Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
4 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

ข้อสอบและธงคำตอบเนติบัณฑิต กลุ่มกฎหมายอาญา ภาคหนึ่ง สมัย ๖๒










ข้อ ๑. นายซิงห์ นายราม เป็นเพื่อนกันโดยสารเครื่องบินสายการบินแอร์อินเดียเพื่อเดินทางจากประเทศอินเดียไปยังประเทศออสเตรเลีย ขณะเครื่องบินจอดรับส่งผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิ พันตำรวจโท เด่น กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่ามีผู้โดยสารลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทยจึงเข้าตรวจค้นในเครื่องบิน พบนายซิงห์มีพิรุธจึงขอตรวจค้นกระเป๋าถือของนายซิงห์พบเฮโรอีนหนึ่งห่อจึงยึดมาถือไว้ ในขณะนั้นนายซิงห์กลัวความผิดจึงล้วงเอายาเสพติด(ยาบ้า)ที่ซ่อนในกางเกงใส่ปากเคี้ยว พันตำรวจโท เด่น จึงล้วงยาเสพติด(ยาบ้า)ออกจากปากนายซิงห์ยึดเป็นของกลาง ในขณะนั้นเองนายรามเกรงว่านายซิงห์จะต้องรับโทษจึงคว้าเอากระเป๋าถือของนายซิงห์จากพันตำรวจโท เด่น และนำเข้าไปในห้องน้ำเครื่องบิน แล้วเอาเฮโรอีนทิ้งลงในโถส้วมและกดน้ำทิ้ง พันตำรวจโท เด่น ควบคุมตัวนายซิงห์ นายรามพร้อม ยาเสพติด (ยาบ้า) ของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุ
ให้วินิจฉัยว่า นายซิงห์และนายราม มีความผิดฐานใด หรือไม่ และต้องรับโทษในราชอาณาจักรหรือไม่


ธงคำตอบ
นายซิงห์เอายาบ้าที่ซ่อนในกางเกงใส่ปากเคี้ยว เป็นการทำลายพยานหลักฐานก่อนที่ พันตำรวจโท เด่น เจ้าพนักงานได้ยึดไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐานจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา ๑๔๒
การที่นายรามคว้าเอากระเป๋าถือของนายซิงห์เข้าไปในห้องน้ำ แล้วเอาเฮโรอีนทิ้งลงในโถส้วมและกดน้ำทิ้ง เป็นการทำลายหลักฐานอันเจ้าพนักงานได้ยึดไว้เพื่อเป็นหลักฐานแล้ว เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๒ และเป็นการกระทำเพื่อช่วยนายซิงห์มิให้ต้องรับโทษโดยทำลายซึ่งพยานหลักฐานใน การกระทำความผิดเป็นความผิดตามมาตรา ๑๘๔ อีกบทหนึ่ง
การกระทำความผิดเกิดขึ้นในเครื่องบินอินเดียขณะที่จอดอยู่ในประเทศไทย เป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย ต้องรับโทษตามกฎหมายไทย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๔ วรรคแรก



ข้อ ๒. นายม่วงคึกคะนองได้ใช้ก้อนหินที่มีขนาดน้ำหนักถึง ๑ กิโลกรัมเศษและครึ่งกิโลกรัมจำนวนหลายก้อนทุ่มจากสะพานข้ามแม่น้ำซึ่งอยู่สูงจากระดับพื้นน้ำประมาณ ๘ เมตร ลงไปยังเรือโดยสารลำหนึ่งซึ่งมีผู้โดยสารอยู่จำนวนมากขณะที่แล่นลอดใต้สะพาน หินก้อนหนึ่งถูกนายฟ้าผู้โดยสารในเรือลำนั้นได้รับอันตรายสาหัส หินอีกก้อนหนึ่งกระเด็นไปถูกนายเขียวผู้โดยสารในเรืออีกลำหนึ่งที่แล่นสวนมาถูกบริเวณตาข้างซ้าย ทำให้นายเขียวตาบอด
ให้วินิจฉัยว่า นายม่วงมีความผิดฐานใด หรือไม่


ธงคำตอบ
การที่นายม่วงใช้ก้อนหินที่มีขนาดน้ำหนักถึง ๑ กิโลกรัมเศษและครึ่งกิโลกรัมจำนวนหลายก้อนทุ่มมาจากที่สูงลงมาในหมู่คนจำนวน มากที่อยู่ในพื้นที่จำกัดเช่นเรือโดยสาร นายม่วงหรือบุคคลผู้อยู่ในฐานะเช่นเดียวกับนายม่วงย่อมเล็งเห็นผลของการ กระทำนั้นได้ว่าก้อนหินอาจจะไปถูกศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกายของ คนในเรือลำนั้นและอาจเป็นผลทำให้ถึงตายได้ ถือว่านายม่วงมีเจตนาฆ่าคนในเรือลำนั้น เมื่อก้อนหินก้อนหนึ่งถูกนายฟ้าผู้โดยสารในเรือลำนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส นายม่วงจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่านายฟ้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ (คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๕๔๘/๒๕๔๔)
เมื่อถือว่านายม่วงมีเจตนาฆ่านายฟ้า การที่ก้อนหินก้อนหนึ่งกระเด็นไปถูกนายเขียวผู้โดยสารในเรืออีกลำหนึ่งจนตาบ อด ก็ต้องถือว่านายม่วงมีเจตนาฆ่านายเขียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ด้วย เพราะเป็นการกระทำโดยพลาด ตามมาตรา ๖๐ นายม่วงจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่านายเขียวด้วยเช่นกัน



ข้อ ๓.นายชัยมีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสองคัน คือหมายเลขทะเบียน กข-๑๑ นนทบุรี และหมายเลขทะเบียน กข-๕๕ นนทบุรี ต่อมารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กข-๕๕ นนทบุรี ครบกำหนดต่อทะเบียนประจำปี นายชัยจึงนำแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๑ คันหมายเลขทะเบียน กข-๑๑ นนทบุรี ซึ่งยังไม่ครบกำหนดเสียภาษีที่เจ้าพนักงานขนส่งจังหวัดนนทบุรีออกให้ มาถ่ายเอกสารเป็นภาพสีให้ปรากฏข้อความที่มีสี ตัวอักษรและขนาดเหมือนตันฉบับที่แท้จริง แล้วนำไปติดที่กระจกหน้ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กข-๕๕ นนทบุรี วันเกิดเหตุนายชัยได้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กข-๕๕ นนทบุรี มาถึงด่านจุดตรวจ ดาบตำรวจ ชาญ เรียกให้หยุดรถและตรวจพบสำเนาแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ที่ได้จากการถ่ายเอกสารดังกล่าวติดที่กระจกหน้ารถยนต์นั้น นอกจากนี้ดาบตำรวจชาญ ยังได้ตรวจพบว่านายชัยมีสำเนาธนบัตรที่นายชัยทำขึ้นหนึ่งฉบับโดยการถ่ายธนบัตรฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท ของจริงลงในกระดาษธรรมดา สีสันในสำเนาธนบัตร
ให้วินิจฉัยว่า นายชัยมีความผิดฐานใด หรือไม่


ธงคำตอบ
นายชัยนำแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ของรถยนต์หมายเลขทะเบียน กข-๑๑ นนทบุรี ซึ่งยังไม่ครบกำหนดเสียภาษีที่เจ้าพนักงานขนส่งออกให้มาถ่ายเอกสารเป็นภาพสี ปรากฏข้อความที่มีสี ตัวอักษรและขนาดเหมือนต้นฉบับที่แท้จริง แล้วนำให้ไปติดที่กระจกหน้ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กข-๕๕ นนทบุรี แม้จะไม่มีกรแก้ไขข้อความใด ๆ แต่ก็มีลักษณะที่ทำให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงเพื่อแสดงว่ารถยนต์ คันหมายเลขทะเบียน กข-๕๕ นนทบุรี เสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๑ แล้ว โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดนนทบุรีหรือ ผู้อื่นได้ การกระทำของนายชัยจึงเป็นการปลอมเอกสารขึ้นทั้งฉบับ หาใช่ว่านายชัยจะต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความให้ผิดแผกแตกต่างไปจากต้นฉบับ เอกสารที่แท้จริงไม่ และแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นในหน้าที่อันเป็นเอกสารราชการตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๘) ดังนั้น การกระทำของนายชัยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕
การที่นายชัยนำเอกสารราชการปลอมดังกล่าวไปติดที่กระจกหน้ารถยนต์ หมายเลขทะเบียน กข-๕๕ นนทบุรี เพื่อให้ผู้พบเห็นหลงเชื่อว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้เสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๑ แล้ว นายชัยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม เนื่องจากนายชัยเป็นผู้ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมจึงต้องรับโทษฐานใช้ เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ วรรคหนึ่ง แต่กระทงเดียวตามมาตรา ๒๖๘ วรรคสอง (คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๔๖๓/๒๕๔๘)
แม้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๙ จะมิได้บัญญัติไว้ด้วยว่าการทำธนบัตรให้มีลักษณะและขนาดคล้ายคลึงกับเงินตรา ต้องกระทำเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นธนที่แท้จริง แต่คำว่าคล้ายคลึงแสดงว่าเกือบเหมือนหรือไม่ต้องเหมือนทีเดียว เพียงแต่มีลักษณะสีสันรูปร่างและขนาดคล้ายเงินตราที่แท้จริงก็เป็นความผิด ตามมาตรานี้ แต่สำเนาธนบัตรที่นายชัยทำขึ้นเกิดจากกรถ่ายธนบัตรฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท ของจริงลงในกระดาษธรรมดา สีสันในส่วนสำเนาธนบัตรเป็นสีขาวดำ มิได้มีสีสันเหมือนธนบัตรฉบับจริง แม้ว่าขนาดของกระดาษจะเท่าของจริง เมื่อวิญญูชนทั่วไปดูแล้ว ย่อมทราบได้ทันทีว่าไม่ใช่ธนบัตรที่แท้จริง กรณีจึงถือไม่ได้ว่านายชัยทำทำบัตรให้มีลักษณะและขนาดคล้ายคลึงเงินตรา จึงไม่มีความผิดตามมาตรา ๒๔๙ (ตำพิพากษาฎีกาที่ ๒๘๒๘/๒๕๕๑)



ข้อ ๔. นายเขียว นายม่วง และนายเหลืองไม่ชอบหน้านายฟ้า ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังยืนคุยกันอยู่ นายฟ้าเดินผ่านมาพอดี ทั้งสามคนจึงร่วมกันแกล้งนายฟ้า โดยนายเหลืองมอบปืนให้แก่นายเขียว นายเขียวใช้ปืนกระบอกนั้นยิงลงไปที่พื้นดิน ๑ นัด ในขณะที่นายฟ้ากำลังเดินมาหานายเขียวและอยู่ห่างนายเขียวประมาณ ๒ วา ขณะที่นายเขียวยิงปืน นายม่วงทำหน้าที่ยืนบังอยู่ใกล้ๆ ไม่ให้บุคคลอื่นเห็นการกระทำของนายเขียว ส่วนนายเหลืองไปดูลาดเลาอยู่ห่างจากจุดที่นายเขียวยิงประมาณ ๑๒๐ เมตร โดยจุดนั้นไม่สามารถมองเห็นการยิงปืนได้ ปรากฏว่ากระสุนปืนที่นายเขียวยิงไปที่พื้นดินดังกล่าวถูกนายฟ้าได้รับอันตรายแก่กาย นายเขียวตกใจที่เหตุการณ์เป็นเช่นนั้นและสำนึกผิดด้วยการพานายฟ้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนนายฟ้าปลอดภัย
ให้วินิจฉัยว่า นายเขียว นายม่วง และนายเหลืองมีความผิดฐานใด หรือไม่


ธงคำตอบ
การที่นายเขียวใช้ปืนยิงลงไปที่พื้นชื้น ๑ นัด ในขณะที่นายฟ้ากำลังเดินมาหานายเขียวและอยู่ห่างจากนายเขียวประมาณ ๒ วา นายเขียวย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกนายฟ้าได้ เมื่อกระสุนปืนถูกนายฟ้าได้รับอันตรายแก่กาย ถือว่านายเขียงมีเจตนาทำร้ายร่างกายนายฟ้า นายเขียวจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายฟ้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕ (คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๓๔/๒๕๒๙)
นายม่วงทำหน้าที่ยืนบังอยู่ใกล้ ๆ ไม่ให้บุคคลอื่นเห็นการกระทำของนายเขียวเป็นการร่วมกระทำความผิดโดยการแบ่ง หน้าที่กันทำ จึงเป็นตัวการร่วมกันในการทำร้ายร่างกายนายฟ้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ประกอบมาตรา ๘๓ (คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๒๓/๒๕๓๕)
นายเหลืองอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุถึง ๑๒๐ เมตร และจุดนั้นไม่สามารถมองเห็นที่เกิดเหตุได้ จึงไม่ใช่การกระทำร่วมกันในขณะกระทำความผิด นายเหลืองจึงไม่เป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ในความผิดตามมาตรา ๒๙๕ แต่นายเหลืองเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา ๘๖ เพราะช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อนการกระทำความผิดของนายเขียวด้วยการมอบ ปืนให้แก่นายเขียว และนายเขียวใช้ปืนกระบอกนั้นยิงลงไปในพื้นดิน
การที่นายเขียวสำนึกผิดพานายฟ้าไปรักษาพยาบาลจนปลอดภัยไม่ใช่การกลับใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๒ เพราะจะเป็นการกลับใจได้ การกระทำของนายเขียวต้องอยู่ในขั้นพยายามกระทำความผิด และนายเขียวกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทำบรรลุผล เมื่อการกระทำของนายเขียวบรรลุผลเป็นความผิดสำเร็จฐานทำร้ายร่างกายนายฟ้า แล้ว กรณีจึงไม่ใช่การกลับใจตามมาตรา ๘๒ แต่อย่างใด



ข้อ ๕. นางสาวระย้าตั้งครรภ์โดยฝ่ายชายไม่ยอมรับเลี้ยงดู จึงให้นายแพทย์องอาจทำแท้งให้ ปรากฏว่าการทำแท้งไม่สำเร็จเพราะบุตรของนางสาวระย้าคลอดออกมายังมีชีวิตอยู่ แต่นางสาวระย้าได้รับอาการป่วยเจ็บทำงานตามปกติไม่ได้เลยเป็นเวลา ๓๐ วัน นายกล้าหาญน้องชายของนายแพทย์องอาจทราบว่า ขณะที่นายแพทย์องอาจทำแท้งอยู่นั้นมีนายสอดแอบเห็นเหตุการณ์ เกรงว่าเจ้าพนักงานตำรวจจะจับกุมพี่ชายของตน จึงไปดักซุ่มยิงนายสอดที่ศีรษะเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของนายแพทย์องอาจ แต่กระสุนปืนไปถูกตาของนายสอดบอด
ให้วินิจฉัยว่า นางสาวระย้า นายแพทย์องอาจและนายกล้าหาญ มีความผิดฐานใด หรือไม่


ธงคำตอบ
นางสาวระย้ายินยอมให้นายแพทย์องอาจทำแท้ง เมื่อเด็กคลอดออกมามีชีวิตอยู่ นางสาวระย้าจึงมีความผิดฐานพยายามทำแท้งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๑ ประกอบมาตรา ๘๐ แต่นางสาวระย้าไม่ต้องรับโทษตามมาตรา ๓๐๔ สำหรับนายแพทย์องอาจทำแท้งโดยได้รับความยินยอมจากนางสาวระย้าเป็นเหตุให้นาย สาวระย้าป่วยเจ็บทำงานตามปกติไม่ได้เกินกว่า ๒๐ วัน เป็นการได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา ๒๙๗ (๓) นายแพทย์องอาจจึงมีความผิดฐานพยายามทำให้หญิงแท้งลูกตามมาตรา ๓๐๒ วรรคสอง แต่ไม่ได้รับการยกเว้นโทษตามมาตรา ๓๐๔ เพราะมาตราดังกล่าวจะยกเว้นโทษแต่เฉพาะการพยายามกระทำความผิดตามมาตรา ๓๐๒ วรรคแรก เท่านั้น
ส่วนนายกล้าหาญใช้อาวุธปืนยิงไปที่ศีรษะนายสอดแสดงว่ามีเจตนาฆ่า และไปดักซุ่มยิงจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๙ (๔) แต่ไม่เป็นการฆ่าเพื่อปกปิดการกระทำความผิด ตามมาตรา ๒๘๙ (๗) เพราะมาตราดังกล่าวบัญญัติว่าจะต้องเป็นการปกปิดการกระทำความผิดของตนมิใช่ ของผู้อื่น เมื่อนายสอดไม่ถึงแก่ความตายเพียงตาบอด นายกล้าจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา ๒๘๙ (๔) ประกอบมาตรา ๘๐





ข้อ ๖. นายดำและนางเอมอรเป็นคู่สามีภรรยาที่มีฐานะร่ำรวย นางเอมอรไปเที่ยวกลางคืนกับร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ เกือบทุกคืน นายดำเตือนทั้งคู่ให้เลิกปฏิบัติในลักษณะดังกล่าว แต่ทั้งคู่ก็ยังปฏิบัติเหมือนเดิม ในที่สุดนายดำและนางเอมอรก็หย่าขาดจากกัน นายดำทำหนังสือร้องทุกข์ถึงพันตำรวจเอกสุนัย ผู้บังคับบัญชาของร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ ว่าร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ เป็นข้าราชการที่เลวทราม ไม่มีศักดิ์ศรี เป็นคนไม่มีศีลธรรม เป็นชู้กับภรรยาของตนเพราะมีความโลภ ขอให้ดำเนินการสอบสวนวินัยร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ได้เห็นคำร้องทุกข์ดังกล่าว จึงนำเอาข้อความตามหนังสือไปฟ้องนายดำเป็นคดีหมิ่นประมาท นายดำให้การปฏิเสธและยื่นคำร้องประกอบว่า ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ มีพฤติกรรมตามที่ตนได้ร้องทุกข์จริง และมีสาเหตุสำคัญที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะได้รับการเสี้ยมสอนจากนางแอ๋ว ผู้เป็นมารดาที่ชอบให้บุตรชายหาเงินจากผู้หญิงที่มีฐานะร่ำรวยโดยไม่คำนึงถึงว่าจะผิดศีลธรรมหรือไม่
ให้วินิจฉัยว่า นายดำมีความผิดฐานใดต่อร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ และนางแอ๋วหรือไม่


ธงคำตอบ
ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ มีความสัมพันธ์กับนางเอมอรภรรยาของนายดำเกินกว่าปกติธรรมดา นายดำเตือนแล้วไม่เชื่อจนเป็นเหตุให้นายดำกับนางเอมอรต้องหย่าขาดจากกัน ดังนั้นการที่นายดำทำหนังสือร้องทุกข์ถึงพันตำรวจเอกสุนัย ผู้บังคับบัญชาของร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ เพื่อให้ดำเนินการทางวินัยแก่ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ จึงเป็นกรแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งความประพฤติอันไม่สมควรปฏิบัติของร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ อันเป็นวิสัยที่นายดำชอบที่จะทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ (๓) นายดำไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๘๑๕/๒๕๔๖)
การที่นายดำถูกร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ฟ้องเป็นคดีในศาล และยื่นคำร้องประกอบคำให้การว่าร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ มีความประพฤติไม่ดีเพราะได้รับการเสี้ยมสอนจากนางแอ๋วซึ่งผู้เป็นมารดา เป็นการกระทำในฐานะที่นายดำเป็นคู่ความในคดี แม้จะมีถ้อยคำกล่าวพาดพิงถึงนางแอ๋วซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีอันมีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาท แต่ก็เป็นข้อความที่นายดำยื่นต่อศาลเพื่อแสดงความคิดเห็นหรือข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของตนในฐานะจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๑ นายดำย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทนางแอ๋ว (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๙๖๓/๒๕๒๙)





ข้อ ๗. บริษัทช่างไทย จำกัด เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะในประเทศไทย ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างและธุรกิจค้าอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในปี ๒๕๕๑ บริษัทช่างไทย จำกัด ได้รับเงินค่าจ้างรับเหมาตามสัญญาก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าในประเทศบราซิลซึ่งไม่มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย เป็นเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท และยังมีเงินได้จากการประกอบธุรกิจค้าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศดังกล่าวอีกเป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท
ให้วินิจฉัยว่า บริษัทช่างไทย จำกัด จะต้องนำเงินที่ได้รับจากการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า และจากการประกอบธุรกิจค้าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศบราซิลมาเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล


ธงคำตอบ
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย จะต้องเสียภาษีเงินได้ตามหลักถิ่นที่อยู่ โดยจะต้องนำเงินได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการในประเทศไทยและจากแหล่งนอก ประเทศ มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ให้แก่ประเทศไทย บริษัทช่างไทย จำกัด จึงต้องนำเงินได้จากการรับเหมาก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท และเงินได้จากการประกอบธุรกิจค้าอสังหาริมทรัพย์ จำนวน ๕๐๐ ล้านบาท ในประเทศบราซิลมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ประเทศไทยด้วย
การรับเหมาก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า แม้จะเป็นกิจการให้บริการตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๗๗/๑ (๑๐) ก็ตาม แต่การให้บริการดังกล่าวต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มก็ต่อเมื่อเป็นการให้บริการ ในราชอาณาจักรตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๗๗/๒ วรรคหนึ่ง เมื่อการรับเหมาก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้ามิได้กระทำในราชอาณาจักร บริษัทช่างไทย จำกัด จึงไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย
การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรที่อยู่ในบังคับต้องเสีย ภาษีธุรกิจเฉพาะ จะต้องเป็นการประกอบกิจการในราชอาณาจักรตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๙๑/๒(๖) เมื่อการค้าอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวมิได้กระทำในราชอาณาจักร บริษัทช่างไทย จำกัด จึงไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในประเทศไทย





ข้อ ๘.เดิมบริษัทสีม่วง จำกัด ประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกำหนดเวลาทำงานปกติของลูกจ้างฝ่ายผลิตเป็น ๒ ช่วง ช่วงที่หนึ่งเวลา ๐๗.๐๐ – ๑๖.๐๐ นาฬิกา และช่วงที่สองเวลา ๑๖.๐๐ – ๐๑.๐๐ นาฬิกา ต่อมาปี ๒๕๔๖ มีการขยายพื้นที่การผลิต บริษัทสีม่วง จำกัด จึงประกาศยุบการทำงานช่วงที่สอง ให้ลูกจ้างทำงานเฉพาะช่วงที่หนึ่ง ลูกจ้างทุกคนยินยอมปฏิบัติตาม ครั้นต้นปี ๒๕๕๒ บริษัทสีม่วง จำกัด ก็ประกาศกำหนดเพิ่มการทำงานช่วงที่สองและสั่งให้ลูกจ้างสลับกันทำงาน ทั้งในช่วงที่หนึ่งและช่วงที่สอง ลูกจ้างจำนวนหนึ่งไม่ยินยอมทำงานช่วงที่สอง บริษัทสีม่วง จำกัด จึงสั่งลงโทษลูกจ้างดังกล่าวด้วยการพักงานและไม่จ่ายค่าจ้างให้
ให้วินิจฉัยว่า กรณีที่บริษัทสีม่วง จำกัด ประกาศยุบการทำงานช่วงที่สอง กรณีที่ประกาศกำหนดเพิ่มการทำงานช่วงที่สอง และกรณีที่สั่งลงโทษลูกจ้างในแต่ละกรณีดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่


ธงคำตอบ
การที่บริษัทสีม่วงจำกัด ประกาศให้ลูกจ้างในฝ่ายผลิตซึ่งเดิมมีการทำงานเป็น ๒ ช่วง ช่วงที่หนึ่งเวลา ๗.๐๐ - ๑๔.๐๐ นาฬิกา และช่วงเวลา ๑๖.๐๐ – ๐๑.๐๐ นาฬิกา โดยยุบการทำงานช่วงที่สองให้ลูกจ้างทำงานเฉพาะช่วงที่หนึ่งโดยลูกจ้างยินยอม นั้น นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเวลาทำงานที่เป็นคุณแก่ลูกจ้าง จึงกระทำได้โดยชอบ ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๒๐ แต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่บริษัทสีม่วง จำกัด ประกาศกำหนดเพิ่มการทำงานช่วงที่สองและสั่งให้ลูกจ้างสลับกันทำงานทั้งช่วง ที่หนึ่งและช่วงที่สองนั้น ทำให้ลูกจ้างต้องรับภาระที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงเวลาทำงาน จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ขัดหรือแย้งกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้าง ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๒๐ ดังนั้น ในกรณีที่บริษัทสีม่วง จำกัด สั่งให้ลูกจ้างสลับไปทำงานในช่วงที่สองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างและสั่งลงโทษลูกจ้างที่ไม่ยอมไปทำงานในช่วงเวลาดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย(เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๐๑๗/๒๕๕๐)





ข้อ ๙. พนักงานอัยการฟ้องนายเก่งและนายกล้า ผู้ดำเนินรายการสถานีวิทยุชุมชนแห่งหนึ่งต่อศาลชั้นต้นกล่าวหาว่าร่วมกันโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๓๒ วรรคหนึ่ง ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๔๓ นายเก่งและนายกล้าให้การปฏิเสธ ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ นายเก่งยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งข้อโต้แย้งของตนไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพราะการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ องค์ประชุมขณะลงมติในวาระที่ ๑ ไม่ครบตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ กฎหมายฉบับนี้จึงไม่มีผลใช้บังคับ ส่วนนายกล้ายื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งข้อโต้แย้งของตนไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๓๒ วรรคสาม ที่ว่า บทบัญญัติในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการโฆษณาที่มีต้นกำเนิดนอกราชอาณาจักร ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๓๐ วรรคสาม ที่ห้ามเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ
ให้วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นต้องส่งคำร้องของนายเก่งและนายกล้าไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยหรือไม่


ธงคำตอบ
การส่งข้อโต้แย้งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๑๑ คู่ความในคดีขอให้ส่งไปได้เฉพาะในประเด็นว่าบทบัญญัติหรือเนื้อความของกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีนั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่กรณีตามคำร้องเป็นการโต้แย้งกระบวนการตรากฎหมายว่าไม่ถูกต้อง ตามมาตรา ๑๕๔ ซึ่งบทบัญญัติมาตรา ๑๕๔ มิได้ให้สิทธินายเก่งหยิบยกเป็นประเด็นโต้แย้งต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ศาลชั้นต้นจึงไม่จำต้องส่งข้อโต้แย้งของนายเก่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ พิจารณาวินิจฉัย(เทียบคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๖-๗/๒๕๕๑)
บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่คู่ความในคดีจะขอให้ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ พิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา ๒๑๑ ต้องเป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดี คดีนี้มีประเด็นต้องวินิจฉัยเพียงว่า นายเก่งและนายกล้ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๓๒ วรรคหนึ่ง หรือไม่ ไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับมาตรา ๓๒ วรรคสาม บทบัญญัติดังกล่าวจึงมิใช่บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีนี้ ศาลชั้นต้นจึงไม่จำต้องส่งข้อโต้แย้งของนายกล้าไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ พิจารณาวินิจฉัย(เทียบคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญที่ ๒๘/๒๕๔๖)





ข้อ ๑๐. บริษัท โทรคานาคมเอส จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่มหาชนที่แปรสภาพจากรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติมาเป็นที่รัฐถือหุ้นทั้งหมด โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๔๒ มีวัตถุประสงค์ในการให้บริการเกี่ยวกับกิจการโทรคมนาคม บริษัท โทรคมนาคมเอส จำกัด (มหาชน) โดยนายมั่น กรรมการผู้จัดการได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัท เคไทย จำกัด ก่อสร้างพื้นคอนกรีตเพื่อติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์ของสถานีทวนสัญญาณ ๖ สถาน ต่อมา บริษัทโทรคมนาคมเอส จำกัด (มหาชน) ได้บอกเลิกสัญญาว่าจ้างดังกล่าว และเรียกเบี้ยปรับจากบริษัท เคไทย จำกัด เพราะส่งมอบงานไม่ตรงตามกำหนดในสัญญา บริษัท เคไทย จำกัด อ้างว่าบริษัทโทรคมนาคมเอส จำกัด (มหาชน) ไม่ส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างตามกำหนดทำให้ก่อสร้างล่าช้า และได้มีการขอขยายระยะเวลาก่อสร้างแล้วเนื่องจากติดฤดูฝน บริษัท โทรคมนาคมเอส จำกัด (มหาชน) เป็นฝ่ายผิดสัญญาและทำให้บริษัท เคไทย ได้รับความเสียหาย จึงต้องการฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท
ให้วินิจฉัยว่า บริษัท เคไทย จำกัด จะต้องฟ้องบริษัท โทรคมนาคมเอส จำกัด (มหาชน) ที่ศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง


ธงคำตอบ
กรณีตามปัญหามีประเด็นต้องพิจารณาว่า สัญญาระหว่างบริษัท โทรคมนาคมเอส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เคไทย จำกัด เป็นสัญญาทางปกครองหรือไม่
แม้โดยผลของกฎหมายทำให้บริษัท โทรคมนาคมเอส จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทมหาชน แต่ก็ยังมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีอำนาจหน้าที่ให้บริการเกี่ยวกับกิจการ โทรคมนาคม ซึ่งเป็นบริการสาธารณะอย่างหนึ่ง บริษัท โทรคมนาคมเอส จำกัด (มหาชน) จึงเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองหรือดำเนินกิจการทาง ปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อสัญญาก่อสร้างพื้นคอนกรีตเพื่อติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์ มีวัตถุประสงค์เพื่ดให้ได้งานก่อนสร้างที่จำเป็นสำหรับติดตั้งตู้ คอนเทนเนอร์ของสถานีทวนสัญญาณซึ่งเป็นเครื่องมิอสำคัญในการดำเนินบริการ สาธารณะด้านโทรคมนาคมของรัฐ สัญญาจ้างก่อสร้างพื้นคอนกรีตจึงมีลักษณะเป็นสัญญาทางปกครอง เมื่อคดีนี้เป็นกรณีพิพาทอันเนื่องมาจากการเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายตาม สัญญาทางปกครอง จึงอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ (คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๓๗/๒๕๕๐)






ข้อมูล : //www.thaijustice.com
เพลง : ทานตะวัน (บรรเลง)





 

Create Date : 04 ตุลาคม 2552
12 comments
Last Update : 4 ตุลาคม 2552 22:23:32 น.
Counter : 5251 Pageviews.

 

วันนี้ไปปฏิบัติธรรมมาค่ะ
เอาบุญมาฝากนะคะ คุณพู

ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

ปล.รออ่านกฎหมายแพ่งต่อนะคะ

 

โดย: พ่อระนาด 4 ตุลาคม 2552 23:49:08 น.  

 

สวัสดีค่ะพูขา

พี่แวะมาส่งความคิดถึงให้พูนะคะ
ดีใจที่พูสอบเสร็จจะได้มีเวลาพัก
พี่กับสาวน้อยคิดถึงพูเช่นกันค่ะ

พูมีความสุขกับวันเวลาดีๆเช่นกันนะคะ
พูดูแลสุขภาพด้วยนะคะ..ฝนตกบ่อยๆ

 

โดย: พี่ธัญค่ะ.... IP: 125.25.18.21 5 ตุลาคม 2552 10:45:59 น.  

 

สวัสดีจ้ะ พะพู...

สอบเสร็จแล้ว ก็โล่ไปอีกหนึ่งเปลาะ...นะคะ

มี้ว่า พะพู ต้องสอบได้...น๊า

ส่งหนังสือให้พะพูตั้งแต่วันศุกร์แล้ว..นะคะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: พรหมญาณี 5 ตุลาคม 2552 12:36:33 น.  

 

เวียนหัวก๊ากๆๆๆๆ

เก่งๆๆๆ

 

โดย: พลังชีวิต 5 ตุลาคม 2552 20:17:12 น.  

 

ขอบคุณที่แวะเวียนไปเยี่ยมอัลเสมอ ๆ นะคะ

ตั้งใจอ่านนะคะ ขอให้สำเร็จดั่งที่หวังและ
ตั้งใจไว้ค่ะ ..ยิ้มกว้าง..


glitter-graphics.com

 

โดย: ปลิวตามลม 5 ตุลาคม 2552 23:19:54 น.  

 



น้องพูครับ

พี่มาส่งความคิดถึงพร้อมกำลังใจให้ครับ น้องสาวคนดี

รอฟังผลด้วยคนนะครับ

 

โดย: พี่วุฒิ IP: 222.123.185.215 6 ตุลาคม 2552 7:26:02 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องพู





 

โดย: กะว่าก๋า 6 ตุลาคม 2552 8:08:55 น.  

 

แถวนี้คงไม่มีนักเลงนะครับ

วันนี้อัพบล็อกด้วยกลอนอีกบทครับ

เสนอตอน...

"นักเลงกลอน"

 

โดย: ลุงแว่น 6 ตุลาคม 2552 12:51:12 น.  

 

ข้อปาหินนะเราตอบว่าเจตนาแค่ทำร้ายไม่ใช่เจตนาฆ่า เราเซ็งเป็ดเลย

 

โดย: tb killer IP: 125.27.149.191 6 ตุลาคม 2552 20:13:22 น.  

 

สวัสดีครับ น้องพู
มาฟังเพลงได้บรรยากาศมากเลยนะครับ

เดี๋ยววันหลัง มาขออนุญาตก็อปลิงไปฟังด้วยนะครับ

วันนี้ม่ายไหว
ชอบรูปเปลวไฟมาเลยครับ น้องพู

แวะมาส่งน้องพู เข้านอนนะครับ
หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ

 

โดย: หมึกสีดำ 6 ตุลาคม 2552 22:27:21 น.  

 



 

โดย: หมึกสีดำ 7 ตุลาคม 2552 9:13:40 น.  

 

เท่าที่ดูคำเฉลยอาญาสมัยที่62ภาค1 คาดว่าน่าจะสอบผ่าน ครับ(คนมีความหวัง)

 

โดย: คนเจียงใหม่ IP: 114.128.11.198 16 ตุลาคม 2552 16:40:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พธู
Location :
สมุทรสงคราม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]











มากกว่าได้ยิน



สัมผัสรักจากนี้................................อยู่เสมอ
แม้นห่างไกลจากเธอ........................สุดหล้า
ทุกคืนค่ำละเมอ...............................ใครห่วง
มากกว่ากว้างขอบฟ้า..............โสตได้ยินเสียง

นับเม็ดทรายเกลื่อนพื้น....................รายเรียง
น้อยกว่าคิดถึงเคียง..............................จิตนี้
โครมครืนคลื่นสั่งเสียง.......................ซัดสาด
คล้ายดั่งใครบ่งชี้...................อยากใกล้ชิดกัน

แม้นนับดาวหมดฟ้า...........................รวมกัน
ความห่วงใยจากฉัน.........................กว่าแล้ว
ฟ้ากว้างต่างไกลกัน....................มิห่าง ใจเนอ
เหมือนกอดจากดวงแก้ว..........อุ่นนี้หนาวคลาย

ถ้วนคำนึงน้อมสู่............................เพียงใคร
รอแต่ร่วมสายใย..........................สวาดิพ้อง
ซาบซึ้งกับความนัย...................ตรึงอก นี้เนอ
นานตราบนานจิตน้อง...............ฝากไว้ร่วมฝัน






"Pacta Sunt Servanda-สัญญาต้องเป็นสัญญา"







Friends' blogs
[Add พธู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.