|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
นิราศสุพรรณ...พระสุนทรโวหาร(ภู่) ๓
๕๑ ๏ นกกทุงฝูงใหญ่กลุ้ม.......กลางหนอง ลอยเลื่อนเคลื่อนคลอประคอง.............คู่เคล้า คิดเช่นเล่นลำคลอง......................คลอนุช น้อยเอย สอนว่ายฝ่ายพี่เฝ้า.............................ฝึกน้องคล่องใจ ฯ ๕๒ ๏ กาน้ำดำแหวกหว้าย.........................วาริน คาบขยอกขแยงกิน.............................เก่งแท้ เด็กโห่โผล่พลุนบิน..............................บ่เปียก ปีกแฮ ยางกรอกดอกบัวแซ่............................สนั่นร้องซ้องเสียง ฯ ๕๓ ๏ กาเหยี่ยวเที่ยวว้าว่อน....................เวหา ร่อนร่ายหมายมัจฉา...........................โฉบได้ ขุนนางอย่างเฉี่ยวกา...........................กินสัตว์ สูเอย โจมจับปรับไหมใช้..................................เช่นข้าด่าตี ฯ ๕๔ ๏ ยางเจ่าเซาจับจ้อง.......................จิกปลา กินเล่นเป็นภักษา...............................สุขล้ำ กระลาการท่านศรัทธา.....................ถือสัตย์ สวัสดิ์แฮ บนทรัพกลับกลืนกล้ำ.........................กล่าวคล้ายฝ่ายยาง ฯ ๕๕ ๏ ออกแควแม่น้ำปาก...................คลองโยง แตนด่านบ้านเรือนโรง........................เรียดคุ้ง ชื่อลานตากฟ้าโถง.............................ทุ่งรอบ ขอบแฮ เย็นย่ำน้ำค้างฟุ้ง......................................ฟากฟ้าสากล ฯ ๕๖ ๏ ชาวบ้านร้านเรือกตั้ง....................ตากปลา แต่ปากว่าตากฟ้า...............................เฟื่องฟุ้ง กว้างขวางทร่างวัดวา.........................ไว้ช่อง คลองแฮ ริมฝั่งพรั่งผักบุ้ง..................................ยอดแย้มแซมไสว ฯ ๕๗ ๏ รอนรอนอ่อนอกโอ้......................อัสดง เลี้ยวเหลี่ยมพระสุเมรุลง......................ลับฟ้า มืดคลุ้มพุ่มไผ่พง..........................พี่เปลี่ยว เดียวเอย เสียงพึ่งหึ่งหึ่งหน้า...............................นึกคร้ามหวามถวิล ฯ ๕๘ ๏ ทางเปลี่ยวเลี้ยวล่องคุ้ง..................เขตคัน ย่อมย่านบ้านกระจันจรร ......................กจ่างฟ้า เงียบเหงาเปล่าทรวงกระสัน.............โศกสอื้น อกเอย จรรอื่นชื่นแต่หน้า...............................ใช่เนื้อเจือจรร ฯ ๕๙ ๏ ลำภูดูหิ่งห้อย.........................พรอยพราย เหมือนเม็ดเพชรรัตน์ราย......................รอบก้อย วับวับจับเนตรสาย.........................สวาดิสบ เนตรเอย วับเช่นเห็นหิ่งห้อย..............................หับหม้านนานเห็น ฯ ๖๐ ๏ ถึงย่านบ้านฝั่งข้าม....................โขลงหลวง หมอเท่าเจ้าเล่ลวง...............................ล่อคล้อง ใช้เล่นเช่นกับดวง................................เนตรนุช พี่เอย บ่วงรักดักพี่ต้อง............................................ติดให้ใช้แรง ฯ ๖๑ ๏ ล่องทางบางบ้านส.......................ศรีธร แปรชื่อครือจรรจร...............................แจ่มแจ้ง เรือนตั้งฝั่งสาคร.............................คนเงียบ เลียบแฮ บ้านไร่ใครหนอแกล้ง...........................กล่าวอ้างอย่างจรร ฯ ๖๒ ๏ ยามดึกครึกครื้นลั่น.......................ลมฝน ถึงย่านบ้านขโมยมล.............................มืดคลุ้ม จระเข้เร่คำรน......................................ร้องฮุ่ม ฮูมแฮ มุ่งเขม่นเห็นขุ้มขุ้ม.........................................แข่งขู้ฟูลอย ฯ ๖๓ ๏ ราตรีหนีตเข้เค่า........................บ้านขโมย เด็กหนุ่มสุ่มเรือโดย...............................ด่วนพุ้ย ฝนปรำพร่ำเปรียะโปรย.......................ปรายสัต สนัดแฮ ต่างง่าพร้าขวานมุ้ย........................................มุ่งทุ่มกุมภา ฯ ๖๔ ๏ น่ากลัวตัวตเค่ขู้............................ฟูขนอง ฮืดฮาดฟาดฟูฟอง...............................ฟ่องเฟื้อย เคียงคู่สู่สมสอง..................................สังวาด สวาดแฮ ยาวใหญ่ไล่โลดเลื้อย................................เล่นน้ำปล้ำขนอง ฯ ๖๕ ๏ เด็กน้อยคอยขเหม้นมุ่ง............มองมัน ว่าตเข้ขบกัน.................................ปกับท้อง บูรานท่านว่าสัน-......................ดานสัตว์ กำหนัดแฮ ปีหนึ่งจึ่งงอกต้อง.................................ติดค้างนางเมีย ฯ ๖๖ ๏ หนีศึกว่าปะซุ้ม...................เซิงเสือ ได้กับเราแล้วเหลือ......................หลากล้ำ หลบตเข้เค่าจอดเรือ....................ริมเขต ขโมยแฮ บกก็เสือเรือซ้ำ.......................................สัตเข้เฉโก ฯ ๖๗ ๏ รุ่งเช้าเบาอกสริ้น................โศรกสบาย ลาย่านบ้านขโมยหมาย......................มุ่งข้าม น้ำขึ้นรื่นลมชาย......................เฉื่อยส่ง ตรงเอย ทางเปลี่ยวเสียวทรวงซ้ำ......................สัตว์น้ำคล่ำขนอง ฯ ๖๘ ๏ บางปลาตาบ้านอยู่.................หญิงชาย สองฮ่องสองเรือนราย......................ร่ายกล้วย ชาวป่าน่านอนสบาย......................บ่ครั่น ตวันเอย มีคู่อูเข้าด้วย........................................ดั่งนี้ที่สบาย ฯ ๖๙ ๏ ซ้ายขวาป่าไผ่ซุ้ม.............เซิงหนาม สองฝั่งรังรำราม...............................รกเรื้อ แพงพวยผักบุ้งงาม......................งอนทอด ยอดเอย บนบกนกกับเนื้อ..................................หว่างไม้ไผ่สลอน ฯ ๗๐ ๏ บางปสีที่ถ่านตั้ง.............ตวงซาย เผาไผ่ไม้ซากราย......................เรียดถ้า หนุ่มสาวเหล่าหญิงชาย.................เช่นพูด อูดเอย ดำทมื่นทื่นหน้า................................แนบน้องลองโลม ฯ ๗๑ ๏ นาวาคลาเคลื่อนคล้อย..............ลอยลำ ล่วงย่านบ้านบางรกำ.............................รกไม้ สาวหนุ่มสุ่มส้อนทำ......................แทงพวก ฉมวกแฮ ปลาติดปลิดปลดได้...............................ดุกต้องช่อนชโด ฯ ๗๒ ๏ บางยุงคุ้งลาดล้วน...............เหล่าควาย ลงปลักทลักทลาย.............................เล่นน้ำ ดำผุดฟูดฟาดหงาย......................แหงนเบิ่ง เทิ่งแฮ ลูกเล็กเด็กเลี้ยงปล้ำ..........................ปล่อยห้อยอควาย ฯ ๗๓ ๏ เขาควายรายร่องนิ้ว.........นิทาน นานเอย ว่าพญาพาลีทยาน................................ยุดพลิ้ว ศีรษะกระบือกระบาน.............................บั่งบั่ง ยังแฮ นึกเช่นเป็นรอยนิ้ว..............................เหนี่ยวเน้นเห็นรอย ฯ ๗๔ ๏ บ้านไซไซใหญ่ย้อย............สร้อยไสว คิดเช่นเล่นต้นไซ...........................แซ่ซ้อง ผูกกิ่งชิงช้าไกว.....................แกว่งชัก เชือดเอย เคยขี่พี่กับน้อง.................................แนบเนื้อเจือใจ ฯ ๗๕ ๏ เลยทางบางบ้านแห่ง...........หินมูล เดิมว่าเตาเผาปูน...........................ป่นไว้ อาภัพลับชื่อสูร......................เสียเปล่า เราเอย อกพี่นี้และได้...............................ดุจอ้างอย่างปูน ฯ ๗๖ ๏ ถึงคลองร้องเรียกบ้าน...........บางหลวง ลำฦกนึกถึงดวง................................ดอกฟ้า เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวทรวง............แสนเทวษ ทุเรศเอย อุ้มรักหนักอกถ้า...............................เทียบเถ้าเขาหลวง ฯ ๗๗ ๏ บางน้อยพลอยนึกน้อย........น้องเอย น้อยแนบแอบอกเคย......................คู่เคล้า เนื้อน้อยค่อยสนอมเชย..................เชือนชื่น อื่นแม่ น้อยแต่ชื่อหฤาเจ้า............................จิตรน้อยลอยลม ฯ ๗๘ ๏ บางหวายท้ายคุ้งช่อง...........คลองมี แดนนครไชยศรี............................สุดสริ้น เข้าแดนสุพรรณบุรี......................รื้อเปลี่ยว เดียวเอย ทุ่งท่าป่ายุงริ้น.......................................รกเรื้อเบื่อชม ฯ ๗๙ ๏ ชุมนักผักตบซ้อน..............บอนแซง บอนสุพรรณหั่นแกง......................อร่อยแท้ บอนบางกอกดอกแสลง.................เหลือแหล่ แม่เอย บอนปากยากจะแก้...............................ไม่สริ้นลิ้นบอน ฯ ๘๐ ๏ บางสามศาลเจ้าทร่าง.........ปางหลัง อารักศักดิ์สิทธิ์วัง......................แว่นแคว้น สุขีที่ข้าหวัง.............................วานช่วย ด้วยแฮ กำจัดศัตรูแม้น..................................มุ่งร้ายตายเอง ฯ ๘๑ ๏ ถึงบ้านด่านดักตั้ง..............ฝั่งกระแส สองพี่น้องคลองแคว.........................ค่ามคุ้ง ตลิ่งตลิบโตล่งแล......................ตานสลับ สล้างเอย สริ้นไผ่ในแขวงถุ้ง.................................ถิ่นอ้อกอแขม ฯ ๘๒ ๏ ปลาชุมกลุ้มเกลื่อนท้อง.............ธารา ลอยเล่นเห็นคนถลา.........................หลบสริ้น สลิดสลาดสลับปลา.........................ช่อนดุก พลุกแฮ กระดี่กระดิกกระเดือกดิ้น.......................กระโดดเหล้นเห็นตัว ฯ ๘๓ ๏ นานาปลาว่ายเคล้า..................คลอเรือ สีเสียดซิวกระโสงเสือ.........................ซ่าสร้อย เพลี้ยตภากตะเพียนเหลือ.................หลายหลาก มากเอย กริมกระตรับนับร้อย...................................เร่หว้ายรายเรียง ฯ ๘๔ ๏ แก้มช้ำดำที่แก้ม....................แต้มดำ ดูเคลื่อนเหมือนจนำ.........................แนะน้อง แรกรักปรักปรางประจำ.......................จุมพิต นิดเอย ช้ำเช่นปลาอย่าต้อง..............................แต่งแต้มแก้มสมร ฯ ๘๕ ๏ เนื้ออ่อนห่อนซู่เนื้อ............น้องหญิง อ่อนแอบแนบอกอิง.........................อุ่นล้ำ นวลจันนั่นนวลจริง.........................แต่ชื่อ ฦาเอย นวลที่พี่กลืนกล้ำ..........................กลิ่นเนื้อเหลือนวล ฯ ๘๖ ๏ ปลาใหญ่ไล่เลี้ยวฮุบ..........หวดหาง ฮืดฮาดฟาดโผงผาง.........................พ่นน้ำ ปลาค้าวเหล่าสวายคาง.................เบือนบิด เบี้ยวแฮ กโฮ่โผล่ผุดขล้ำ............................เคลื่อนคล้อยลอยแล ฯ ๘๗ ๏ บางซอกอไผ่ล้อม...........หลายกอ บ้านบ่มีสีซอ..............................สักน้อย เรือใกล้ไผ่พุ่มภอ.........................พยุโยก โชกแฮ ไผ่เบียดเอียดออดอ้อย.........................เอื่อยอ้อซออินทร์ ฯ ๘๘ ๏ ทุ่งกว้างทางเปลี่ยวโอ้.........อาทวา สองฝั่งฝ่ายวิหกา..........................กู่ก้อง เร่ร่อนว่อนเวหา................................หาเหยื่อ นกเถื่อนเหมือนจะร้อง.........................เรียกให้คนชม ฯ ๘๙ ๏ ถึงที่สีสนุกนั้น...................น้องเอย สนุกแต่ชาวบ้านเคย.........................ค่ำเช้า พวกพี่ที่จากเชย.......................ชวดสนุก ทุกข์แม่ สนุกที่ดูสูเจ้า....................................สนุกเถ้านั้นเอง ฯ ๙๐ ๏ ชุมแท้แต่สวะเฟื้อย.............เฟือยตวาง ลอยเลื่อนเกลื่อนกลาดกลาง..............กลบน้ำ ซ้อนซับทับถมทาง...................................ที่แคบ เรือขัดตัดฟันค้ำ.................................ค่อยกว้างทางจร ฯ ๙๑ ๏ แหลมคุ้งทุ่งเถื่อนไม้..............ไรราย ถึงย่านบ้านตเภาทลาย....................ทลุท้อง เดิมที่นี่เป็นชาย........................ทเลหาด ลาดแฮ เรือสัดพลัดมาต้อง..........................ติดเข้าตเภาทลาย ฯ ๙๒ ๏ แลลิ่วทิวทุ่งต้น................ตานราย ลิบลิบลมปลิวปลาย....................ไปล่แปล้ เล่คนคัดปีกฉาย.........................เฉิบเช่น เห็นแฮ เรี่ยเรี่ยเตี้ยต่ำแจ................................พิศให้ใจเพลิน ฯ ๙๓ ๏ บางปลาร้าปลาคล่ำน้ำ.........ลำคลอง คนเหล่าเชาปมงมอง........................มุ่งข้า สุ่มซ่อนช้อนฉะนางปอง...............ปิดเรือก เฝือกแฮ เหม็นเน่าคาวปลาร้า..........................เรียดคุ้งคลุ้งโขลง ฯ ๙๔ ๏ ริมน้ำทำทีขึ้น...............ขอดปลา เกล็ดติดตัวตีนตา....................ตมูกแก้ม คิดคู่สู่เสน่หา....................หอมชื่น รรื่นเอย โคลนเช่นเป็นแป้งแต้ม..................ติดเนื้อเหลือหอม ฯ ๙๕ ๏ บางสแกแลสล่างงิ้ว..........ทิวราย เรียงฝั่งดังฉัตรฉาย....................แช่มช้อย งิ้วไม้ใช่งิ้วสาย....................สวาดิเช่น เห็นเอย งิ้วพี่ที่แน่งน้อย...............................นึกหน้าอาไลย ฯ ๙๖ ๏ ยามยลต้นงิ้วป่า..........หนาหนาม นึกบาปวาบวับหวาม....................วุ่นแล้ว คงจะปะงิ้วทราม....................สวาดิเมื่อ ม้วยแฮ งิ้วกับพี่หมีแคล้ว..................................คึ่นงิ้วลิ่วสูง ฯ ๙๗ ๏ ถึงบ้านคันชั่งแท้...........เที่ยงตรง เพียงพี่ที่ดำรง..........................รักน้อง เคยคู่ซู่ซื่อตรง.......................สัจคิด สนิทเอย ยามยากจากพวกพ้อง........................พี่ให้ใจหาย ฯ ๙๘ ๏ เหลียวซ้ายฝ่ายฝั่งเฟื้อย........เฟือยไสว พงไผ่ไม้รำไร...................................รอบคุ้ง แลขวาป่าแฝกไฟ....................ฟอนเรียน เกรียนแฮ ลิบลิ่วทิวท้องถุ้ง...................................ถิ่นกว้างวางเวง ฯ ๙๙ ๏ ถึงย่านบ้านกุ่มข้าม.......ตามแหลม วัดเก่าเศร้าโทรมแรม....................รกร้าง ผู้ใดไม่ซ่อมแซม..................สร้างวัด สวัสดิ์เอย เพียงพี่ที่อ้างว้าง.............................ทเวทให้ใจหาย ฯ ๑๐๐ ๏ ลมตกนกว้าว่อน...............ร่อนบิน โฉบฉาบคาบปลากิน.......................กู่ก้อง ค้อนหอยค่อยคุ้ยดิน....................เดินซ่อง มองแฮ ถิบถ่อกรอปีกจ้อง.................................จ่อมน้ำปล้ำปลา ฯ
ภาพ : พลอย เฌอมาลย์
เพลง : สร้อยสนตัด (เดี่ยวขลุ่ย)
Create Date : 02 กรกฎาคม 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2553 21:52:29 น. |
Counter : 2921 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน... (เป็ดสวรรค์ ) 3 กรกฎาคม 2553 23:45:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: panwat 4 กรกฎาคม 2553 22:05:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: panwat 4 กรกฎาคม 2553 22:07:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: PANPISA 13 กรกฎาคม 2553 12:48:13 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
สมุทรสงคราม Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
มากกว่าได้ยิน
"Pacta Sunt Servanda-สัญญาต้องเป็นสัญญา"
|
|
|
|
|
|
|
|
|