยๆให้เหนื่อยอีกด้วยค่ะ โดยเริ่มจาก
ภาพจาก goodhousekeeping.co.uk
แยกประเภทอาหารสดเอาไว้ในลิ้นชักใน
ตู้เย็น เพื่อป้องกันกลิ่นคาวออกมาปะปนกับอาหารประเภทอื่น หรือใส่กล่องพลาสติกแยกเอาไว้ตามความสะดวก นอกจากนี้พวกอาหารที่หมดอายุ ให้รีบนำออกจาก
ตู้เย็นเลยทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะเราอาจจะหลงลืมได้ เปิด
ตู้เย็นมาอีกทีกลิ่นเหม็นก็ตบลอบอวลเรียบร้อยแล้ว
ภาพจาก Fitbit Blog
หากพบเห็นคราบน้ำที่ไหลออกมาจากอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้เช็ดทำความสะอาดทันทีอย่าปล่อยไว้ เพราะหากปล่อยไว้นานจะกลายเป็นคราบติดฝังแน่น ถ้าถึงจุดนั้นก็ต้องรื้อ
ตู้เย็นออกมาขัดถูกันใหม่อีกรอบให้เหนื่อยแรงเปล่าๆค่ะ