บทที่ 9 นางมารร้าย
ฉันกลับเข้าบริษัทตอนเข็มนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสอง แล้ว(ยังมีหน้า)แวะเติมแป้งในห้องน้ำตอนที่กำลังหรี่ตาดูว่าขนตาเรียงเสมอกันดีหรือเปล่า มีเสียงคุยกันมาตามทางเดินอย่างออกรส
สงสารแอนนี่นะแก
เออ นั่นสิ ทำไมถึงหล่อนถึงได้เป็นคนแบบนี้นะเท่าที่ฉันรู้มาหล่อนมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ
มีๆ ฉันเคยเห็นมารับออกบ่อย หล่อมากกก แล้วดูสิมาควงพี่ธัญญ์....
ประโยคของอีกคนค้างอยู่กลางอากาศ เมื่อเลี้ยวเข้าห้องน้ำแล้วเห็นฉันยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่สองสาวรีบแยกกันเข้าห้องน้ำปิดประตูปังอย่างว่องไว เหมือนเกิดท้องเสียพร้อมกันขึ้นมากะทันหัน เหลือฉันยืนอึ้งอยู่หน้ากระจกคนเดียว
ฉันยักไหล่ แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็แค่แอบชอบได้เป็นแฟนกันเสียหน่อยจะมาว่าฉันแย่งได้ยังไงกัน ฉันกลับมาที่โต๊ะทำงาน แอนนี่นั่งทำงาน คอแข็ง ด้วยขนาดคอทำให้ฉันนึกถึงหลักกิโลขึ้นมาทัน เอาละ ฉันก็สังเกตนะ ว่าเจ้าหล่อนแต่งตัวสวยขึ้นและเขินเว่อร์ทุกครั้งที่เห็นพี่ธัญญ์ แต่นี่ฉันช่วยเธอหรอกนะ คิดดูสิ ถ้าพี่ธัญญ์หน้ามืดตามัวมคบหล่อนจริงๆ จะทำยังไง ใครๆเค้าก็จะนินทาว่าร้ายเอาได้ ใช่ไหมล่ะ ฉันหันไปพยายามสบตาแอนนี่ แต่เจ้าหล่อนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่เบือนหน้ามาทางฉันเลย
แอนนี่ ฉันลองเรียกแอนนี่ทำเป็นไม่ได้ยิน อ่านเอกสารตรงหน้าเหมือนมันมีความสำคัญต่อชีวิตมาก
แอนนนนน ฉันลากเสียงคราวนี้ แอนนี่ทำเสียง หือ เบาๆในลำคอเหมือนหมีคำราม ทำไมโกรธเหรอที่ฉันไปกินข้าวกับพี่ธัญญ์ โกรธหรือว่าแค่อิจฉา
ถามกันตรงๆแบบนี้แหละ จริงๆฉันแค่อยากจะเย้าเล่นเอง แต่แอนนี่คงไม่รู้สึกว่ามันตลก
ฉันไม่โกรธ แต่สงสัยแอนนี่หันขวับมาอย่างรวดเร็ว เล่นเอาเนื้อที่คางสั่นกระเพื่อม แต่ฉันไม่เข้าใจ เธอมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอมุ่ย
ฉันเลิกแล้ว ฉันยักไหล่ ตอบไม่ต้องคิด
แล้วทันทีที่เลิก เธอก็เกิดตกหลุมรักพี่ธัญญ์หรือไง คราวนี้แอนนี่เริ่มเสียงดัง ก่อนจะลดเสียงลงเมื่อรู้ตัว อยู่มาตั้งนาน ไม่เห็นเธอเคยมองเค้า
ก็ เพิ่งรู้ว่ารวย
แถมฉันเพิ่งรู้ว่าท้องอีกต่างหาก แต่จะตอบไปได้ไงล่ะ วุ้ย หล่อนไม่ได้ท้องเสียหน่อย
ให้ฉันก่อนไม่ได้หรือไง ก็ ฉัน ก็ ชอบๆเค้ามานานแล้ว
ต้องบอกเธอด้วยเหรอ
ใช่ เธอไม่เคยบอกฉันว่าชอบ พี่ธัญญ์ แต่ แอนนี่ยิ่งลดเสียงลง เธอก็รู้ดีเสมอว่าฉันชอบพี่ธัญญ์
อุยย
คำสุดท้ายเล่นเอาฉันรู้สึกเสียใจเป็นหนแรกในรอบปี ใช่ฉันรู้ คุณเมษรู้ คนแผนกข้างๆรู้ ฉันเดาว่าแม้แต่แม่บ้านตึกข้างๆก็รู้ว่าแอนนี่ชอบพี่ธัญญ์แบบหลบๆซ่อนๆมานานละ เห็นจะมีแต่พี่ธัญญ์คนเดียวแหละที่ไม่รู้ ฉันรู้สึกผิด จนเกือบจะล้มเลิกแผนจีบพี่ธัญญ์เสียแล้ว
แต่ฉันไม่ยอมแพ้เธอหรอก
แอนนี่จ้องหน้าฉัน แล้วก็ต้องขอบคุณนะที่ทำให้ฉันฮึดมากขึ้น ฉันจะไม่แอบๆซ่อนๆ อีกแล้ว คอยดูนะ มุ่ย เธอก็มีดีแค่สวยเท่านั้นแหละ แล้วก็ใช่ว่าฉันจะสวยบ้างไม่ได้ พูดจบ แอนนี่ก็สะบัดหน้า กลับไปสนใจงานต่อ
ฮึ่มๆๆๆ ได้เลย ได้เลย
แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ฉันแทบจะซอยเท้าด้วยความขัดใจ แต่กลัวลูกในท้องจะเวียนหัว
แล้วจะได้เห็นกันๆๆ
ฉันสงบสติอารมณ์และพยายามตั้งใจตรวจดูงานตรงหน้า
แต่ใจก็ยังลอยฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ เค้าว่า พอเราเป็นแม่ เราจะมีความสุข รู้สึกอุ่นใจอะไรแบบนั้น แต่บอกตามตรงฉันยังไม่รู้สึกอะไรเลย แอบเหลือบมองหน้าท้องนิดนึง มันก็ยังไม่เห็นจะนูนออกมาเลยนะ ฉันเอง ก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ ปลาบปลื้มน้ำตาอะไร มือไม้สั่น ตอนนี้ฉันคิดแค่ว่า
เอายังไงให้ตัวเองรอดไปได้ก่อนเป็นพอ คนดูดีแบบฉัน จะมาท้องไม่มีพ่อได้ยังไง คิดแล้วมือไม้เย็นขึ้นมาทันที นึกถึงพี่ทะเลแล้วก็สุดแสนจะแค้นใจ ขอเวลาคิดก่อน ใช่สิ
ตัวเองไม่ได้ท้องนี่
เวลาผ่านไปโดยที่ฉันไม่อาจจะทำใจให้จดจ่อกับงานได้เลย จนห้าโมงเย็น ฉันก็วาดแผนการร้ายขึ้นมาในใจ ให้พี่ธัญญ์ไปส่งดีกว่า ฉันรีบควักกระจกออกมาสำรวจความสวย จริงๆไม่จำเป็นแฮะ ยังไงก็สวยอยู่ดี ฉันรีบลุกพรึ่บ เก็บของรวบไว้ เตรียมคว้ากระเป๋า หันมาที่โต๊ะแอนนี่ ก็เห็นว่างเปล่า เหลือแต่เก้าอี้ ฉันยักไหล่แล้วรีบเดินไปแผนกดิสเพลย์ เจอพี่ซิมที่หน้าแผนกพอดี
ช้าไปแล้วย่ะหล่อน
หือ อะไรช้าพี่
ฉันยังไม่เข้าใจ แต่พอมองข้ามไหล่พี่ซิมไป ก็เห็นทางม้าลาย เอ๊ย ยายแอนนี่ยืนอยู่หน้าโต๊ะพี่ธัญญ์ บังโต๊ะและพี่ธัญญ์เสียจนมิด ต๊ายตาย เดี๋ยวนี้ถึงกับชิงตัดหน้าฉันเลยเหรอ ฉันเปลี่ยนมุม เอาพี่ซิมบัง เห็นยายแอนนี่ พูดเบาๆกับพี่ธัญญ์ด้วยใบหน้าแดงฉาน เหมือนสาวน้อยวัยแรกผลิ
เอาไงดีจ๊ะ แม่คุณ
ตอนนี้ที่แผนกฉันเริ่มพนันกันแล้วนะ ว่าใครจะได้ตัวพี่ธัญญ์ไป หน้าทุเรียนก็แบบนี้
แมงวันบินกันว่อน
โอ๊ย โมโหจัง ฉันเนี่ยนะ สวยเลิศเลอ
ต้องมาแย่งผู้ชายกับผู้หญิงที่มีขนาดตัวเท่ากับถังเก็บน้ำ โอ๊ย คิดแล้วอยากจะสะบัดหน้าหนีไม่ว่าอย่างไหนก็เสียศักดิ์ศรีพอกัน ระหว่างโทรไปง้อพี่ทะเลกับเปิดศึกชิงนายกับยายแอนนี่
และที่แย่กว่าคือปล่อยให้พุงยื่นออกมาโดยยังไม่ได้แต่งงานพี่ซิมต่อความคิดฉันแบบรู้ใจ นี่ ติดรถกลับด้วยคนสิมุ่ย วันนี้ปล่อยยายแอนนี่ไปก่อนละกัน พร้อมสรุปให้ฉันเสร็จสรรพ
ฉันเลยจำใจเดินไปกับพี่ซิม ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของหลายๆคน ฉันทำเป็นพูดกับพี่ซิมว่า
ป่ะ พี่ซิม มุ่ยมารับกลับบ้านพร้อมกัน เสียทองเท่าชะลอมแต่ไม่ยอมเสียฟอร์มให้ใครหรอกนะยะ
แล้วแกนึกสนุกยังไง
ถึงลุกขึ้นมาจีบหัวหน้าชั้นเนีย ลืมไปแล้วหรือไงว่าท้อง ท้องนะ ไม่ได้เป็นสิว ที่ไม่กี่วันก็หายน่ะ อย่าบอกนะว่าทำประชดทะเล
มุ่ยไม่ได้ทำประชดพี่ทะเล แต่มุ่ยไม่เอาพี่ทะเลแล้ว มุ่ยไม่ใช่คนประเภทที่จะไปถามผู้ชายที่ บังอาจ ฉันเน้นเสียงแล้วพยายามหักห้ามความแค้นใจที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกหน บังอาจจริงๆ ที่นอกใจฉันไปกับคนอื่น บังอาจนอกใจมุ่ย ฉันเค้นคำออกมาจนได้ มุ่ยไม่ถามว่าพี่ทะเลจะเลือกใคร หรืออ้อนวอนให้พี่ทะเลรับผิดชอบมุ่ยหรอก มุ่ยดูแลตัวเองได้
แกแน่ใจนะ คนฟอร์มจัดอย่างแก
จะอุ้มท้องมาทำงาน โดยไม่มีพ่อเหรอ
ก็มุ่ยหาพ่อให้ลูกอยู่นี่ไง
พี่ธัญญ์น่ะนะ ทำไมต้องพี่ธัญญ์ ถามหน่อย เมื่อก่อนเห็นมองเค้าเป็นเครื่องใช้สำนักงาน ไม่เคยชายตาเลย อ่ออ หรือเพราะเพิ่งรู้ว่าเค้ารวยล่ะสิแก
ฉันยักไหล่แทนคำตอบ ยักแรงไปหน่อยเกือบทำรถแฉลบออกข้างทาง แล้วอธิบายต่อ แล้วไม่ดี ตรงไหน พี่ธัญญ์เค้าก็ชอบมุ่ยมาตั้งนานแล้ว เห็นมุ่ยเค้าก็เขินทุกทีแหละ
แค่เห็นผู้ชายมีเงินก็รีบโผจับ ทำเป็นชะนีเห็นต้นเงาะเลยนะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แถมพี่ธัญญ์ เค้าก็เรียบร้อยขนาดนั้น ไม่มีทางปล้ำแกภายในเดือนนี้หรอก
หรือแกจะรอแต่งแล้วบอกว่า ชั้นท้องเค่อะ แกจะแต่งกะเค้าทันได้ไง ก่อนท้องแกโต
เรื่องนี้น่ะ ฉันก็กังวลอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้หรอก ยังไงฉันก็ต้องทำงานที่ฉันรักต่อไป ฉันจะไม่ออกจากงานเพราะสู้หน้าคนอื่นไม่ได้ (คือฉันรักงานนี้เพราะว่าได้เจอคนเยอะดี และได้มีคนชมว่าฉันสวยบ่อยๆน่ะ) แถมจะต้องมีแต่คนอิจฉาด้วย ระดับพี่ธัญญ์ รับรองงานแต่งฉันจะไม่น้อยหน้าใคร
มุ่ยทำได้ก็แล้วกัน
อือ ชั้นก็ว่างั้น ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่
เอ๊ พี่นี่ ทำไมไม่ช่วยให้กำลังใจกันบ้าง ว่ามุ่ยอยู่นั่นแหละ
พอโดนฉันตัดพ้อ พี่ซิมก็สะบัดหน้า
หันไปหยิบ บีบี ออกมาจากกระเป๋า แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาแชทกับกิ๊กกระหนุงกระหนิง ไม่สนใจฉันอีกต่อไป เหมือนฉันเป็นพวงมาลัยหรือแตรรถ จนกระทั่งถึงหน้าบ้าน พี่ซิมก็โดดลงรถไป มีหันมาโบกมือให้ฉันแบบเสียไม่ได้หนึ่งที ฉันขับรถกลับคอนโดพลางเอาคำพูดพี่ซิมมาคิดจนปวดหัว
เอาล่ะนะฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่สาวน้อยแสนดี ที่เรียนจบแล้วแต่งงานไปกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่อนุบาลและมีจูบแรกเมื่อจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่งงานกันหลังเรียนจบหนึ่งปีเพราะคุณแม่ขอร้องไว้
หรืออะไรทำนอง แต่การท้องโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานและไม่มีทีท่าว่าจะได้แต่งง่ายๆนี่มันเกินไปจริงๆนะ ทำไมต้องเป็นฉันที่เจอเรื่องแบบนี้ด้วย
เมื่อถึงคอนโด ฉันเดินออกจากลิฟท์ด้วยท่าทีระโหยโรยแรง
ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนละล้าละลังอยู่กลางทางเดิน พอสบตาฉัน เธอก็ถลาเข้ามาเหมือนโดนใครผลัก
สวัสดีค่ะ ฉันอยู่ห้องนี้ค่ะเธอชี้ไปที่ห้องเยื้องๆกับห้องฉัน ฉันเลิกคิ้ว แทนคำว่า แล้ว?? มองเธอทั่วตัว เดาอายุคงไม่ต่ำกว่า
35 ผมยุ่ง เสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็ยับและดูคับเอามากๆโดยเฉพาะกางเกงผ้ายืดตัวนี้รัดไปหมดทุกสัดส่วน ชนิดที่ว่าถ้าต้องเข้าไปสถานที่สถานฑูต จะไม่โดนตรวจอาวุธแน่ๆ เพราะเป็นที่เห็นกันจากภายนอกอยู่แล้วว่าไม่ได้พกอะไรในกระเป๋าเลย คืองี้ค่ะ คุณน้องคะ เธอรีบจีบปากวิสัชนาโดยไม่ต้องรอให้ฉันปุจฉา สายตาเธอก็มองฉันทั่วตัวเหมือนกัน จะก็มองก็มองไปเถอะ ฉันสวย ไม่มีบกพร่องทั้งเสื้อผ้าหน้าผม
พี่ฝากลูกไว้เดี๋ยวได้ไหมคะ พี่จะลงไปซื้อของ ฉันอึ้ง สอดส่ายสายตามองหา ลูก ของเธอ
น้องต้นข้าวหลับอยู่ในห้องค่ะ พอดีฉันทำนมผงหกหมดทั้งกระป๋องเลย กลัวว่าแกตื่นแล้วจะหิว จะทิ้งแกไว้ก็กลัวแกจะไม่มีใคร ตื่นมาแกจะตกใจ ไม่เคยห่างแม่เลย แกน่า...
ฉันรีบยกมือห้ามเหมือนจราจรกลางสี่แยก แปลกจริงๆคนสมัยนี้กลับสู่ยุคเกษตรกรรมเฟื่องฟูอีกหน
ฉันรู้จักเด็กชื่อ ต้นข้าว ข้าวฟ่าง ใบข้าว ต้นน้ำ เยอะมาก
ค่ะ ได้ค่ะ ฉันเฝ้าให้ได้ แต่อย่านานนะคะ
ค่ะ ค่ะ ขอบคุณนะคะเธอรีบกุลีกุจอเดินไปเปิดประตูห้องให้ฉัน ชี้ให้ฉันดูเด็กตัวเล็กๆแก้มยุ้ยที่นอนหลับอ้าปากหวออยู่ในมุ้ง
น้องต้นข้าวหลับไปนานแล้วค่ะ เดี๋ยวอาจจะตื่น ก็อุ้มแกนะคะ โอ๋ สักแป๊บ แกชอบให้...
ฉันยกมือห้ามอีกหนเกือบจะมองหานกหวีดแล้ว นี่ถ้าลงไปตั้งแต่ประโยคแรกคงซื้อเสร็จกลับขึ้นมาอาบน้ำเรียบร้อยไปแล้วมั้ง
เดี๋ยวพี่มานะคะ อือ
ไปเสียทีเถอะ
ฉันนั่งพับเพียบลงข้างๆมุ้งลายการ์ตูน กวาดตามองรอบห้อง ซึ่งเต็มไปด้วย ตุ๊กตา แพมเพริส กระดาษ สำลี ที่ระเบียง มีผ้าอ้อม ตากเต็มพรืดไปหมด มีแป้งเด็กกระจายอยู่ที่พื้น
และที่โต๊ะทานอาหารมีนมผงหกกระจายอยู่อีกหย่อมนึง ฉันย่นจมูก จินตนาการถึงห้องของฉันที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น แต่ไม่เป็นไร บ้านพี่ธัญญ์ คงมีห้องว่างๆกว้างๆ ให้ลูกฉันวางของ เสื้อผ้าน่ะ
ฉันไม่ตากที่ระเบียงหรอก ดูไม่ดีเอาซะเลย ฉันส่งซักหมดแหละ หรือว่าผ้าอ้อมนี่ต้องซักมือ ฉันยกมือเรียวเล็กของตัวเองขึ้นดู ไม่เอาหรอกนะ เอ...แล้วผ้าอ้อมนี่ ถ้าส่งซักเค้าคิดกันผืนเท่าไหร่นะ คิดแล้วฉันก็อดก้มมองร่างเล็กๆนั้นไม่ได้ อือ ก็น่ารักดีหรอก ปากเล็กๆ จมูกน้อยๆ ผมดกเชียว ยายหนูคนนี้
โอ๊ะ ไม่นะ
เหมือนได้กระแสจิตที่อยู่ในใจฉัน ยายหนูลืมตาพรึ่บขึ้นมา ฉันถึงกับเผลอเอามือทาบอก ซวยละ ฉันทำใจดีสู้เด็ก ยิ้มหวานให้หนึ่งที คิดว่าเป็นยิ้มที่อบอุ่นอ่อนโยนอย่างที่สุด แต่ยายหนูไม่ยักกะเห็นด้วย มองซ้ายมองขวาแล้วก็เริ่มเบะปาก
เอาล่ะสิ ต้องทำไงล่ะ โทร 191 ไม่ใช่ ฉันเริ่มสติแตก ยกสองนิ้วชูที่หู
พี่กระต่ายค่ะ พี่กระต่ายมาเยี่ยมน้อง น้องใบหญ้า เอ่อ ไม่ใช่...
น้องอะไรนะเมื่อกี๊ แม่หนูน้อยไม่ให้โอกาสฉันได้คิดนาน เริ่มร้องไห้จ้า หน้าแดงก่ำไปหมด ทำไงดีล่ะ โอยย วันนี้ไม่ใช่วันของฉันเลยจริงๆ