มีนาคม 2549

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ฤดูฝน ผมเหงา เธอเปลี่ยว ตอนที่5
ฤดูฝน ผมเหงา เธอเปลี่ยว

เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด รถของพี่ต่อจอดอยู่หน้าบ้าน ผมจึงเสี่ยงที่จะถูกโดนด่าไปจอดรถที่หน้าบ้านตรงกันข้ามเธอ พยายามปีนรั้ว แล้วแอบเดินเข้าไปทางประตูหลัง เป็นอย่างที่ผมคิด พี่ต่ออยู่กับคุณมินในห้องครัว สองคน ผมมาได้เวลาเหมาะเจาะ คุณมินกำลังทำอาหาร และพี่ต่อกำลังสอบสวนผู้ต้องหาคนสวยของผม

“แกนอนกับไอ้โปรมาแล้วใช่ไหม”
คุณมินละสายตาจากหม้อต้มแกง มาตบหน้าพี่ต่อ อย่างแรง ทำเอาพี่ต่อเสียศูนย์ไปเหมือนกัน ไม่กี่อึดใจ พี่ต่อจึงใช้กำลังทั้งหมดรวบตัวคุณมินอัดติดกับฝาผนัง คุณมินของผมคงเจ็บมาก ถึงได้ตะโกนด่าพี่ต่อ แต่ถึงตะโกนจนสุดเสียง พี่ต่อก็ไม่ยอมปล่อย
“ตอบมาดี ๆ หรือจะตอบด้วยน้ำตา” พี่ต่อขึ้นเสียงแข็ง
“ฉันจะไปนอนกับใคร มันก็เรื่องของฉัน ปล่อยฉัน ไอ้ต่อบ้า ”
“ทำแบบนี้ทำไม” พี่ต่อยังไม่ยอมปล่อยคุณมินลง “คนที่เสียใจที่สุดก็คือ แก นะไอ้มน”
“ยุ่งนะ ต่อ ฉันโตพอที่จะรู้นะ ว่าอะไรเป็นอะไร”
“รู้ว่าอะไรเป็นอะไร... เธอคงคิดสิว่าประชดแบบนี้ แล้วเขาจะกลับมาหาแก ทุเรศสิ้นดี ”
“คนแบบนั้นนะ ฉันไม่เสียเวลาทำอะไรให้หรอกนะ”
“แล้วคนแบบไหนที่เธอจะเสียเวลา เด็กหนุ่มๆ ล่ะสิ ที่เธอให้ท่าล่ะมั้ง ถึงพอจะเสียเวลาให้”
“ต้องการอะไรจากฉัน” คุณมินตะโกนหน้าใส่พี่ต่อ “ไปไกลๆ ไป”
“ไอ้มน กูมาเตือนมึงดีดี ในฐานะเพื่อนสนิท ว่าเลิกยุ่งกับไอ้โปรซ่ะ ถ้ามึงไม่อายตัวเอง ก็อายขี้ปากชาวบ้านเขามั้ง ปล่อยให้ผัวมีเมียน้อยแล้ว แล้วตัวเองยังร่านไปมีผัวเด็กอีก ”
“ฉันบอกว่าให้แกเลิกยุ่งกับชีวิตฉันไง แกฟังไม่เข้าใจหรือไง ” คุณมินกระชากตัวได้สำเร็จ คว้ามีดขึ้นขู่ แต่พี่ต่อก็ยังไม่หยุด
“ทำไม ... บอกเขาไปเลย ว่าแกรู้แล้วว่าเขามีเมียน้อย พูดไปเลยสิ ว่าอยากจะขอเลิกกับเขา แกคบชู้แบบนี้ต้องการจะเรียกร้องความสนใจหรือไง”
“ฉันก็พูดแล้วไง ว่าคนแบบนั้นฉันไม่เสียเวลาทำอะไรให้หรอก ”
“แล้วคนแบบไหนที่แกจะทำอะไรให้ ไอ้โปรที่แกให้ท่ามันนะเรอะ.. ตลกสิ้นดี!!”

ถ้าตอนนั้นสายตาของคุณมินมันพูดออกได้แทนปาก มันจะตะโกนเสียงดัง
“แกไงล่ะ ไอ้โง่ ฉันแค่อยากจะรู้ว่า แกจะรู้สึกอย่างไงถ้าฉันรักผู้ชายคนอื่น ที่ไม่ใช่แก แกต่างหากที่ฉันต้องการให้หึง”

ผมทนดูพวกเขาต่อไปไม่ไหว เดียวจะโมโหฆ่ากันตายเสียก่อน ผมรู้ดี คุณมินก็แกล้งทำเป็นเอามีดขู่ไปอย่างนั้นเอง ผมรีบวิ่งอ้อมไปประตูหน้า เคาะหน้าบ้าน พี่ต่อเป็นคนออกมาต้อนรับผม สีหน้าของพี่นั้นบ่งบอกถึงรอยยิ้มที่ไม่เต็มใจนัก แต่ก็ยังฝืนยิ้มออกมา คุณมินออกมาต้อนรับผม เธอซ่อนสีหน้าเครียดไม่มิดจริงๆ

อาหารเย็นวันนั้น จึงเป็นบรรยากาศฝืดที่สุด พี่ต่อก็ไม่ตลกเหมือนเคย คุณมินก็ไม่หัวเราะร่าเริงสดใจเหมือนเคย ผมเองก็สร้างบรรยากาศไม่เก่ง มื้อค่ำเราจึงไม่ได้คุยอะไร เพียงแต่ถามมาก็ตอบไป ก็เท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้น ผมแอบเห็นเขาสองคนปรับความเข้าใจกันได้
แล้วความเจ็บปวดกันก็พุ่งเข้ามาจุกอกผมอีกครั้ง
ไม่ว่าผมจะพยายามมากมายขนาดไหน
ในความพยายามนั้นก็ไม่มากพอ ที่จะทำให้เธอ เปลี่ยนใจ
ทั้งๆที่ผมยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเธอได้ทั้งนั้น
ผมจำไม่ได้ว่าปาจานลงพื้นไปกี่ใบ กว่าผมจะรู้ตัวอีกทีเศษกระเบื้อง มันก็กระเด็นกลับมาบาดแขนผมเป็นรอยทาง คุณมินวิ่งเข้ามาดูตามเสียจานแตก เธอตื่นตกใจมาก วิ่งหายาแดงให้วุ่น พี่ต่อจึงไม่รอช้าหาผ้าสะอาดมากดแผลผม

โชคดีที่คำอ้างว่าผมมือลื่นทำจานตกแตก ทำให้พี่ต่อและคุณมินมันดูน่าเชื่อถือ คืนนั้นผมออกไปพร้อมกับพี่ต่อ และเลี้ยวรถไปจอดในสวมหย่อมของสโมสร คืนนี้ผมต้องคุยมินให้รู้เรื่องให้ได้ ว่าจะเอาไงกันแน่
คุณมินเดินออกมาประตูบ้าน ด้วยสีหน้าที่สดใสกว่าตอนเย็นวันนั้นมาก
ใบหน้ายิ้มแย้มนั่น เคยเป็นสิ่งผมรักในรักมากและหวงแหนมาก แต่วันนี้ผมกลับเกลียดมันอย่างสุดขั้วหัวใจ

“ใช่สิ คงเข้าใจกันดีแล้วสิ” ผมแอบซ่อนความอิจฉาไว้ภายในใจ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเธอยิ้มให้กับรูปพี่ต่อที่วางอยู่กรอบรูปห้องรับแขก ทั้งๆ ที่ใจผมก็รู้ดี ว่าทุกครั้งคุณมินมองรูปพี่ต่อเธอจะเผลอยิ้มทุกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าทำไมมันกลับทำให้ผมคิดลำเลิกบุญคุณ “ไม่น่าเลย ไม่น่าเข้ามาห้าม น่าจะปล่อยให้คุณมินเกลียดพี่ต่อไป เสียก็ดี ”
ผมรู้สึกความโกรธและเกลียดภายในตัวผมอย่างชัดเจน เลือดขึ้น ตัวเย็น อึดอัด
เวลาที่เธอคุยกับสามีของเธอ ผมไม่เคยโกรธขนาดนี้
เวลาที่เธอส่งยิ้มให้กับผู้ชายคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผม ผมก็ไม่เคยโกรธขนาดนี้
หรือแม้กระทั้งเวลาที่เธอจูบสามีของเธอ ผมก็ไม่โกรธขนาดนี้
แต่เวลาที่เธออยู่กับพี่ต่อ สองต่อสอง ผมกลับไม่โกรธเธอไม่ได้
ถึงแม้อ้อมกอดนั่น จะเป็นอ้อมกอดของเพื่อนคนหนึ่ง
......ใช่ เพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเธอรักมาก
ถ้าความรู้สึกที่ความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ คือความหึง ผมคงไม่เป็นคนขี้หึงมากเท่าไหร่
แต่ความรู้สึกที่ไม่อยากให้รักพี่ต่อไปมากกว่าผม นั่นคือคนขี้หึง
ผมยอมรับโดยดี ว่าผมนั้น เป็นผู้ชายที่ขี้หึงที่สุดในโลก

คุณมินพาผมขึ้นไปห้องทำงาน
บนโต๊ะหนังสือ คุณมินมักจะเขียนอะไรไว้มากมายเก็บไว้มากมายกองเต็มไว้หลายกอง นิสัยที่ชอบขีดชอบเขียนของเธอที่แก้ไม่หาย
บางครั้งก็เป็นคำพูดของตัวละคร บางครั้งก็เป็นบรรยายฉาก บางครั้งเธอก็วาดภาพ บางครั้งเธอมักจะเขียนอะไรสับสนปนเปอยู่บ่อยครั้ง ขีดฆ่ามัน แล้วก็ลบรอยขีดฆ่านั้น แล้วขึ้นกระดาษแผ่นใหม่
เธอชอบบ่นว่าตอนที่วัยเด็กที่เธอเริ่มเขียนหนังสือใหม่ๆ แม่เธอนั้นเกลียดกระดาษพวกนี้มาก ชอบเก็บไปทิ้งเสมอ ทำให้เธอเสียดายเป็นที่สุด กระดาษพวกนั้นมีค่าต่อความทรงจำของเธอ มันบันทึกความคิดช่วงชีวิตที่ยังอ่อนต่อโลกของเธอได้เป็นอย่างดี แต่ถามผมว่า ไม่ว่าจะเป็นตอนนั้นหรือตอนนี้ เธอก็ยังคงไร้เดียงสา อ่อนต่อโลกอยู่ดี
เพราะถ้ารู้จักผู้ชายดีกว่านี้ หรือ มารยากว่านี้สักนิด เธอคงจะมีหลายวิธีที่ทำให้ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่กำลังหลงเธอหัวปักหัวปำ ไม่ต้องเจ็บซ้ำขนาดนี้

ดูเหมือนคืนนั้นเธอจะรู้ ว่าผมอยากคุยกับเธอ ปรกติแล้วเธอจะทำงานของเธอเงียบๆ ไป แต่คืนนั้น เธอกลับชวนผมคุยตลอด ผมก็อยากคุยกับเธอ เพียงแต่ มันมีบางอย่างที่ทำให้ผม ไม่อยากพูดกับเธอตอนนี้

จนเวลาได้เที่ยงคืน ผมรู้สึกคลายโกรธมากแล้ว ก็ลองเดินไปรอบๆห้อง และมาหยุดตรงหน้าต่างบานเดิม ในห้องทำงาน บานนั้น ที่มันเคยเป็นฝ้าในคืนที่หนาวเหน็บ คืนนั้นที่ผมก้าวล้ำสู่ชีวิตคุณมิน คืนนั้นฟ้าโปร่งมาก เหมือนเรื่องร้ายๆ ได้ผ่านพ้นไปหมดสิ้นแล้ว แสงดาวต่างแข่งความแวววาวของตนกันใหญ่

“คุณมินง่วงหรือยังครับ”
“ ทำไมหรือคะ โปรง่วงแล้วหรือ”
“เปล่าครับ”
“คะ” เธอ ร้องเสียงหลงเหมือนรู้ทัน ว่าผมคิดอะไร แก้มของเธอแดงระเรื่อ ขึ้นมา ทำให้ผมรู้สึกว่า ตอนนี้ ผมต้องการเธออย่างมาก แต่มันไม่ใช่เวลาแบบนี้ ไม่ใช่ตอนนี้ ผมต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่องก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไป“ ปะ ปะเปล่าครับ”
“เราไปห้องนอนกันเถอะคะ” คุณมินถอดแว่น เธอลุกขึ้นยืนลากเก้าอี้เก็บเข้าที่ และก้าวเท้าเข้ามาหาผม
ตอนนี้ ผมกับคุณมินอยู่ห่างกันแนบสนิท เนื้อกายของเธอสัมผัสผมอยู่ในทุกสัดส่วน มีเพียงแต่เสื้อผ้าบางๆ เท่านั้นที่กั้นผมกับคุณมินไว้อยู่ ขนในร่างกายของผมลุกซู่ จนผมแอบหวั่นใจว่าขนที่มันลุกซู่ของผมอาจไปเสียดแทง ให้เธอระคายผิว
“คุณมินครับ” ผมเริ่มคุมสติไม่อยู่
“คะ” เธอยิ้มน้อยๆ เธอคงรู้ว่าผมเขินมากแค่ไหน ที่ได้มาใกล้นางฟ้าแสนสวยองค์นี้
“คุณมินครับ” คราวนี้ผมเป็นคนร้องเสียงหลงเสียเอง ผมต้องพูดให้ได้ พูดให้ได้ ว่าผมรักคุณมิน รักมากกว่าสิ่งใด คุณมินครับ ลืมพี่ต่อเสียเถิดนะครับ ลืมเขา แล้วมารักผมเอง ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณมินอย่างดี ผมจะรักและดูแลคุณมินไปชั่วชีวิต คุณมินลืมพี่ต่อเสียเถิดนะครับ ผมต้องพูดให้ได้!
“คะ”
เหมือนเสียงนั้น จะย้ำให้ผมต้องพูดให้ได้
“ผมอยากฟังนิทานก่อนครับ คุณมินเล่าให้ผมฟังสักเรื่องได้ไหมครับ”

“และแล้วก็มีเจ้าชายอัศวินผู้กล้าหาญ ที่มั่นใจว่าความหล่อและลีลาของตนว่าไม่แพ้ใคร เขามั่นใจเต็มร้อยว่าจะพิชิต ทั้งมังกรไฟ แล้วก็แม่มด ได้อย่างแน่นอน และที่สำคัญการที่เขามาในครั้งนี้ เขาตั้งใจจะมาทวงสัญญาในวัยเยาว์ ที่เจ้าหญิงสัญญาว่าจะเข้าเมื่อพระชนมายุ16ปีเมื่อใดก็จะมาเข้าพิธีอภิเษกสมรสกัน หลักฐานแห่งสัญญานั้นก็คือแหวนประจำราชวงค์ ที่เจ้าหญิงและเจ้าชาย เคยแลกกันไว้เมื่อวัยเยาว์ ทุกครั้งที่เจ้าชายได้มองแหวน เจ้าชายไม่เคยไม่คิดถึงเจ้าหญิง ”
ผมนอนหนุนตักคุณมินอย่างเป็นสุข
“เจ้าชายมาพร้อมดาบที่พ่อมดประจำราชวงค์ให้ไว้ ดาบนี้เป็นดาบกายสิทธิ์ ฟันอะไรก็ขาดหมด ทันทีที่อัศวินเห็นมังกรไฟ ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เขาชักดาบออกมา และรีบวิ่งตรงไป แทงเข้าตรงหัวใจของมังกรไฟ แทงเข้าที่ตรงขั่วหัวใจ แต่มังกรไฟก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงพ้นไฟรดใส่เจ้าชาย สู้กันอยู่เจ็ดวันเจ็ดคืน มังกรไฟและอัศวินต่างบาดเจ็บไม่แพ้กัน แต่มังกรไฟล้มพับไปเสียก่อน เลือดของมังกรไฟ ไหลออกมามากจนนองเต็มประสาทไปหมด อัศวิน ปีนกำแพงด้วยลมหายใจที่อ่อนแรง ถ้าไม่ใช่อนุภาพของความรักแล้ว เจ้าชายก็คงตายไปแล้ว และในที่สุดเจ้าชายก็ปีนมาถึงห้องนอนของเจ้าหญิง เขาหวังจะได้จุมพิตให้เจ้าหญิงได้ตื่นจากนิทราอันยาวนาน แต่ก็ต้องผิดหวังบนเตียงนั้นว่างเปล่า เหลือเพียงแหวนประจำราชวงค์ และจดหมายหนึ่งฉบับ ”
“แล้วเจ้าหญิงไปไหนล่ะครับ”
“ที่จริงแล้ว เจ้าหญิงกับแม่มดเป็นคู่ทอมดี้กันมานาน แต่ก็ต้องปกปิดไว้ เพราะฐานันดร เมื่อเจ้าหญิงแอบได้ยิน ว่าพระราชามีคำสั่งให้เธอ อภิเษกสมรสกับเจ้าชาย เจ้าหญิงจึงแทบหัวใจสลาย แม่มดเองทนไม่ได้เช่นกัน ที่ปล่อยจะคนรักไปแต่งงานกับคนอื่น แม่มดจึงวางแผน แกล้งทำเป็นจับเจ้าหญิงมาขังบนหอคอย และเอามังกรไฟมาไว้ดูต้นทาง เพื่อที่จะได้ครองรักกับเจ้าหญิง อย่างอิสระ และกว่าที่เจ้าชายจะกำจัดมังกรได้ แม่มดก็พาเจ้าหญิงหนีไปไกลแล้ว”

“เป็นตำนานที่เด็กๆ ควรฟังก่อนนอนอย่างยิ่ง จรรโลงใจจริงๆ ” ผมรู้สึกทึ่งในจิตนาการของคุณมินจริงๆ
“และแล้วเจ้าหญิงกับแม่มด ก็ได้ครองรักกันอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร์” เธอไม่ลืมที่จะเติมจะคติสอนใจไปด้วย
“บางทีผมวาง วันนี้ผมเจอแหวน ที่เจ้าหญิงทำหล่นไว้นะ หล่นไว้ในราชรถเสียด้วย” ผมล้วงกระเป๋าหยิบแหวนมาคืนเธอ เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรับแหวนมาดู และเหม่ออย่างเห็นได้ชัดเมื่ออ่านถ้อยคำที่สลักในแหวน
“นึกว่าหายไปแล้วซ่ะอีก ขอบคุณนะ ” เธอดีใจที่ได้เจอแหวน อย่างออกหน้าออกตา สวมมันอย่างรวดเร็ว ท่าทางที่ปลาบปลื้มนั้นดูทำให้ผมรู้สึกขัดหูขัดตา

คุณมินสวมแหวนวงนี้มาตลอด ผมนั้นหลงคิดไปเองว่า คงเป็นแหวนแต่งงาน ถ้าผมไม่ได้อ่าน ข้อความที่สลักในแหวนนั้น

“คุณมินครับ ” ผมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะถามคำถามสำคัญ “พี่ต่อ สามีของพี่ กับผม คุณมินจะเลือกใคร”



Create Date : 23 มีนาคม 2549
Last Update : 28 พฤษภาคม 2549 3:48:16 น.
Counter : 234 Pageviews.

1 comments
  


มาเยี่ยมบ้าน
โดย: Mr.Vop วันที่: 23 มีนาคม 2549 เวลา:10:25:04 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หวานใจนายโหด
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




add me!!plz~
Add to Google

ไม่สวยก็เซ็งเป็น


MY VIP Friend