หวานเย็นผสมโซดา | รวิวารี | Mahal Kita | NamPhet
Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 มกราคม 2556
 
All Blogs
 
สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา : นิ้วกลม

สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา : นิ้วกลม



ชื่อหนังสือ : สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา
เขียนโดย : นิ้วกลม
พิมพ์ครั้งที่ ๑๘ : กรกฎาคม ๒๕๕๕
สำนักพิมพ์ : มติชน
จำนวน ๒๐๔ หน้า ราคา ๑๔๐ บาท



กระซิบก่อนอ่าน

   โลกของเราแวดล้อมไปด้วย "สิ่งของ" มากมาย บางชิ้นมหัศจรรย์จนผู้คนนำมันไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ แต่ของส่วนใหญ่ต่างกระจัดกระจายอยู่ตามอาคารบ้านเรือนเป็นเพียงของธรรมดา-ธรรมดา แต่ทว่าทุกสิ่งที่ดูคล้ายธรรมดา ถ้าเราให้เวลา มันจะกลายเป็น สิ่งมหัศจรรย์


ขอบคุณรายละเอียดและภาพปกจาก... MatichonBook ... นะคะ




แวะเคาะประตูร้านหนังสือ







บันทึกหลังอ่าน

   สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา บอกเล่าเรื่องราวข้าวของเครื่องใช้สารพัดสารพัน นานาจิปาถะล้วนแล้วแต่ธรรมดา ทว่ามีความมหัศจรรย์ซุกซ่อนอยู่ เมื่อใส่ใจอย่างสร้างสรรค์

    นาน... หลายปีมาแล้วล่ะค่ะ หวานเย็นเคยหยิบ นิตยสารขวัญเรือน มาอ่าน แล้วพบกับคอลัมน์ของ พี่เอ๋ (นิ้วกลม) ที่เขียนถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับข้างของรอบกายที่แสนจะธรรมดาสามัญ และเพราะความธรรมดาของมันนี่เอง ที่ทำให้เรามองข้ามความสำคัญของมันไป ทั้ง ๆ ที่ก็หยิบใช้อยู่ทุกเมื่อ และเพราะนานมาแล้วนี่ล่ะค่ะ หวานเย็นเลยเลือน ๆ ราง ๆ ไม่แน่ใจว่าระหว่าง ฝักบัว กับ ช้อนส้อม หวานเย็นอ่านบทความไหนก่อนกัน แต่ที่จำได้คือความประทับใจในมุมมองที่หลาย ๆ คนก็รู้ซึ้งอยู่แก่ใจ แต่ก็หลง ๆ ลืมไปบ้างไม่ได้ใส่ใจอะไรกับความต่างที่ลงตัวของ ช้อน และ ส้อม หวานเย็นก็เหมือนกันค่ะ กระทั่งได้มาอ่านมุมมองที่ถูกลืมซึ่ง พี่เอ๋ นำเสนอว่า...


    มิใช่ว่าช้อนกับส้อมจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ช้อนส้อมที่ “เข้าคู่” กันย่อมมีวัสดุ ลวดลาย และด้ามจับลักษณะเดียวกัน

   ในความต่างมีความเหมือน

   ในความเหมือนก็มีความต่าง

   สิ่งที่อยู่ตรงกลางคือความรัก

   ความรักคือการยอมรับความต่างของคนที่เรารัก และพยายามปรับตัวเองเข้าหากันและกัน โดยมิถือว่า “ตัวฉัน” เป็นใหญ่

   เมื่อรักใครสักคน เราย่อมสละความเป็นตัวเองเพื่อเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้แสดงความเป็นตัวเขาอย่างเต็มที่

   รักคือการผลัดกันเสียสละในจังหวะที่พอดี

   ถ้าเสียสละมากไปเราก็อึดอัด หากเสียสละน้อยเกินไปอีกฝ่ายก็คงลำบากใจ

   รักอยู่ตรงกลางระหว่างความแตกต่างนั้น

   และรักทำให้ “ช่องว่าง” แห่งความแตกต่างได้รับการเติมเต็ม

   คู่รักจึงคล้ายช้อนส้อมมากกว่าตะกียบ

   ทั้งสองคนจะมีรูปแบบชีวิต รสนิยม ความชอบอะไรต่อมิอะไรเหมือนกันหรือไม่นั้น ยังไม่สำคัญเท่ากับทั้งสองคนต้องชอบกัน

   ใช่, ‘ชอบเหมือนกัน’ ไม่สำคัญเท่า ‘ชอบกัน’

   เพราะเมื่อเราชอบกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะเรียนรู้และทำความเข้าใจในสิ่งที่ชอบไม่เหมือนกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป

   โดยอาศัยความรักเป็นสิ่งเติมเต็ม



   อ่านจบแล้ว... ประทับใจในมุมมองจึงตัดสินใจซื้อ นิตยสารขวัญเรือน ฉบับนั้นกลับมาประดับชั้นหนังสือให้หม่าม้างงเล่นว่าซื้อมาทำไม ? แล้ววานวันก็ผ่านไป ความประทับใจนั้นก็ยังคงอยู่ แต่... ไม่เคยหยิบมาอ่านซ้ำอีกเลย

   กระทั่งวันหนึ่ง... แวะร้านหนังสือพบ สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา วางอยู่บนชั้นหนังสือด้วยหน้าปกเก๋ไก๋ มีดีไซน์ หยิบมาพลิกซ้าย - พลิกขวา แล้วก็วางค่ะ กระทั่งสำนักพิมพ์ตีพิมพ์ซ้ำครั้งที่เท่าไรไม่รู้ หวานเย็นก็ยังไม่ได้จับจองเป็นเจ้าของสักที

   แล้วในที่สุด... ก็ตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มนี้เป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเอง เป็นหนังสือที่อ่านรวดเดียวจบแบบไม่วางระหว่างเดินทางกลับบ้านช่วงปีใหม่ อืม... ฉบับรวมเล่มนี้ ทำให้หวานเย็นมีโอกาสได้อ่านหลาย ๆ เรื่องที่พลาดไปแล้วก็ประทับใจกับเรื่องราวธรรมดาที่แสนมหัศจรรย์อีกครั้ง

   ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนคู่มืออย่าง 'ดินสอ' ที่สะท้อนให้เห็นว่า...

   เมื่อเติบโตขึ้นมาบางคนใช้ดินสอน้อยลง หันไปเสียบปากกาไว้ที่หน้าอกแทน บางคนบอกว่าปากกาเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นผู้ใหญ่ ความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่น คำไหนคำนั้น แต่ขณะเดียวกันปากกาก็เป็นตัวแทนของความแข็งทื่อ ไม่ยืดหยุ่น ไม่เปิดโอกาสให้กับความเปลี่ยนแปลง เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมากเกินไป ไม่ยอมแก้ไขตามความคิดเห็นที่คนอื่นร่วมแบ่งปัน บางคนใช้ปากกาจนติดแล้วคิดว่าโลกนี้ไม่มีดินสอ จะทำอะไรทีก็เกร็งเพราะกลัวผิดพลาด กลัวว่าพลาดไปจะแก้ไขอะไรไม่ได้

   ปากกาจึงนำมาซึ่งความหวดกลัวในกลัวการทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ เขียนอะไรใหม่ ๆ วาดอะไรใหม่ ๆ ให้กับโลกใบนี้ ใครกันหนอที่เป็นบอกว่าปากกาเป็นอุปกรณ์การเขียนของผู้ใหญ่ ทั้งที่จริงผู้ใหญ่ก็ยังใช้ดินสอได้ในบางเวลา เมื่อจับดินสอขึ้นมา ความกล้าก็จะเกิดขึ้นในใจ กล้าขีดกล้าเขียนอะไรใหม่ ๆ อย่างไม่หวั่นกลัว กล้าทดลองในทางที่ตัวเองอยากลอง เพราะรู้ดีว่าทุกอย่างนั้นแก้ไขได้



   ของเล่นวัยเด็กอย่าง... หุ่นยนต์ ที่กระซิบกับเราว่า...

    เมื่อครั้งยังเด็ก เราเคยคิดว่าโลกกลม ๆ ใบนี้มีฝ่ายธรรมะและอธรรมยืนอยู่ตรงข้ามกัน และต่อสู้กันเสมอ
   ธรรมะ-อธรรม ดูง่าย ทั้งสองฝ่ายแสดงตัวชัดเจน
   พระเอกเป็นคนดี สัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียด
   แต่พอเติบโตขึ้นมาจึงได้รู้ว่า คนร้าย-คนดีนั้นไม่ได้แบ่งแยกกันชัดเจนเช่นนั้น
   บางทีคนร้ายก็มาในคราบคนดี บางทีคนดีวันนี้ก็กลายเป็นไม่ดีวันหน้า
   โลกความจริงดูยาก และเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง
   เมื่อเติบใหญ่จึงได้เข้าใจว่า สิ่งที่เราจำเป็นต้องต่อสู้นั้นไม่ใช่ “ตัวร้าย”
   แต่เป็น “ความเลวร้าย” ต่างหาก
   “ความเลวร้าย” ที่บางครั้งก็ไม่ได้แอยู่ที่ไหนไกล แต่อยู่ในใจของเราเอง
   คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็น “สัตว์ประหลาด” หรือ “พระเอก”
   ดีเอ็นเอไม่ได้ระบุมาถึงขั้นนั้น
   ทุกคนบนโลกใบนี้ ล้วนมีส่วนผสมของ ”ความเป็นไปได้ที่จะเลว” และ “ความเป็นไปได้ที่จะดี” อยู่ในดีกรีเท่า ๆ กัน
   มันผสมกันอยู่ในตัวเรา
   บางคราวเราเป็นสัตว์ประหลาด บางคราก็เป็นพระเอก
   “ความเลวร้าย” มีอิทธิฤทธิ์และแรงดึงดูดที่ทรงพลังเสมอ ไม่แปลกที่ผู้คนจะเผลอไปทางนั้นเป็นครั้งคราว
   นั่นคือเรื่องราวของคนที่เติบโต
   โตพอที่จะเข้าใจว่า ในตัวสัตว์ประหลาดก็มีพระเอกแอบซ่อนอยู่ เช่นกันกับที่ในตัวพระเอกก็มีสัตว์ประหลาดสิงสถิตอยู่ในนั้น
   หาใช่เพียงโลกภายนอก โลกภายในต่างหากที่ทำสงครามกันไม่เว้นแต่ละวัน
   เราต่างก็อยากเป็นคนดี แต่การเอาชนะความชั่วร้ายในใจก็ไม่ง่ายดายนัก
   เมื่อเติบใหญ่จึงได้เข้าใจว่า หน้าที่ของพระเอกอาจมิใช่การเข่นฆ่าเหล่าร้ายให้หมดไปจากโลก แต่เป็นการปลุกด้านดีและความคิดในฝั่งธรรมะให้เอาชนะด้านเลวร้ายของฝ่ายอธรรมให้ได้ต่างหาก
   ปลุกความคิดดี ๆ ของเรา และของเขาด้วยเช่นกัน
   การฆ่าฟันไม่ได้นำมาซึ่งประโยชน์ใด ๆ รังแต่จะทำให้ให้ความรุนแรงไม่รู้จบ
   สิ่งที่ควรฆ่าคือความเลวร้าย
    ความเลวร้ายในใจเรา ความเลวร้ายในใจเขา
   มิใช่คนเลวร้าย
   ตรงกันข้าม เราควรเผื่อใจและให้โอกาสเขา
   ด้วยความเชื่อที่ว่าเขาก็เหมือนกันกับเรา
   ในตัวเขามีทั้งด้านดีและร้ายผสมกัน
   ที่สำคัญ กาลครั้งหนึ่งเมื่อยังเป็นเด็ก
    เขาก็เคยบังคับหุ่นยนต์ตัวเล็ก ๆ ไปปราบปรามเหล่าร้าย—คล้าย ๆ กันกับเรา


   หรือ ลูกโป่ง ที่พยายามเตือนเราว่า...

   ลูกโป่งจึงเป็นสิ่งสำคัญในวัยเยาว์ เพราะมันสอนให้เราเรียนรู้ถึงสัจธรรมข้อใหญ่ในชีวิต
   นั่นคือการพลัดพราก
   การลาจาก
   และการสูญเสีย
   ในระหว่างนั้นมันยังกระซิบหลายสิ่งกับพวกเราตั้งแต่ยังเยาว์วัย มันบอกกับเราว่าสิ่งของสำคัญต้องดูแลมันให้ดีขณะที่มันยังอยู่กับเรา หลายสิ่งเมื่อได้จากไปแล้วย่อมมิอาจหวนคืนกลับมา
   จริงอยู่ที่ว่า เราสามารถออกตามหาลูกโป่งลูกใหม่ แต่มันก็ไม่ใช่ลูกเดิม


   แม้กระทั่ง ผ้าขีริ้ว ที่ครั้งหนึ่งอาจเคยเป็นเสื้อตัวเก่งของเรา ก็ยังมีข้อคิดดี ๆ แฝงอยู่

   ผ้าขี้ริ้วไม่ใช่สิ่งของที่สวยงาม ทว่ามันทำให้สิ่งของอื่น ๆ สวยงามยิ่งขึ้น
   มิใช้ผ้าขี้ริ้วหรอกหรือที่เช็ดฝุ่นออกจากตู้โชว์หรือที่เช็ดถูโต๊ะกินข้าวให้สะอาดสดใสหลังรับประทานอาหาร มิใช่ผ้าขี้ริ้วหรอกหรือที่นอนกลิ้งเกลือกเพื่อซับความสกปรกเวลาน้ำหก ขวดซีอิ๊วแตก
   คุณค่าของสิ่งของมิได้ขึ้นอยู่กับความสวยงาม
   ทว่าอยู่ที่ประโยชน์ที่มันได้มอบให้กับผู้ใช้สอย


   และสิ่งของหลายต่อหลายชิ้นที่พยายามสื่อสารกับเราด้วยเสียงกระซิบผะแผ่ว ทว่าเราไม่เคยใส่ใจที่จะฟัง

   อยากรู้ว่ายังมี สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา อื่นใด พยายามบอกอะไรกับเราอยู่นั้น ลองหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูนะคะ บ้างสิ่งที่มองข้ามไป บางอย่างที่ไม่เคยใส่ใจ หรือบางมุมที่หลงลืม อาจจะกรูกันเข้ามาทักทายให้สะกิดใจบ้างก็ได้ค่ะ







Create Date : 23 มกราคม 2556
Last Update : 23 มกราคม 2556 0:43:36 น. 9 comments
Counter : 4918 Pageviews.

 
เราชอบ ตอนที่เขียนถึงดินสอค่ะ :)


โดย: แฟนlinKinPark วันที่: 23 มกราคม 2556 เวลา:1:28:36 น.  

 
คุณแฟนlinKinPark :: หวานเย็นชอบหลายตอนเลยค่ะ แต่ที่เด่น ๆ สำหรับหวานเย็นน่าจะเป็น 'หุ่นยนต์' ค่ะ ชอบแนวความคิดของตอนนี้มาก ๆ เลยล่ะค่ะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 23 มกราคม 2556 เวลา:1:33:01 น.  

 
ชอบมุมมองของเขาที่นำสิ่งธรรมดาของคนทั่วไปมาเขียนซะ...ไม่ธรรมดา


โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 23 มกราคม 2556 เวลา:9:44:23 น.  

 
ไม่เคยอ่านเลยค่ะ เคยคิดมาตลอดว่าจะอ่านเข้าใจยาก ออกแนว วินทร์ เลียววาริณ ที่เราอ่านแล้วไม่เก็ต ... แต่อ่านจากรีวิวข้างบน สงสัยต้องหามาอ่านแล้ว เพราะดูเข้าใจง่ายดีจัง


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 23 มกราคม 2556 เวลา:9:58:09 น.  

 
ซื้อมานานแล้ว แต่ยังอ่านไม่จบ เลยครับบ

ต้องกลับไปอ่านเสียแล้ว
อิอิ



โดย: Sleeping_prince วันที่: 23 มกราคม 2556 เวลา:10:28:02 น.  

 
เราชอบเรื่องกุญแจ แล้วก็เรื่อง เทียนไข น่ะค่ะ จำได้แม่นเลยค่ะ
นิ้วกลมบอกว่า "กุญแจที่ไม่ใช่ ไขอย่างไรก็ไม่ออก"
และก็เรื่องที่บอกว่า "ในหนึ่งชั่วอายุ "ไข" เราใช้ "ไฟ" ที่มีไปทำอะไรกัน"

แต่ยังอ่านไม่จบเล่มเลยยังไม่ได้รีวิวเลย


โดย: narumol_tama วันที่: 23 มกราคม 2556 เวลา:15:11:53 น.  

 
คุณ ~:พุดน้ำบุศย์:~ :: เหมือนกันเลยค่ะคุณ ~:พุดน้ำบุศย์:~

คุณหัวใจสีชมพู :: เล่มนี้อ่านเข้าใจง่ายค่ะ ไม่ได้เน้นปรัชญาลึกซึ้งน่ะค่ะ แต่อาศัยความเป็นก้นเองในการบอกเล่าเสียมากกว่าอะค่ะ

คุณ Sleeping_prince :: อ่านจบแล้วแวะมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะว่าชอบสิ่งของชิ้นไหนมากกว่ากัน

คุณ narumol_tama ::"กุญแจที่ไม่ใช่ ไขอย่างไรก็ไม่ออก"

ประโยคนี้ได้ใจไปเหมือนกันค่ะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 23 มกราคม 2556 เวลา:17:01:22 น.  

 
ปัจจุบัน ก็ยังอ่านไม่จบ เลลยครับ T_T

แวะเอาบัวบานหน้าที่ทำงานมาฝากครับ


โดย: Sleeping_prince วันที่: 29 มกราคม 2556 เวลา:9:16:41 น.  

 
คุณ Sleeping_prince :: ค่อย ๆ อ่านไปวันละสิ่งก็ดีเหมือนกันนะคะ จะได้ค่อย ๆ ซึมซับความมหัศจรรย์ของสิ่งธรรมดา

ขอบคุณสำหรับดอกบัวนะคะ สวยจังค่ะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 29 มกราคม 2556 เวลา:22:05:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หวานเย็นผสมโซดา
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]




คนขี้เหงา...เจ้าน้ำตา
ใช้ชีวิตเหว่ว้าบนโลกกว้าง
ท่ามกลางความวุ่นวาย...สบายดี
New Comments
Friends' blogs
[Add หวานเย็นผสมโซดา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.