คืนกำไรให้ชีวิต เพื่อพิชิตไปในโลกกว้าง
space
space
space
<<
พฤษภาคม 2562
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
4 พฤษภาคม 2562
space
space
space

เราไปเที่ยวประเทศไต้หวันกัน ค่ะ (ตอน 4 ปิดทริป)

เราไปเที่ยวประเทศไต้หวันกัน ค่ะ (ตอน 4 ปิดทริป)

การไปเที่ยวประเทศไต้หวัน ที่ฉันได้เล่าสู่กันฟังไปแล้วทั้งหมด 3 ตอน
ตอนที่ 4 นี้  ก็จะเป็นตอนปิดทริปการเที่ยวประเทศไต้หวัน
ตอนที่ 4นี้  ก็เป็นการเที่ยว ในวันที่  22-23  พ.ค. ค่ะ  
วันที่ 22   วันนี้  ไม่เร่งรีบนัก เพราะโปรแกรมเที่ยวหาดเจ็ดดาว เราไป
เที่ยวเมื่อวานนี้แล้ว  จึงใช้เวลาเป็น  7:8:9  
หลังกินข้าวมื้อเช้าที่โรงแรมแล้ว   ไกด์ไมค์  ก็พาไปชมร้านขายหยก
ซึ่งร้านนี้  ใหญ่โตมาก  มีหยกที่แกะสลัก
เป็นรูปต่าง ๆ มากมาย เช่น  เป็นรูปพระสังขจายองค์ใหญ่มาก เป็นต้น
เมื่อไปถึง จะมีเจ้าหน้าที่ของร้านหยกมาต้อนรับ 
พาเข้าห้องไปฟังคำบรรยาย  มีการทดลองว่า หยกที่แท้จริงเป็นเช่นไร 
(ฉันรู้สึกว่า ไม่มีคนสนใจเท่าไหร่ รวมถึงฉันด้วย อิอิ)
เพราะแต่ละอย่างราคาแพงมาก ๆ  พวกเราส่วนใหญ่ ก็สนใจไปถ่ายรูป
กับหยกแกะสลักรูปต่าง ๆ ทั้งนั้น เดินชมของ
สวย ๆ งาม ๆ กัน ฉันไม่ทราบว่า มีคนซื้ออะไรบ้าง เรามาชมรูปถ่ายใน
ร้านหยกที่ฉันเก็บมาฝากดีกว่า ค่ะ  


เจ้าหน้าที่ของร้านมาต้อนรับและอธิบายถึงหยกที่ราคาแพง ๆ 


หยกในร้าน สวย ๆ งาม ๆ  ทั้งนั้นเลยค่ะ รูปนี้ น่าจะ น้องวารุณี ถ่ายให้



รูปนี้แกะสลักได้สวยงามมาก ๆ  ค่ะ 


พระสังขจายหยกขาวองค์นี้ งดงามมาก คนมาถ่ายรูปเยอะมาก คิวยาว


ขอสักรูป นะคะ  อิอิ


รูปเหล่านี่ ฝีมือน้องวารุณีถ่ายให้ค่ะ น้องเขามีน้ำใจอาสาถ่ายให้เลย ค่ะ


ของที่ระลึกเหล่านี้ พอจะซื้อไหวบ้าง เป็นของฝากได้ คิดว่า คงมี
คนซื้อไปฝากเพื่อน ๆ ที่ประเทศไทย อิอิ



 
ภาพนี้ก็ฝีมือ น้อง วารุณี ค่ะ 


รูปหมู่เพื่อนร่วมทริป รถบัสคันที่ 1 ค่ะ 


สองหนุ่ม เฮียวิภาคและ น้องเกษม  ล่าง สาวพัชรา  ค่ะ 


ภาพนี้  น่าจะเป็นหยกขาวแกะสลักรูปสิงโต  สีขาวใส สวยมาก

ออกจากร้านหยกแล้ว  ก็ต้องรีบไปสถานีรถไฟ  ขบวน 4177 เวลา
11.31-12.53 น.เพื่อเดินทางไปอี้หลัน
เป็นการนั่งรถไฟ เที่ยวเฉย ๆ ไม่ได้เห็นทิวทัศน์อะไรเลย  เพราะรถไฟ
ออกไปได้สักพัก คนขึ้นระหว่างทางมากมาย 
เสียงดัง อื้ออึงกันทั้งขบวน  ถ้าเราไม่ได้ขึ้นต้นทางก็ไม่ได้นั่งแน่นอน
คงพาพวกเรามานั่งรถไฟ ให้รู้ว่า ไต้หวัน มีรถไฟ 
หน้าตาเป็นเช่นไร มั้ง  เพราะไปถึง ก็ไปกินอาหารมื้อเที่ยง ไม่ได้ไป
เที่ยวไหนเลย น่ะนะ 


นั่งรอกันที่สถานีรถไฟ ค่ะ  


ขึ้นมาบนรถไฟแล้วค่ะ  เนื่องจากเราขึ้นต้นทาง มีที่นั่ง ค่ะ 


พวกที่ขึ้นสถานีอื่น ๆ ต่อไป ไม่มีที่นั่ง  บางคนนั่งกับพื้นเลย อิอิ


ไกด์ไมค์ คงจะมานับลูกทัวร์ มั้ง  อิอิ


หญิงชาวจีนคนนี้  คุยกับพี่นงค์ พอรู้ว่า พี่นงค์ อายุ 85 ปี ชมว่า
แข็งแรง และอายุใกล้เคียงกับแม่ของเขา เลยขอถ่ายรูปคู่
เพื่อนำไปให้แม่ของเขาดู  ค่ะ  เขาถ่ายกล้องของเขา แล้วถามหาลายน์
พี่นงค์ เพื่อจะได้ส่งให้พี่นงค์  พี่นงค์ ไม่มีโทรศัพท์ 
ไอดีลายน์ ก็จำไม่ได้  ฉันเลยแก้ปัญหาให้  โดยถ่ายรูปเขากับพี่นงค์
แล้วค่อยส่งให้พี่นงค์  ก็เป็นอันว่า  ต่างคนต่างมีรูปแล้ว ค่ะ 

ลงจากรถไฟแล้ว   ไกด์ไมค์ ก็พาพวกเราไปกินข้าวมื้อเที่ยงกัน  ค่ะ 


อาหารมื้อนี้  มีแตงโมให้กินด้วย  หวานอร่อยมาก  ค่ะ 

หลังอาหารมื้อเที่ยงแล้ว   ต้องเดินทางไกล เพื่อจะไปไทเป ระหว่าง
ทาง  ฝนตกด้วย  มีพายุ ลมแรงด้วย 
เดินทางหลายชั่วโมง แต่ก็แวะร้านขายขนม  เพื่อให้เข้าห้องน้ำและ
ซื้อขนมกันเหมือนทุก ๆ ครั้ง ค่ะ โปรแกรมวันนี้
คือ ไปเที่ยวหมู่บ้าน จิ่วเฟิ่น  ซึ่งถือว่า เป็นหมู่บ้านดัง ของไต้หวัน
เรามาทราบประวัติของหมู่บ้านนี้ สักเล็กน้อยค่ะ  

จากการค้นคว้าหาความรู้จากอินเทอร์เน็ต  เมืองจิ่วเฟิ่น (九份)ในอดีต
เป็นชุมชนที่มีอาชีพทำเหมืองทองของไต้หวัน 
เป็นเมืองโบราณในหุบเขา  อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไทเป  มี
ภูมิประเทศที่สลับซับซ้อน มีสถาปัตยกรรม
จีนโบราณที่เป็นเอกลักษณ์  ในสมัยที่เหมืองทองยังไม่ปิด เป็นเมือง
ที่มีผู้คนเข้ามาทำมาหากินมากมาย เป็นชุมชน
ที่ใหญ่ มีโรงเรียน  ผู้คนมุ่งหน้ามาทำมาหากินที่เมืองนี้มากมาย  แต่
ต่อมาเหมืองทองได้ปิดตัวลง  คนในชุมชน
ก็เริ่มทยอยกันออกจากเมือง จิ่วเฟิ่น  เมืองจึงร้างผู้คนไปหลายปี ต่อมา
รัฐบาลไต้หวัน ได้มาพัฒนาเมืองจิ่วเฟิ่น
จนกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างที่เห็นในปัจจุบัน  สองข้างทางของ
เมือง จะมีแต่ร้านค้ามากมาย  มีอาคาร บ้านเรือน
เก่า ๆ  ประดับโคมไฟสีแดง สดใส  มีร้านขายของ  ขายอาหารมากมาย
ซึ่งอาหารแต่ละร้าน จะเป็นสูตรเฉพาะของชาวจิ่วเฟิ่น
ขนมที่อร่อย ขึ้นชื่อ  เช่น บัวลอบเผือก มีทั้งร้อนและเย็น ตามแต่คนกิน
มีไอศกรีมสูตรเฉพาะ  มีลูกชิ้นปลาสูตรของคนที่นี่
ที่ว่าอร่อยมาก  โรตีสายไหม  น่าเสียดาย ฉันไม่ได้ชิมทั้งสามอย่าง  ได้
ชิมแต่บัวลอยเผือกน้ำขิง  เท่านั้น ค่ะ 
นอกจากนี้ ยังมีโรงน้ำชาที่มีชื่อเสียง  ตั้งอยู่บนเขาที่ลดหลั่นกัน เป็น
ทางลาด มีขั้นบันไดให้เดิน มีซอกซอย
มากมาย  แต่ฉันไม่กล้าเดินเลี้ยวไปไหนเลย  เดินตรงไปตามทางเดิน
เท่านั้น  กลัวจะหลงกลับไม่ถูก 

เป็นที่น่าเสียดาย  เรามาถึงที่นี่ ฝนตกหนักมาก  ลมก็พัดแรงมาก รถ
ก็ต้องจอดอยู่ด้านนอก  ถนนเฉอะแฉะ 
หลายคนไม่ไป  รอกันที่รถ  พี่นงค์ก็ไม่ไป  ฉันเลยพาแกไปส่งที่รถ
หลังจากที่พาแกไปปัสสาวะเสร็จแล้ว 
ฉันกับเกษม  พัช  ต้องเดินกันไปท่ามกลางสายฝนและลมแรง ฉัน
ไม่มีเสื้อฝน มีแต่ร่มเท่านั้น  ถนนที่จะเดินไป
ยังชุมชนที่มีร้านค้าขายมากมายนั้นก็แคบมาก  ต้องคอยเดินหลบรถที่
แล่นไปมา  ฝนก็ตก เปียกไปหมด แต่ก็สู้นะ 
ฉันเป็นคนเดินเร็ว เดินไปเดินมา  เกษมกับพัช หายไปแล้ว ไม่ได้เดิน
ตามหลังมาเลย  ฉันเลยเดินไปเอง จนถึงซอกซอย
โห !คนเดินกันขวักไขว่  สายฝน  พายุ ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวเกิด
ความย่อท้อเลย  ฉันเดินมาถึง ทางแยกซึ่งไป
ทางขวาได้ และเดินทางไปทางตรอก ซึ่งฉันเห็นว่ามีคนเดินเยอะมาก
และเป็นทางตรอกตรง ๆ ด้วย ถ้าเดินตรง ๆ ไป
เรื่อย ๆ จะได้ไม่หลงทาง  เดินไปถ่ายรูปไป ให้เห็นผู้คน  เห็นร้านค้า
ต่าง ๆ สองข้างทาง  ข้างบน มีโคมไฟสีแดง
สดใส ห้อยไว้มากมาย ดูสวยงามมากค่ะ 


ร้านค้าต่าง ๆ มากมายเลย ค่ะ 

เดินจนมาเจอกับไกด์ไมค์  วรรณ และน้องอีกคน  ใจชื้น มีเพื่อนแล้ว
เวลาเดินกลับจะได้ไม่หลง เพราะตอนนี้ น่าจะ
ใกล้เวลาที่นัดไว้แล้ว  เราให้ไกด์ไมค์ สั่งบัวลอยน้ำขิง 1 ถ้วย กิน
กัน 3 คน  เพราะถ้ากินกันคนละชาม  กินไม่หมดแน่
เพราะเขาขายชามใหญ่ ชามละ 50  เหรียญ  ฉันออกเงินไปให้ไมค์
50 เหรียญไปช่วยซื้อมากิน เพราะคนเข้าคิวเยอะ
พวกเรานั่งรอกันในร้านที่มีที่ว่างแล้ว  ตั้งใจจะเลี้ยง  แต่วรรณและ
น้องที่มาด้วยไม่ยอม ให้หาร 3  งั้นก็ต้องตามใจเขา 


กินบัวลอยเผือด รสชาติอร่อยสมคำเล่าลือ  ให้ไมค์ถ่ายรูป 1 รูป
หลังจากนั้น  เราก็เดินทางกลับ  เพราะเหลือเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
น้องเดินหาร้านที่มีของที่เขาอยากซื้อ (เพื่อนฝาก)
แต่ปรากฏว่า ถามหลายร้านแล้ว ไม่มีของที่เขาจะซื้อ  เขายังต้องการ
เดินหาอีก  แต่ฉันกับวรรณ บอกน้องว่า 
ขอไปก่อนนะ  เพราะใกล้เวลาที่นัดหมายแล้ว  ฝนก็ยังตกอยู่  ลมก็แรง
ถนนแคบ และเฉอะแฉะมาก รถก็สวนกันเยอะแยะ
เดินต้องคอยระวังรถทั้งรถทัวร์ รถเก๋ง  ทำไมรถทัวร์อื่นเข้ามาได้ แต่รถ
เราเข้าไม่ได้ก็ไม่รู้  เดินไปไกลมาก ทางก็มืด ๆ 
ฉันกับวรรณ  เดินมาถึงสุดทาง จำได้ว่า ตอนขามา มีขึ้นบันไดด้วย และ
อยู่ใกล้ ๆ ห้องน้ำที่เราไปปล่อยทุกข์กัน 
เราหาทางไปทางบันไดนั้นไม่เจอ  วรรณ บอกว่า เดินขึ้นทางที่มีรถทัวร์
จอดอยู่ดีกว่า  แล้วก็โชคดี  พอดีเจอเพื่อนทัวร์
รถบัสเดียวกันยืนอยู่ที่รถบัสคันของเรา  เฮ้อ ! รอดตัวไป ไม่หลงและ
ไม่ต้องเดินหารถบัสเราแล้ว  
ไมค์เช็คจำนวนคน  ซึ่งยังไม่ถึงรถหลายคนอยู่  ว่าจะไปห้องน้ำ ก็เกรง
ว่า  คนที่มาทีหลังมาแล้ว  เขาจะต้องคอยเราอีก
อีกอย่าง ห้องน้ำเดินไปทางไหน ก็ยากที่จะมองเห็นแล้ว  เพราะตอนนี้
มืดมาก แถมฝนก็ตกไม่หยุด ตัวฉันเปียกไปหมด
เวลาล่วงเลยไปเกินเวลาที่กำหนดนัดหมายแล้ว  ก็ยังเหลืออีกสองคน
ที่ยังมาไม่ถึง เวลาเกินไปมากกว่าปรกติ 
ทุกคนเริ่มกังวลใจ  คิดว่า คงต้องหลงทาง แน่นอน  ไมค์ได้ไปเดินหา
ที่หมู่บ้านจิ่วเฟิ่น  มีการโทรศัพท์  โทรลายน์ 
แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างไร  เวลาผ่านไปน่าจะประมาณหนึ่ง
ชั่วโมง  คนขับรถก็มาแจ้งว่า  เขาได้รับโทรศัพท์
จากตำรวจว่า  รถคันเรามีคนหลงทาง ขณะนี้ อยู่ที่โรงพัก เฮ้อ ! โล่งอก
ไป  ทุกคนปวดปัสสาวะมาก ๆ แต่ก็ต้อง
อดทนอย่างมาก เวลานี้ เลยเวลาร้านอาหารที่จัดอาหารเตรียมให้เรา
นั้น  เขาจะปิดร้านสองทุ่ม  เราต้องเร่งทำเวลา 
มิฉะนั้น คืนนี้ อดกินข้าวมื้อเย็น  อิอิ  ไปถึงที่พัก  ต้องเดินไปกินข้าว
อีกไกลเหมือนกัน  ร้านก็ยังใจดีรอพวกเรา 
พวกเราไปถึงประมาณเกือบสองทุ่มครึ่งแล้ว  กินเสร็จก็มีปัญหาอีก 
เจ้าคนขับรถ ไปยอมมาจอดหน้าโรงแรม ไปจอดที่
ลานจอดรถ แถมไม่ยอมเอากระเป๋าออกจากใต้ท้องรถให้พวกเราอีก
ตัวเองไปกินข้าวก่อนพวกเราเสียอีก  เออ! ทำไม
มาเสียคนเอาตอนใกล้ปิดทริปหนอ  อ้างว่า มาจอดที่ลานแล้วจะขับ
ไปที่หน้าโรงแรมจะต้องเสียเงิน 200 เหรียญ
ทุกคนแสดงความไม่พอใจกันทั้งนั้นกับพฤติกรรมของเขา  ไกด์ไมค์
ได้แต่ปลอบใจว่า ที่จะมาให้จอดรถหน้าโรงแรมนั้น
เป็นธรรมเนียมต้องเสีย 200 เหรียญ เป็นความจริง   เอ้า ! ถ้ารู้เช่นนั้น
ทำไมไม่จอดหน้าโรงแรมเสียแต่ครั้งแรก 
แล้วค่อยไปจอดในลานจอดรถล่ะ  รถบัสคันอื่น ๆ เขาก็มาส่งลูกทัวร์
ก่อนที่หน้าโรงแรมแล้วจึงไปจอดที่ลานจอด
ในที่สุดได้ข่าวว่า  เหล่าซือควักเงิน 200  เหรียญ จ่ายไป  เขาจึง
ขับรถมาจอดให้ที่หน้าโรงแรมและเอากระเป๋า
พวกเราลงจากรถ หลายคนบอกว่า  อย่างนี้ไม่น่าช่วยซื้อยาหม่องที่เขา
นำมาขายให้ลูกทัวร์เลย  อิอิ เสียงแว่วมาอีกว่า
ไม่ต้องเก็บค่าทิบให้ตอนพวกเรากลับ  (แต่ในที่สุด เหล่าซือ สงสารก็
เดินเก็บจากลูกทัวร์  คนก็ให้เพราะเห็นแก่หน้าเหล่าซือ 
แต่ก็คงให้นิดหน่อย  เพราะเหล่าซือบอกว่า ให้ตามแต่พอใจ  ฉันเหลือ
เหรียญอยู่ 4-5 สิบเหรียญ ก็เทกระเป๋าให้หมด 
ก็คงได้สักสองสามร้อยเหรียญมั้ง  เดาเอาน่ะ )


คืนนี้เราพักที่โรงแรม In  House Yehliu  โรงแรมสวย ใช้ได้ค่ะ 
คืนนี้  ค่อนข้างเหนื่อยมาก  เพราะโดนฝน  เดินเยอะ  ถึงโรงแรมก็ดึก
ต้องเตรียมจัดกระเป๋า แยกใส่กระเป๋าเป้
ที่เราจะหิ้วขึ้นเครื่องอีก  เพราะพรุ่งนี้ เที่ยวอีกสองแห่งมั้ง  แล้วก็กลับ
ประเทศไทยแล้ว ค่ะ  

วันที่ 23 พ.ค.   6:7;8   วันนี้หลังอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว  มีเวลาเหลือ
ก่อนขึ้นรถ  เจอน้องวารุณี  เลยได้รูปที่โรงแรมด้วย 


บริเวณโรงแรมที่พักเมื่อคืนนี้ ค่ะ 


นี่ เป็นรูปของน้อง วารุณี ค่ะ (คนตัวสูง ค่ะ)


น้องชวนออกไปถ่ายรูปนอกโรงแรม 




ใกล้ ๆ โรงแรม  เดินออกไปไม่ไกลนัก เป็นทะเล ค่ะ เราสองคนไป
ถ่ายรูปกันที่นี่  3-4 รูป 



ลมแรงมากเลย ค่ะ 


ทิวทัศน์สวยงามมาก  แต่เราไม่กล้าเดินไปไกล เพราะกลัวจะเลยเวลา
ที่นัดกัน  คือ  9.00 น.   แต่กลายเป็นว่า
9.00  น. ไมค์จะพาไปชายหาดที่ตอนเช้า ฉันไปกับน้องวารุณี  ฉันก็
นึกว่า มีเพียงชายหาดแค่นั้น  ที่แท้ ไม่ใช่
มีเพียงเท่านั้น  เขาเดินไปที่อุทยาน เย่หลิ่ว  ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงาม ฉัน
ไม่รู้  นึกว่า มีเพียงชายทะเลที่ตอนเช้าไปกับน้องวารุณี
เท่านั้น  เลยไม่ได้ไปกับเขาด้วย  ซึ่งก็มีหลายคนไม่ได้ไป ประกอบกับ
ฝนตกปรอย ๆ  ฉันก็น้ำมูกไหล เป็นหวัดอยู่
เลยนั่งคุยกันกับพี่นงค์  และคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ไปอีก  4-5 คน สักพัก 
วรรณ เกษม ก็เดินกลับมานั่งคุยกันที่โต๊ะ
ของโรงแรม เกษมบอกว่า  ตรงนั้นมีหินรูปเหมือน คลีโอพัตรา แย่งกัน
ถ่ายรูป เขาก็เคยไปแล้ว เลยไม่ได้เดินไปถึง
คนที่ไปก็บอกว่า  ทางเดินลำบากเหมือนกัน  ฉันก็เลยเก็บรูปคนที่ไป
จากกลุ่มลายน์ไต้หวันมาลงให้เท่านั้น ค่ะ  



พวกที่ไม่ได้ไป อุทยานเย่หลิ่ว  เยอะเหมือนกันนะนี่  


ที่จริงก็สวยและแปลกดี  เสียดายไม่ได้ไปชมเอง 


หินก้อนนี้มั้ง ที่เหมือน คลีโอพัตรา ที่เกษมเล่าว่า  คนจีนก็มาเที่ยว
และเกิดการแซงคิวคนอื่น มีการทะเลาะกันด้วยเมื่อมาเที่ยวครั้งที่แล้ว



ดาราหน้ากล้อง หน้าแฉล้มแช่มช้อยทั้งนั้น    อิอิ   

จากที่นี่แล้วก็เดินทางไปต่อ  ไมค์พาไปละลายทรัพย์ที่ร้านขายเครื่อง
สำอาง   มีคนจีนอธิบายคุณสมบัติตัวเครื่องสำอาง
แต่ละตัว แล้วก็มีคนไทยแปลเป็นภาษาไทยให้พวกเราฟังอีกทีหนึ่ง 
แต่ละอย่างแพง ๆ ทั้งนั้น  ทาปุ๊บ สวยปั๊บ  ห้าห้า 
แล้วก็ให้พวกเราไปให้เขาทดลองเครื่องสำอางของเขาว่า จริงไหม 
มีผู้กล้าหาญขึ้นไปให้บีเอ แต่งหน้าให้  
ฉันเหลือเงินสองพันเหรียญ  ยังไม่พอซื้อครีมกันแดดที่หมายตาไว้
ตั้งแต่เขาแสดงสินค้าของเขาแล้ว 
จากราคา น่าจะสามพันเหรียญ  ลดแล้ว เหลือ สองพันสองร้อยกว่า
เหรียญมั้ง  ไม่พอซื้อเลยสักอย่าง ห้าห้า 


โฉมหน้า คนกล้าหาญที่ให้บีเอ แต่งหน้าให้ ค่ะ อิอิ


แต่งเสร็จแล้วให้กระจกเงามาส่องดูความงาม ค่ะ 


งานนี้ คนที่กล้าหาญมากที่สุด  รูดบัตร ค่ะ  น้องวารุณี  เสียไป 1 ชุด
ดูเหมือนสองหมื่นกว่าบาท มั้ง จำไม่แม่น อิอิ
คนอื่น ๆ ฉันไม่ทราบ  บีเอ ก็มาเชิญชวนฉันไปซื้อบ้าง  ฉันเลยบอก
ไปเล่น ๆ ว่า ฉันสนใจครีมกันแดดนะ  แต่เงินไม่พอ
ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่ สองพันเหรียญ   แต่ครีมกันแดดลดแล้ว มัน
สองพันสองร้อยกว่า ถ้าขายสองพัน
ฉันก็จะซื้อ  บีเอ คนนั้นก็ไปถามคนที่อธิบายสรรพคุณของเครื่อง
สำอาง  เขาบอกว่า ลดไม่ได้อีกแล้ว 
ฉันก็ตอบว่า ลดอีกไม่ได้ก็ไม่เอา  เพราะมีเงินอยู่เพียงเท่านั้น สักพัก
ใหญ่ ๆ  ปรากฏว่า  บีเอคนที่มาชวนฉันซื้อนั้น
ก็กลับมาบอกฉันว่า ผู้จัดการเขายอมขายให้ในราคา สองพันเหรียญ
อิอิ  เลยได้ในราคาพิเศษ  เสียเงินจนได้ 
มีน้องอีกสองคนมั้ง  พอรู้ว่าได้ราคานี้  ก็ดูเหมือนซื้อด้วย   ทำให้ขาย
ได้เป็น 3 กระปุก  กำไรน้อยหน่อย  แต่ขายได้
ปริมาณมากกว่า ดีกว่า ขายไม่ได้เลย  แสดงว่า ผู้จัดการรู้หลักการค้า
ได้ดีกว่า คนที่อธิบายสรรพคุณ ของเครื่องสำอาง เนาะ 

เสียเงินจากที่นี่แล้ว  ก็สบายใจดี  กระเป๋าตังค์ตอนนี้เหลือแต่เศษ
เหรียญเท่านั้น  แล้วก็เงินดอลและบัตรเครดิต  ห้าห้า 
หมดเงินก็เลยออกมานอกร้าน รอคนที่ยังซื้อไม่เสร็จ   เห็นเหล่าซื้อ
กำลังสอนรำไท้เก๊กให้น้องสุภาพร อยู่ เลยถ่ายรูปให้


เหล่าซือสอนรำไท้เก็ก  ค่ะ 
จากร้านเครื่องสำอางแล้ว  ก็ไปเที่ยวที่  ตึกไทเป  101 ซึ่งที่นี่ ฉันก็
เคยมาแล้วตอนมาไต้หวันครั้งแรกกับ ผอ.นพคุณ 
เป็นตึกชมวิว  ต้องเสียเงินคนละหลายตังค์เหมือนกัน  ปรากฏว่า ไม่มี
ใครเสียตังค์ขึ้นไปชมวิวเลย  อิอิ  ฉัน  พี่นงค์  วรรณ 
และเกษม ไปเดินห้างซึ่งอยู่ภายในตึกนี้แหละ  ปรากฏว่า มีขนมไส้
สับปะรดขาย เหมือนร้านที่ไมค์พาไปซื้อเลย  
แถมราคาถูกว่าอีกต่างหาก แค่  160  เหรียญ  ร้านที่ไมค์พาไปซื้อราคา
  180  เหรียญ  บ่นกันอุบเลย  ห้าห้า  มาชมรูปดีกว่า ค่ะ 


ผนังสวยค่ะ  คนมายืนถ่าย ก็สวย นะคะ  อิอิ




บรรยากาศบริเวณตึก ไทเป  101 ค่ะ  รอรถมารับ ก็ถ่ายรูปกันก่อน
รถมาแล้ว  พวกเราก็ขึ้นรถไปกินอาหารมื้อกลางวันกัน ค่ะ 


รายการอาหารมื้อเที่ยง มากมายเหมือนเดิม ค่ะ แต่ก็เกลี้ยง ค่ะ 

กินเสร็จแล้ว  ก็พาไปละลายทรัพย์อีกแล้ว  ร้านนี้ ขายพวกสร้อย
ข้อมือ   สร้อยคอ  ซึ่งโฆษณาว่า  วัสดุ
ที่นำมาทำนั้น  สามารถป้องกันรังสีจากจอคอมพิวเตอร์  โทรทัศน์ จาก
โทรศัพท์มือถือ  พี่นงค์ ก็เชียร์ว่า  เพื่อนเขาก็บอกเช่นนี้
และแกก็จะซื้อด้วย  ก็เห็นว่า  สร้อยข้อมือ มันก็สวยดีนะ  ราคาลดแล้ว
เหลือ ถูกสุดในลายที่มีให้เลือก คือ 1900  เหรียญ
เงินก็ไม่มี  ต้องรูดบัตรเครดิตแล้ว ห้าห้า   เขาบริการตัดให้เลย ถ้ามัน
ยาวเกินข้อมือเรา เป็นอันว่า ฉันกับพี่นงค์ จ่ายไป
คนละ  1900  เหรียญ  พี่นงค์จ่ายเงินสด  ฉันจ่ายบัตรเครดิต  พอ
เดือนนี้บิลมาเก็บเงิน  กลายเป็น 2100  กว่าบาท ห้าห้า 


พนักงานขาย พูดไทยได้คล่องแคล่วไม่ต้องใช้ล่ามเลย


เสียเงินแล้ว ก็ไปถ่ายรูปของสวย ๆ งาม ๆ ในร้านของเขา ค่ะ 


สองรูปนี้  ฝีมือ น้องปุ๊  ค่ะ 
จากร้านนี้แล้ว  ก็ไปชมอนุสรณ์เจียงไคเช็ค  ที่นี่  น้องชาวไต้หวัน
ที่เคยมาเรียนภาษาจีนกับพวกเรา  เขามาดักพบ
พวกเราด้วย  แถมมาขอตัวพี่นงค์ไปดูแลเอง  เพราะเวลาเรียน แกนั่ง
กับพี่นงค์หรือไงไม่ทราบ  ฉันก็บอกเขาว่า 
ต้องเดินช้า ๆ นะ เพราะท่าทางน้องคนนี้เขาทำอะไรฉับไว มาก พี่นงค์
ก็งง ๆ ดูเหมือนไม่ค่อยอยากไปหรือเปล่า อิอิ   
ฉันเลยมอบพี่นงค์ให้เขาไปเทคแคร์  เดินถ่ายรูปกันไป  ที่นี่ ฉันเลย
มาแล้ว  เลยไม่ตื่นเต้นอะไรมากมาย 
วันนี้ มีการแสดงทหารเปลี่ยนเวรยามด้วย  ถือว่าเป็นไฮไลท์ ที่มี
โอกาสได้เห็น นั่นเอง  ต้องไปเข้าแถวเพื่อขึ้นลีฟต์


รอลีฟต์ขึ้นไปดูทหารผลัดเวร  ค่ะ 


รูปเจียงไคเช็ค ค่ะ มีทหารเฝ้าและจะมีการแสดงตอนผลัดเปลี่ยนเวร 



สองภาพนี้ฝีมือ น้องปุ๊ ค่ะ 
จากที่นี่แล้ว ไมค์ก็พาพวกเราไปเดิน แถว ซีเหมินติง   ที่นี่  เป็นแหล่ง
ช้อปปิ้งของวัยรุ่นไต้หวัน รวมทั้งนักท่องเที่ยว
เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไต้หวัน  มีฉายาว่า
"ฮาราจูกุ"  แห่ง ไทเป  ฮาราจูกุ  คือแหล่งช้อปปิ้ง
ของวัยรุ่นญี่ปุ่นใน มหานครโตเกียว  ซีหมิงติง เป็นแหล่งกำเนิดแฟชั่น
ของหนุ่มสาวชาวไต้หวัน  มีแฟชั่นที่มา
จากญี่ปุ่นมากมาย  ที่นี่ มีตรอก ซอกซอยจำนวนมาก ให้นักท่องเที่ยว
ได้เดินชมร้านค้าต่าง ๆ  ซึ่งมีทั้งเสื้อผ้า  ของใช้ 
ร้านอาหารมากมาย ให้ได้ชมอย่างเพลิดเพลิน ค่ะ 


 ไมค์  อธิบาย จุดนัดพบ โดยให้ดูสีของเสาเป็นหลัก จะได้ไม่หลง



ถ่ายรูปหมู่กันก่อน จะแยกย้ายไปเดินช้อปปิ้ง ค่ะ 
พวกเรา มีพี่นงค์  เกษม และวรรณ  เดินกันไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดจะ
ซื้ออะไรหรอก  เพราะเงินในกระเป๋าเหลือแต่เหรียญ
นับแล้วประมาณถึงร้อยไหม ยังไม่รู้  ห้าห้า  เดินมาถึงร้านขนม เจอ
คนไทยที่มาจากเชียงราย มาขายของที่นี่
พวกเราเลยอุดหนุน  เพราะมีขนมประมาณ 100 เหรียญ  พี่นงค์เหลือ
เศษน่าจะ 30-40 เหรียญเทให้ฉันด้วย
รวมกับของฉัน ได้เยลลี่ ลิ้นจี่ 1 ห่อ  ห้าห้า  ส่วนเกษมและวรรณ ก็เท
เงินที่เหลือและยืมพี่นงค์ไปน่าจะ 300 เหรียญ
เพื่อซื้อขนมร้านนี้ไปฝากเพื่อนบ้านเขา  เพราะร้านนี้ราคาถูกและ
ชิมแล้ว คุกกี้อร่อยด้วย ค่ะ 
เดินที่นี่ น่าจะประมาณ 1 ชั่วโมง   ก็ไปกินอาหารมื้อเย็น ซึ่งเป็นอาหาร
ชาบูไต้หวันค่ะ  เดินไปถึงร้านนี้ไกลเหมือนกัน 


นี่คือ  หน้าตาของ ชาบูไต้หวัน ค่ะ มีหมูสไลด์กับผักเท่านั้น แต่ให้
เยอะมาก  ที่เห็นนี่ กินคนเดียวค่ะ ของใครของมัน ห้าห้า 


อาหารมื้อนี้  เป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่มาเที่ยวไต้หวัน ค่ะ  ถือเป็นมื้อ
ใหญ่อีกมื้อหนึ่ง ค่ะ  หลังอาหารมื้อนี้แล้ว  
ไมค์ ก็พาพวกเราไปส่งที่สนามบิน  จัดการเรื่องการชั่งน้ำหนักกระเป๋า
ออกตั๋วเครื่องบิน จนเป็นที่เรียบร้อย

ก่อนจะอำลาจากกัน  ก็มีการถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก ค่ะ 


หน้าตาทุกคน ชื่นบาน แจ่มใส  มีความสุข จะได้กลับประเทศไทย
อันเป็นที่รักของเราแล้ว ค่ะ 


ทริปเที่ยวไต้หวัน  ก็ได้จบลงแล้ว ค่ะ  พวกเรามาถึงประเทศไทยโดย
สวัสดิภาพ  รอตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋า
เดินทางกันแล้ว  ก็มีการอำลากันไปตามปรกติของการเที่ยว ค่ะ  ฉัน
กับพี่นงค์และพัช  จะไปกับพี่นงค์  ซึ่งพี่นงค์ได้ชวน
กลับกับเขาด้วย  เพราะลูกเขยของเขาจะมารับที่สนามบิน  พัชขอ
ติดรถมาลงที่บ้านฉัน  เพราะเครื่องมาถึง
สนามบิน เกือบตีสอง  กว่าจะตรวจและรับกระเป๋า ก็เกือบตีสามแล้ว
พัช จะไปพักที่บ้านฉันก่อน  ให้ใกล้รุ่งอีกหน่อย
ค่อยเรียกแท็กซี่มารับที่บ้านฉัน  จะได้เสียค่าแท็กซี่น้อยลงไป เพราะ
ขาไปจากบ้านเขาไปฝั่งธน เกือบห้าร้อยบาท 
แต่ถ้าจากบ้านฉันไป ค่ารถลดไปมาก  พัชบอกฉันเช่นนั้น ค่ะ  ที่จริง
ถ้าพี่นงค์ไม่ชวนแต่แรกว่า  ขากลับ เขาจะให้
ลูกเขยเขาแวะมาส่งฉันที่บ้าน  ฉันคงใช้รถ ลีมูซีน เหมือนตอนขาไป
ตอนนี้เลยเหลือ บัตร วีไอพี รถลีมูซีนอีก หนึ่ง เที่ยว
ลูกเขยพี่นงค์  เห็นหน้าพี่นงค์เป็นรอยเขียว ซ้ำ ก็ตกใจเป็นห่วง ถาม
ใหญ่เลยว่า  แม่เป็นอะไร  ไปโดนอะไร หาหมอหรือยัง
ทำไมเขียวซ้ำอย่างนั้น  ทำเอาต้องอธิบายกันยกใหญ่ว่า  ไปหาหมอ
แล้ว  หมอให้ยามาทาแล้ว  ลูกเขยเลยคลายกังวล
เฮ้อ ! เห็นพี่นงค์ มีลูกเขยเป็นห่วงเป็นใย  ก็ดีใจด้วย  ที่ลูกหลานดี
กับแก  แต่จะดีกว่านั้น  ถ้าแกอยากไปเที่ยว
ที่ไหน  ควรจะพาแกไปและไปเป็นเพื่อนแกด้วย จะดีกว่านี้ ค่ะ เพราะ
คนอายุมาก ๆ  ลูก ๆ ควรจะสละเวลาพาแกไปเที่ยว
ในที่ต่าง ๆ ที่แกอยากไปค่ะ  นี่เป็นความคิดส่วนตัวของฉัน ค่ะ 
ขอจบทริปไต้หวันเพียงแค่นี้ ค่ะ ถ้าโลกกลม 
เราคงมีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก นะคะ   





 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2562
24 comments
Last Update : 24 มิถุนายน 2562 18:44:05 น.
Counter : 1415 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณ**mp5**, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณnewyorknurse, คุณNior Heavens Five, คุณtuk-tuk@korat, คุณhaiku, คุณเจ้าหญิงไอดิน

 

แวะหลายร้านเลยค่ะ ต้องใจแข็ง ๆ เลยนะคะ อาจารย์ บางทีต่อราคาแล้วไม่นึกว่าเค้าจะให้ อ้าว ให้ซะนี่ เลยต้องเสียตังค์เลยค่ะ

ไปเที่ยวไหน แดดออกหนูสู้ตายค่ะ เพราะถ้าฝนตกนี่จบเลย เดินยากเฉอะแฉะไปหมด ถ่ายรูปก็ไม่ได้

คุณวารุณี น่ารักดีค่ะ อาสาถ่ายรูปให้ตั้งเยอะ ไปเที่ยวก็น่าจะมีรูปเป็นที่ระลึกบ้างนะคะ บางทีหนูก็ลืม ถ่ายวิวมาซะเยอะไม่ค่อยมีรูปตัวเองเลยค่ะ

จริงค่ะ ถ้าลูกหลานจะห่วงซะขนาดนี้ พาแม่ไปดูแลใกล้ ๆ ดีกว่าปล่อยแกไปคนเดียวดีกว่านะคะ

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 24 มิถุนายน 2562 19:41:50 น.  

 

โหวตครับอาจารย์

กิน เที่ยว ช็อปปิ้ง
ครบครันเลยครับ
ที่เที่ยวก็น่าสนใจ
มีทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์

เสียดายคนขับมีงอแงนะครับ
งานบริการไม่น่าทำแบบนี้เลย

 

โดย: กะว่าก๋า 24 มิถุนายน 2562 19:55:04 น.  

 

สวัสดีดึกๆครับ อาจารย์สุ
มาเที่ยวไตหวันด้วยครับ
อุทยานเย่หลิ่ว หินแต่ะก้อนสวยงามแปลกตาครับ
กองทัพเดินด้วยท้อง อาหารแต่ละมื้อต้องเกลี้ยงครับ 555



 

โดย: สองแผ่นดิน 24 มิถุนายน 2562 23:55:44 น.  

 

หยกนี่เราก็ดูไม่เป็นด้วย แต่หลายๆ ที่ในจีนชอบโฆษณานะครับว่าหยกของเขาเอามาจากพม่า (คาดว่าคงมีชื่อเสียงจริงๆ ในแผนดินใหญ่)

ถ้าเป็นอันเล็กๆ ก็พอขนได้ แต่ถ้าอันใหญ่ๆ นี่เลิกฝันได้เลย ด้วยน้ำหนักที่มาก และราคาที่สูง คงไม่ได้ขนกลับไทยแน่นอน

ฝนตกนี่น่าเบื่อจริงๆ ครับ ทำให้ความสนุกในการท่องเที่ยวลดลง 70% เลย ดูแล้วอาจารย์เปียกเละแน่นอน

หลงทางเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับคนขับ บางทีมันก็จะมีเรื่องให้ชวนไม่ประทับใจเหมือนกัน แต่มันก็น่าว่าเขาจริงๆ แหละครับ มีพาไปร้านขายสินค้าเยอะอยู่เหมือนกันนะครับ

ตึก ไทเป 101 ใครไปถึงแล้วยังไงก็ต้องแวะล่ะนะ

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 25 มิถุนายน 2562 0:54:02 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 25 มิถุนายน 2562 6:41:10 น.  

 

เที่ยวใต้หวันตอนจบแล้วนะคะ
พี่มาตามเที่ยวด้วย ชอบหยกมากๆเลย
ถ้าไปด้วยคงอยู่ตรงนี้นานมาก
แต่ก็ไม่เคยซื้อหยกเลยค่ะ แค่ชอบดู
เป็นการเที่ยวที่มันมากจริงๆนะคะ
แต่ก็มีวินัยในการใช้เงินจริงๆ ด้วย
เตรียมไปแค่ไหนใช้แค่นั้น ไม่บานปลาย
ขนาดซื้อขนมกลับมาด้วยยังเทเหรียญที่มีซื้อ
เยี่ยมมากๆค่ะ

พี่มีดาวพิษบทที่ 9 แล้วค่ะ

 

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 25 มิถุนายน 2562 10:27:17 น.  

 

แก้คำผิดค่ะ ไต้หวัน นะคะ
เดี๋ยวโดนครูหักคะแนน

 

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 25 มิถุนายน 2562 10:29:10 น.  

 

มาร่วมปิดทริปกับอาจารย์ค่ะ

 

โดย: sawkitty 25 มิถุนายน 2562 17:53:12 น.  

 

ภาพ street art แบบนี้ คนชอบถ่ายรูปสนุกสนานกันใหญ่ค่ะ โชคดีว่าวันที่หนูไปคนไม่ค่อยเยอะนะคะ

หนูเป็นคนถ่ายเลยไม่ค่อยมีรูปค่ะอาจารย์ อีกอย่างหนูไม่ค่อยชอบอยู่หน้ากล้องด้วยล่ะค่ะ 555

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 25 มิถุนายน 2562 19:47:42 น.  

 

แหะๆ ทีแรกก็นึกเหมือนอาจารย์ค่ะ แต่มานึกอีกที
อเก็ตต้าคงนึกว่า เลือดที่บี้ออกมาจากตัวเรือดนั้น
คือเลือดของเธอเอง เอ่อ พูดแล้วก็ยังอั้ยหยาอยู่ดีนะคะ

ขอบคุณที่แวะไปร่วมบันเทิงบ้าง อั้ยหยาบ้างค่ะ
ขอบคุณกำลังใจด้วยค่ะ

 

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 25 มิถุนายน 2562 19:52:08 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

เนื้อหาในเล่มนี้
ก็คล้ายกับที่ผมไปพูดในนักศึกษาฟังเลยครับ
เพียงแต่ส่วนใหญ่ที่ไปพูดในหนังสือเล่มนี้
เป็นคนดังทั้งหมดเลยครับ 555

แต่ละคนพูดกันเก่งมากครับ
ได้แง่คิดอะไรดีดีเยอะมากเลยล่ะครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 25 มิถุนายน 2562 20:01:04 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์


 

โดย: กะว่าก๋า 26 มิถุนายน 2562 6:43:52 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมเองก็ไม่ค่อยชอบชื่อไทยของหนังสือเล่มนี้ครับ
ผมว่าไม่ค่อยเข้ากับเนื้อหาในเล่มเลย
เหมือนหนังสือพ่อมดแม่มดครับ 555



 

โดย: กะว่าก๋า 26 มิถุนายน 2562 11:31:23 น.  

 

สวัสดียามเย็นๆ...ค่ะคุณครู^^

ตามคุณครูมาเที่ยวและช็อปปิ้งที่ไต้หวัน ด้วยค่ะ...

 

โดย: สันตะวาใบข้าว 26 มิถุนายน 2562 16:30:04 น.  

 


สวัสดีค่ะอจ.
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ

 

โดย: newyorknurse 27 มิถุนายน 2562 1:55:07 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 27 มิถุนายน 2562 6:57:47 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ชีวิตของโอปราห์
ผมว่ายิ่งกว่าละครหลังข่าวในบ้านเราอีกครับ
ครบรสมากๆ
ทั้งเศร้า เจ็บปวด
จนเจิดจรัส ร่ำรวย
เป็นชีวิตที่น่าทึ่งมากๆครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 27 มิถุนายน 2562 14:26:16 น.  

 

ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
อาจารย์เดินกันเก่งมาก
ตุ๊กชอบที่ได้ไปช็อป ไปชิม แต่ยังไม่เคยไปไต้หวันเลย
แต่ไม่ซื้อหยกนะคะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 27 มิถุนายน 2562 20:10:22 น.  

 



สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 28 มิถุนายน 2562 6:35:05 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

งานซ่อมบ้าน
เป็นอะไรที่ต้องช่วยช่างดูด้วยนะครับอาจารย์
ไม่งั้นปล่อยช่างทำไปตามใจ่าง
สุดท้ายก็ต้องมาแก้งานอีก
บ้านผมก็โดนครับ
ได้ช่างชุ่ยมาซ่อมบ้าน
ปวดหัวเลยครับ 555

 

โดย: กะว่าก๋า 28 มิถุนายน 2562 14:59:17 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 29 มิถุนายน 2562 6:32:56 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

คำสอนเรื่องตายก่อนตาย
ผมอ่านเจอครั้งแรกจากท่านพุทธทาสครับ
และในต่อๆมาก็อ่านพบคำสอนนี้มากเป็นพิเศษ
ในคำสอนของพุทธสายธิเบตครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 29 มิถุนายน 2562 11:06:26 น.  

 

ค่ะ ถ้าโลกมันกลม
เราจะได้ไปเที่ยวพร้อมกันค่ะ

 

โดย: เจ้าหญิงไอดิน 29 มิถุนายน 2562 15:02:56 น.  

 



สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 30 มิถุนายน 2562 6:33:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

space

BlogGang Popular Award#20


 
อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]




เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ

http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
space
space
space
space
[Add อาจารย์สุวิมล's blog to your web]
space
space
space
space
space