ชื่อหนังสือ : วาวพลอย
ผู้แต่ง : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
สำนักพิมพ์ : อรุณ
จำนวน 371 หน้า ราคา 115 บาท

กระซิบก่อนอ่าน

   เรื่องราวความรักที่แตกต่างของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดช่องว่างที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ และการไม่ยอมรับในกันและกัน อันทำให้ผู้ที่มีความแตกต่างจากการยอมรับของสังคมและคนรอบข้างต้องแก้ปัญหาด้วยการปกปิดและสร้างเปลือกขึ้นห่อหุ้มเพื่อสร้างภาพลวงตา

   ความแปลกแยกนี้เสนอผ่านตัวละครสองตัวคือพี่สาวนางเอกและน้องชายพระเอก ในสายตาของคนทั่วไปแม้แต่คนใกล้ชิด ทั้งสองคือหญิงและชายที่มีความสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ เป็นคู่รักหนุ่มสาวที่เพียบพร้อมคู่ควรที่สุด เพราะฝ่ายหญิงนอกจากจะสวย รวย และเก่งแล้ว ยังเป็นผู้ที่มีภาพลักษณ์ต่อสังคมดีเลิศ พูดจาอ่อนหวานไพเราะ รู้กาลเทศะ ไม่เคยแสดงอารมณ์ด้านลบให้ใครได้เห็นเลย ส่วนฝ่ายชายก็เช่นกัน นอกจากหล่อ รวย และเก่งมากแล้ว ยังอ่อนโยนเสมอกับทุกคน ทุกคนจึงเข้าใจตรงกันว่า บุคลิกลักษณะที่ดีเลิศเหล่านั้นคือตัวตนของทั้งสองคนนั้นจริง ๆ ไม่มีใครแม้สักคนจะรู้ลึกลงไปว่า เบื้องลึกของสิ่งดี ๆเหล่านั้นคือความเก็บกด กดดัน ที่มาจากความคาดหวังของผู้เป็นที่รักและรักตน และมันได้สำแดงผลออกมาแล้ว ทว่าทั้งสองก็ได้แต่ร่วมมือกันปกปิด

   ในขณะที่พระเอกและนางเอกเป็นคนธรรมดา มีนิสัยที่เป็นทั้งบวกและลบในสายตาของคนทั่วไป และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นคนที่ “ ดีเลิศสูงส่ง ” ในสายตาคนอื่น

   ความจริงคงไม่เผยตัวออกมาก่อนเวลาอันควรถ้าเหตุการณ์ร้ายแรงเหตุการณ์หนึ่งจะไม่เกิดขึ้น ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องล้วนตั้งคำถามกับตัวเองว่าเพราะอะไร และทำไม


ขอบคุณรายละเอียดและภาพปกจาก... อมรินทร์พ็อคเก็ตบุ๊ค ... นะคะ

แวะเคาะประตูร้านหนังสือ

   หยิบ ' วาวพลอย ' มาอ่านด้วยความคิดถึงผลงานของคุณ ' ปิยะพร ศักดิ์เกษม ' ด้วยฝีไม้ลายมือด้านการสร้างสรรค์เรื่อง เลือกใช้ถ้อยคำ นำเสนอเรื่องราวได้อย่างน่าอ่าน ทำให้อดไม่ได้ที่จะชื่นชมด้วยหัวใจ

   วาวพลอย เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว ' เชิญอิสราชัย ' ขาเก่าเจ้าประจำที่ไม่ว่าปรากฏตัวเมื่อไหร่ก็เรียกคะแนนความนิยมอย่างท่วมท้นในตัว ' เกื้อคุณ ' ได้เสนอ ผู้ชายอบอุ่น ใจดี มีอารมณ์ขัน เปี่ยมน้ำใจ น่าคบหา ใครที่ได้พบ ได้รู้จักไม่ตกหลุมคงประหลาด

   มาคราวนี้เรื่องวุ่นวายทั้งหลายแหล่มีที่มาจากสองสาวตระกูลเชิญอิสราชัย หนึ่งคือ ' ก่องเพชร ' สาวสวยหวาน สมบูรณ์แบบ เพียบพร้อมไปเสียทุกด้าน จนใครต่อใครพากันอิจฉาในประกายบาดตาของเพชรเม็ดงามคนนี้ แต่ทว่าคนที่มีพร้อมไปเสียทุกอย่างในสายตาคนรอบข้าง กลับอ้างว้าง โดดเดี่ยว ขาดความรักมาเติมเต็มหัวใจ และมากไปด้วยความเคี้ยวคดลดเลี้ยวในจิตใจ กับอีกหนึ่งคือ ' เก็จไพลิน ' สาวเปรี้ยว เก๋ เท่ห์ มีสไตล์ เป็นตัวของตัวเอง เปิดเผย ตรงไปตรงมา แต่ทว่า ในสายตาของคนนอกที่มองมาอย่างไม่เข้าใจในตัวตน พลอยเม็ดนี้จึงถูกมองเป็นหินสีที่ถูกนินทา

   เนื้อหาของเรื่องเน้นหนักไปในด้านของการดำเนินชีวิตของสองสาวพี่น้องซึ่งถูกเลี้ยงดูมาคนละแบบ ทำให้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แรก ๆ หวานเย็นไม่ค่อยนิยมในตัวตนของก่องเพชร หรือ คุณหนึ่งของคุณยายเล็กเสียเท่าไหร่ ผู้หญิงคนนี้ลดเลี้ยวเกินกว่าใครจะคาดเดา เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น แล้วคนอื่นที่ว่าก็ไม่ใช่ใครก็คือน้องสาวที่ทั้งรัก ทั้งห่วงเธอด้วยใจจริงและจริงใจ ยอมเป็นคนร้ายเพื่อปกป้องพี่สาวของตัวเองให้ดีงามในสายตาของคนทั่วไป คุณหนึ่งก็แสนร้ายกาจ ทำกับน้องได้ลงคอ ใส่ร้ายป้ายสีจนเก็จเกือบต้องผิดใจกับ ' ปัณณ์ ' พี่ชายแท้ของ ' ปรีดิ์ ' ผู้เคยเป็นคู่หมั้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นสามีของคุณหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะความเป็นน้ำที่เจิ่งนองเอ่อขัง แต่ไม่เน่าของคุณปัณณ์แล้วละก็ เก็จอาจต้องเสียใจที่ความสัมพันธ์อันดีต้องมีอันสะดุดไปเพราะฝีมือของพี่สาวตัวเอง

   นอกจากนี้ คุณปิยะพร ศักดิ์เกษม ยังอธิบายความหมายเกี่ยวกับสำนวนที่ว่า ' ขึ้นคาน ' ไว้ให้ได้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องอีกด้วยค่ะว่ามีที่มาจากอะไร

   ' คุณป้าบอกว่าเวลาที่เรือรั่วแล้วต้องซ่อม เขาก็จะเอาขึ้นไปไว้บนคาน คานที่ว่านี้ทำขึ้นเพื่อวางเรือให้พ้นน้ำโดยเฉพาะนะคะ แล้วเขาก็รีบปะ รีบอุดรอยรั่ว รีบซ่อมกัน เพื่อให้ทันกับน้ำขึ้นสูงครั้งหน้า จะได้เข็นเรือลงน้ำได้...ถ้าใครมัวแต่โอ้เอ้ซ่อมเรือไม่ทันน้ำขึ้น พอน้ำลงไปแล้ว เรือก็ลงจากคานไม่ได้ ต้องจอดค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น '

   รู้อย่างนี้แล้ว... อย่าปล่อยโอกาสให้ผ่านไปโดยไม่คิดทำอะไรนะคะ ชักช้าไปเดี๋ยวไม่ทันการ ต้องขึ้นคาน รอน้ำขึ้นให้เข็นเรือ ไม่รู้ด้วยนะคะ