คืนกำไรให้ชีวิต เพื่อพิชิตไปในโลกกว้าง
space
space
space
<<
กุมภาพันธ์ 2566
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
space
space
17 กุมภาพันธ์ 2566
space
space
space

ทริปไปร่วมพิธีเบิกพระเนตร ชมซากุระ ดอยอ่างขาง (ตอนที่ 2 )

ทริปไปร่วมพิธีเบิกพระเนตร ชมซากุระ ดอยอ่างขาง (ตอนที่ 2 )

   ตอนที่ 1 ฉันจบทริปในวันที่ 12 ตอน 2 จะเริ่ม วันที่ 13  ค่ะ

วันนี้ต้องตื่นเช้าตามปรกติ เพราะเราจ้างรถเพื่อขึ้นไปเที่ยวดอยอ่างขาง
จะไปดูซากุระไทย ค่ะ นัดคนขับรถไว้ 7.00 น.
คนขับรถชื่อว่า พงษ์ราคารถ 1500 บาท ถ้าแวะที่อีกแห่ง เพิ่มอีก
200 บาท วันนี้ ค่ารถไปทั้งหมด  1700 บาท เพิ่ม 1 แห่ง
เช้านี้ จอยกับวรรณ ตื่นเสร็จไปหากาแฟ ไข่ลวกกินก่อน ฉันกบเอมเดิน
ไปรวมตัวกัน ฉันขอโอวัลติน 1 ถ้วย วรรณสั่งไข่ลวก
2 ฟอง กินไม่หมด เลยแบ่งให้ฉัน 1 ฟอง  มีปาท่องโก๋ อีกครึ่งตัว  พอ
อยู่ท้องได้ วันนี้ไม่กล้ากินยา 
     พงษ์ มาตรงเวลา คือ 7  โมง พวกเราขึ้นรถ เป็นรถโฟวิล ใช้เวลา
ประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็ไปชมซากุระสีขาว (เพิ่มเงิน)
ฉันก็เพิ่งรู้ว่า ซากุระ มีสีขาว เราต้องเดินลงไปตามทางลาด เพื่อไปชม
ซากุระสีขาว  มีนักท่องเที่ยวมาก่อนเราอยู่สองกลุ่ม
ทุกคนก็โพสท่าถ่ายรูปกันไป พวกเราก็ถ่ายรูป ส่วนใหญ่เอมจะถ่ายให้
ฉัน ตอนลงเป็นทางลาด  ไม่เมื่อยเท่าไร แต่ขาขึ้นซิ
เมื่อยหลังมาก ๆ เลย ระยะทางเดินขึ้นก็น่าจะเกือบกิโลมั้ง  เราอยู่ที่นี่
น่าจะประมาณ ครึ่งชั่วโมง  มาชมภาพ ซากุระ สีขาว



นี่คือ  ต้นซากุระสีขาว  มีไม่มาก นัก ค่ะ 

   จากซากุระ สีขาวแล้วน่าจะเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง แล้วเดินทางต่อ   ชม
ไร่สตรอเบอรี่  และซื้อ สตรอเบอรี่ แพงเหมือนกัน
แต่เขาบอกว่า ไร่เขาไม่ใส่ยากล่องละ 150 กล่องเล็ก 100 บาท
จอยซื้อเป็นพันเลย ส่วนฉันซื้อแบบแห้ง แพงมากนะ
กล่องละ 150 บาท ฉันต่อเขา 3 กล่อง 400 ยาท เขาก็ยอมขายให้
แม่ค้าเป็นชนเผ่า ชื่อเผ่าอะไร จำไม่ได้
พูดเก่งมาก และเขาก็มีมารยาทดีนะ ให้คนขับรถที่พาเรามาซื้อ 1 กล่อง
เล็กด้วย  มาชมสตรอเบอรี่ เป็นแบบครึ่งบันได 
เขียวขจี สวยดี ค่ะ มาชมภาพ ค่ะ

 

นาขั้นบันได และไร่ สตรอเบอร์รี่  ค่ะ 

ซื้อเสร็จก็เตรียมไปชมซากุระอีกที่หนึ่ง  ซึ่งมีต้นซากุระสีแดง และสวน
ดอกไม้ ดอกไม้สีสันสดใส แต่มีอุปสรรคเล็กน้อง
  รถผ่านไม่ได้  เพราะต้องรอผู้ตรวจราชการและครอบครัว เพื่อนฝูงที่
ติดตามมา รอขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ต้องรอให้ทั้ง 3 ลำ
บินไปก่อน เสียเวลารอ ประมาณ 15 นาทีได้ นะ หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินแล้ว รถต่าง ๆ ที่จอดอยู่
บริเวณนั้น ก็ทยอยกันออกรถไป พวกเราได้ไปชมซากุระ อีกที่หนึ่ง
ปลูกไว้ตลอดถนนทั้งสองฝั่งเลย ค่ะ
มีคนมาถ่ายรูปกันมากมายอีกฝั่งหนึ่ง ก็มีแปลงดอกไม้หลากหลาย
สีสันชวนเดินชม หลายแห่งอยู่ค่ะ ฉันกับเอม
เดินถ่ายรูปกันตามมุมต่าง ๆ เอมจะเป็นคนถ่ายให้ ส่วนเอมเอง จะถ่าย
ให้เขาเขาไม่เอา ยกเวันบางแห่งที่เขาชอบ
  มาชมภาพดอกไม้สวย ๆ กัน 




นี่คือ ดอกซากุระ สีชมพู  เข้มบ้าง อ่อนบ้าง 

















ที่เห็นเป็นดอกกุหลาบกลุ่มใหญ่  คือ กุหลาบพันปี  พงษ์บอก ค่ะ 



ดอกไม้ในสวน สีสันสดใส ดอกโตมาก ค่ะ เสียดายไม่ปักชื่อไว้ 



ต้นไม้  ดอกไม้ที่อยู่ในสวน  ค่ะ 





เฮลิค้อปของข้าราชการผู้ใหญ่ ทำให้เราเสียเวลาประมาณ 15 นาที

พงษ์พาพวกเราไปชมแปลงผักของโครงการเกษตร  พวกเราก็เข้าไป
ชมพันธุ์ไม้ต่าง ๆ  บางต้นมีชื่อ ก็ถ่ายชื่อมาด้วย
บางแปลงก็ไม่ได้มีชื่อบอกไว้ พันธุ์ไม้ที่นี่ มีหลากหลายมาก  มาชม
ภาพกัน ค่ะ 


 




 
เที่ยวเป็นแหล่งสุดท้าย  ก่อนออกจากดอยอ่างขาง พงษ์แนะนำพวกเรา
ถ่ายกับป้ายดอยอ่างขาง ให้พงษ์ถ่ายพวกเรา
ห้า คน (รวมทูล) แล้วก็ให้พงษ์มาถ่ายรูปกับพวกเรา โดยให้ทูลเป็นคนถ่าย รูป กับป้าย 



 คณะของเรา มี 5 คน  รวมทูลขัยรถด้วย ค่ะ 



รูปหมู่ที่มี พงษ์  คนที่เราเช่ารถของเขาไป ค่ะ 

 ก่อนกลับขึ้นรถ เห็นมีคนขายอะโวคาโด โลละ 40 บาท เลยซื้อไว้
2 โล จากนั้น ก็กลับที่พัก ร้านบะหมี่อาหัว
เจ้าของบ้านที่เรามาพัก มีลูกสาวสวยชื่อ อาหลิน พูดไทยชัดเจน  มาถึง
ก็ประมาณเกือบเที่ยว  ชวนพงษ์ กินบะหมี่ด้วย 
สั่งบะหมี่แห้งกินกัน  รสชาติก็อร่อยโดยไม่ต้องเติมเลย  มีผักดองให้
แกล้มด้วยรสชาติเหมือนกิมจิ  เขาขายกิโลละ
80 บาท ฉันกับเอมซื้อคนละครึ่งกิโลกลับบ้านด้วย เที่ยงครึ่งพวกเรา
ก็ออกเดินทาง ไปชมวัดที่สวยงาม ชื่อว่า
  วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน” อ.แม่แตง เชียงใหม่ ความงดงาม
อลังการด้วยศิลปล้านนาประยุกต์
มาถึงวัดนี้  อากาศร้อนมาก ๆ  มีคณะทัวร์มาเที่ยวที่วัดนี้ ด้วยค่ะ   
มาทราบประวัติของวัดนี้ ค่ะ   

วัดบ้านเด่น เดิมชื่อวัด “หรีบุญเรือง” สร้างเมื่อ พ.ศ. 2437 บริเวณที่ตั้ง
เป็นเนินเขาเตี้ยๆ ซึ่งเป็นที่สูงกว่าพื้นที่ในหมู่บ้าน
ภายใต้เนินเขามีถ้ำซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านละแวกนั้นมี
ความเคารพนับถือจึงเรียกว่า “วัดบ้านเด่น”ครูบาไชยา
วัดป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้มาเป็นองค์ประธาน
ริเริ่มก่อสร้างวัดบ้านเด่น ได้กราบอาราธนานิมนต์
ครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล วัดหัวคง ตำบลขัวมุง อำเภอสารภี จังหวัด
เชียงใหม่ มาเป็น ประธานในการก่อสร้าง
ศาสนสถานและศาสนสมบัติทั้งหมดภายในวัดตลอดจนถึงปัจจุบัน
วัดนี้ เป็นวัดสวยงาม ด้วยศิลปล้านนาประยุกต์
ตั้งเด่นบนเนินเตี้ยๆเห็นได้แต่ไกล ภายใต้เนินนั้นเป็นถ้ำศักสิทธิ์ที่ชาว
บ้านนับถือ จึงเรียกกันว่า “วัดบ้านเด่น”
เป็นวัดที่มีความวิจิตรงดงามตระการตาด้วยศิลปสถาปัตยกรรมไทย
ล้านนา ภายใต้แนวคิดที่ว่าให้เป็นสถานที่พักผ่อนทางจิตใจ
มากกว่าการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา จึงเป็นธรรมกุศสโลบาย ใน
การสร้างวัดให้งดงาม เพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้าวัด
ชมความสวยงามที่แฝงไว้ด้วยคติธรรม เป็นการชักนำชาวโลกยุคนี้
ให้ใกล้ชิดศาสนา และซึมซับในคำสอนของ
องค์พุทธศาสดา พร้อมๆไปกับการเที่ยวชมพุทธสถานแห่งนี้ และยัง
เป็นสถานที่นมัสการพระธาตุประจำปีเกิดทั้ง 12 ราศี


วัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน มี อุโบสถ หอไตร หอกลอง วิหารเสา
อินทขิล กุฏิไม้สักทองทรงล้านนา พระวิหาร
พระสถูปเจดีย์ โดยครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล(พระครูไพศาลพัฒนโกวิท)
วัดหัวคง ตำบลขัวมุง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
ได้รับนิมนต์จาก ครูบาไชยา วัดป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัด
เชียงใหม่มาเป็นประธานในการก่อสร้างศาสนสถาน
และศาสนสมบัติทั้งหมด ภายในวัดตลอดจนถึงปัจจุบัน ด้วยความที่
ท่านเป็นพระที่มีปฏิปทา น่ากราบไหว้ แม้ท่าน
จะมีอายุไม่มากนัก แต่ก็ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากผู้คนทั่วไปร่วม
ถวายปัจจัยสมทบทุนสร้างศาสนสถานที่
สวยงาม และยิ่งใหญ่ เป็นที่รู้จักของผู้คนจากทุกสารทิศในเวลาไม่นาน
วัดบ้านเด่น ฯ มีเกจิอาจารย์ดัง คือ ครูบาเทือง นาถสีโล
ประวัติความเป็นมาของครูบาเทือง นาถสีโล(พระครูไพศาลพัฒน
โกวิท)เจ้าอาวาส วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแกน 
อ.ในด้านการปฏิบัติ ครูบานับเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งที่เข้าถึงธรรม โดยวิธี
ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเคร่ง ครัด โดยเฉพาะ
วิปัสสนากรรมฐาน ในด้านการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ครูบาเสียสละ
ปัจจัยไทย ธรรมที่มีผู้ถวาย บริจาคช่วยเหลือ
แก่ส่วนราชการ องค์กร ชมรม สโมสร ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะ ชาว
ไทยภูเขา ตั้งแต่ข้าว ผ้า ยา บ้าน การศึกษา น้ำประปา
ไฟฟ้า ถนนหนทาง มากมายมหาศาล “เป็นพระต้องพูดจริง ต้องทำจริง
และต้องรู้จริง” เป็นคติธรรม ที่ครูบาเทืองยึด
ปฏิบัติเรื่อยมาผลจาก ความจริงที่ท่านบำเพ็ญ เพียรภาวนา ทั้งปริยัติ
ปฏิบัติ ปฏิเวช เทศนา พัฒนาชุมชนบน
พื้นฐานของข้อ วัตรปฏิบัติที่ปราศจากการใส่ร้ายป้ายสี โจมตีบีทา
ครูบารักษาศีล ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน ฝึก 
สอนใจตนเอง ตลอดเวลาแม่แตง จ.เชียงใหม่ พระสงฆ์ที่มีปฏิปทา น่า
กราบไหว้ สงบเสงี่ยม หากจะประมวลภาพรวม
ความเป็น ครูบาของท่าน จะได้ดังนี้ “ครูบาอ่อนน้อมถ่อมตน-ฝึกฝน
ปฏิบัติ-เคร่งครัดพระธรรมวินัย-จิตใจสุขุมเยือกเย็น
-บำเพ็ญบารมี-ทำความดีเป็นนิจ-จิตเมตตาเสมอ”  สามารถสร้างศาสน
สถานถาวร วัตถุ ไม่แต่เฉพาะใน จ.เชียงใหม่ เท่านั้น
ทุกจังหวัดในภาคเหนือครูบา ได้ประดิษฐานพระพุทธ ศาสนาอย่างทั่ว
ถึงและมั่นคงท่านสร้างทั้งโบสถ์ วิหาร เจดีย์
พระพุทธปฏิมา ศาลากุฏิสงฆ์ ฯลฯ รวมทั้งการเสียสละสร้างศรัทธา
นำพาถูกต้องปรอง ดองให้เห็น ดีเด่นใน คุณธรรม
   วัดบ้านเด่นอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มาก ระยะทางประมาณ
สามสิบกว่า กิโล ตั้งอยู่ ตำบลช่อแล อ.แม่แตง
จ.เชียงใหม่  มาชมภาพที่ฉันนำมาฝาก ค่ะ
(ขอบคุณข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต)





ความงดงามของวัด บ้านเด่น

ออกจากวัดบ้านเด่น พวกเราก็ไปหาวัด ร่องกอก  ซึ่งเป็นวัดที่จะมีพิธี
เบิกพระเนตร เพื่อที่จะได้ไม่หลงทาง
ถามทางกันไปเรื่อย ได้คนใจดี เขาขี่จักรยานยนตร์ถามทางเขา  เขา
ใจดีขี่รถมอเตอร์ไซด์  นำทางไปให้จนถึงซอย
ที่จะไปวัดร่องกอก  พวกเราขอบใจเขามาก ถ้าไม่มีเขาเราก็คงวงเวียน
หาทางไม่เจอ เพราะทางที่จะไปวัด ไกลหลายกิโล
  สองข้างทางก็เป็นทุ่งนา  มีแยกเลี้ยวอีก  แต่ในที่สุด ก็หาวัดนี้  มีพระ
และคนช่วยงาน กำลังจัดสถานที่ที่จะทำพิธี
ในวันพรุ่งนี้  จอยลงไปคุยกับพระสงฆ์ที่ดูแลงานสักครู่   แล้วก็ขึ้นรถ
  ต่อไป ก็คือการหาที่พัก สำหรับคืนนี้  ใช้เวลา
หาเป็นชั่วโมง  ได้โรงแรมเอเซีย  คืนละ 500 บาท มีอาหารเช้าด้วย
ห้องอยู่ชั้นล่าง  ดีจัง ไม่ต้องขึ้นบันได 
หลังจากเข้าห้องพักแล้ว น่าจะทุ่มแล้ว  คืนนี้ ฉันอยากกินข้าวต้มกุ๊ย 
ถามคนแถวโรงแรม  เขาบอกทางให้  โห! เดินไกล
มากโขอยู่  ไปถึงร้านขายข้าวต้ม  คนเยอะมาก  เราต้องนั่งรอโต๊ะว่าง 
น่าจะประมาณ 15 นาที  จึงได้โต๊ะว่าง 
แล้วก็เริ่มเลือกอาหาร ฉันขอผักบุ้งไฟแรงยำผักกาดดอง  จอยสั่งอีก
หลายอย่างทั้งหมด  มีอาหารถึง 12-13 อย่าง
เพราะราคาไม่แพง และพวกเรากำลังหิว นั่นเอง  แต่พวกเราก็รอกันไม่
นาน อาหารที่สั่งก็ทยอยกันมา  เต็มโต๊ะ
ทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็หมดเกลี้ยง อิอิ 
อิ่มแล้วก็เดินกลับโรงแรม  เดินเสียเมื่อยขา
   วรรณ บอกว่า เราน่าจะพักที่โรงแรมนี้ทั้งสองคืน  จะได้ไม่ต้องหา
ที่พัก ทุกคืน ให้ฉันบอกจอย วรรณบอกว่า ให้เขาพูด
จอยก็ไม่ฟัง  ฉันก็บอกจอย  แต่เขาก็ไม่ยอม บอกว่า วันที่15 จะไป
ไม่ทันพิธีเบิกพระเนตร  เขาจะหาโรงแรมหรือ
บ้านพักที่ใกล้วัด เฮ้อ ! เอม อาสาพูดอีกคน  ก็ไม่มีผล เพราะจอย
ไม่เปลี่ยนใจ  

    วันที่  14 ฉันตื่นแต่เช้าเหมือนทุกวัน  กินอาหารตอนเช้าแล้ว ฉันก็
กลับห้องเพื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ นัดรถออก 8 โมงเช้า
ฉันลากกระเป๋าลงลีฟมา ทูลยกกระเป๋าใส่หลังรถ  เช้าวันนี้ เราไปวัด
สุสานไตรลักษณ์ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อเกษม อยู่
  พวกเราลงไปกราบพระ  เป็นวัดที่มีชื่อแปลกดี ค่ะ 
     มาทราบเรื่องราวของวัดสุสานไตรลักษณ์  ค่ะ 

วัดสุสานไตรลักษณ์ ตั้งอยู่ที่ 831 ตำบล ต้นทุนชัย อำเภอเมืองลำปาง
ลำปาง เป็นวัดที่มีสังขารของหลวงพ่อเกษม
อยู่ในโลงแก้ว  ซึ่งสังขารของท่านไม่สลายไปเหมือนคนอื่น ๆ ถึงแม้
ท่านจะละสังขารไป เมื่อที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539
เวลา 19:40 น.รวมสิริอายุ 84 ปี (64 พรรษา)​ ปัจจุบันคือพื้นที่
ศักดิ์สิทธิ์แห่งศรัทธาที่ใครได้แวะเวียน
จังหวัดลำปางต่างเข้ากราบสักการะสถานที่สำคัญ 
ประวัติของหลวงพ่อเกษม หรือ ครูบาเจ้าเกษม เขมโก เดิมมีนามว่า
เจ้าเกษม ณ ลำปาง ประสูติ เมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2455  เป็นบุตรในเจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง ภายหลังเปลี่ยนนามสกุล
ใหม่เป็น มณีอรุณ รับราชการเป็นปลัดอำเภอ
กับ เจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง และเป็นราชปนัดดาในเจ้าบุญวาทย์วงษ์
มานิตเจ้าหลวงผู้ครองนครลำปางองค์สุด
เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งเป็นการบรรพชาหน้า
ศพ บวชหน้าไฟ ของเจ้าอาวาสวัดป่าดั๊ว 7 วัน
ได้ลาสิกขาและท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรอีกครั้งเมื่ออายุ 15 ปีและ
จำวัดอยู่ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาานได้ศึกษา
ด้านพระปริยัติธรรมจนสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ในปี พ.ศ.2474
และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปีถัดมา
โดยมีพระธรรมจินดานายก เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร อดีตเจ้าคณะ
จังหวัดลำปางเป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า
"เขมโก" แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม โดยพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก
ได้ศึกษาภาษาบาลีที่สำนักวัดศรีล้อม
ต่อมาได้ย้ายมาศึกษาแผนกนักธรรมที่สำนักวัดเชียงราย ต่อมาปี พ.ศ.
2479 ท่านสามารถสอบได้นักธรรชั้นเอก 
ท่านเรียนรู้ภาษาบาลีจนสามารถเขียนและแปลได้ รวมทั้งสามารถแปล
เป็นภาษาบาลีได้เป็นอย่างดี แต่ท่านไม่ยอมสอบเอาวุฒิ
จนครูบาอาจารย์ทุกรูปต่างเข้าใจว่าพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก
ไม่ต้องการมีสมณะศักดิ์สูง ๆ เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการ
ศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของ
พระบรมศาสดาเท่านั้น เมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติธรรมแล้ว ท่านแสาะ
แสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญ
ในด้านวิปัสสนา จนกระทั่ง ท่านทราบข่าวว่ามีพระเกจิรูปหนึ่งมีชื่อเสียง
ในด้านวิปัสสนา คือ ครูบาแก่น สุมโน ท่านจึงฝากตัว
เป็นศิษย์ ท่านได้ตามครูบาแก่น สุมโน ออกท่องธุดงค์ไปแสวงหาความ
วิเวกและบำเพ็ญเพียรตามป่าลึก จนถึง
ช่วงเข้าพรรษาซึ่งพระภิกษุจำเป็นต้องยุติการท่องธุดงค์ชั่วคราวท่านจึง
ต้องแยกทางกับพระอาจารย์ 
และกลับมาจำพรรษาที่วัดบุญยืนตามเดิม พอครบกำหนดออก ก็
ติดตามอาจารย์ออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนา
ต่อมา เจ้าอธิการคำเหมย เจ้าอาวาสวัดบุญยืน มรณภาพลง ทางคณะ
สงฆ์ได้ประชุมกันเพื่อหาเจ้าอาวาสรูปใหม่
และต่างลงความเห็นพ้องต้องกันเห็นควรว่า พระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก
มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าอาวาส
เมื่อท่านได้รับเลือกเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ท่านก็ไม่ยินดียินร้าย แต่
ท่านก็ห่วงทางวัดเพราะท่านเคยจำวัดนี้ ท่านเห็นว่า
ถือเป็นภารกิจทางศาสนาเพราะท่านเองต้องการให้พระศาสนานี้ดำรงอยู่
จึงยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน
หลังจากนั้นท่านก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสหลายครั้ง
เนื่องจากท่านอยากจะออกธุดงค์ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
ดังนั้น ท่านจึงออกจากวัดบุญยืนไปที่ศาลาวังทานพร้อมเขียนข้อความ
ลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสไว้ด้วย
หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสายวิปัสสนา ไม่ยึดติดแม้แต่สถานที่
ท่านได้ปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ตลอดชนชีพ 
เป็นพระที่เป็นที่เคารพสักการะของคนในจังหวัดลำปางและทั่วประเทศ
ท่านปฏิบัติศีลบริสุทธิ์ตามพระธรรมคำสั่งสอน
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่ติดยึดในกิเลสทั้งปวง 

เมื่อไปถึงวัดจะพบรูปปั้นหลวงพ่อเกษมขนาดใหญ่ที่สังเกตเห็นได้จาก
ถนน ภายในบริเวณมีมณฑปลักษณะเป็นอาคาร
ทรงไทยประยุกต์มีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อเกษม เขมโกเกจิอาจารย์
ซึ่งมีผู้เคารพนับถือเป็นจำนวนมาก นั่งขัดสมาธิ
ขนาดเท่ารูปจริง สังขารหลวงพ่อเกษม เก็บรักษาเอาไว้ในโลงแก้ว
ในห้องกระจกบนมณฑป             
    สุสานแห่งพลังศรัทธาหลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านเป็นเกจิอาจารย์
ชื่อดัง ในเมืองลำปาง เป็นที่รู้ของคนลำปาง
และคนในพื้นที่อื่น ถึงแม้ท่านจะละสังขาร ไปแล้วแต่ก็มีผู้คนมากราบ
ไหว้ท่านและให้ความเคารพเพื่อความเป็นสิริมงคล
แก่ตนเองและครอบครัว

สถานที่แห่งนี้ยังมีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ พระเครื่อง ซึ่งไม่ใช่
เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่ต้องการมีไว้ในครอบครอง
เพื่อเป็นที่พึ่งพาทางจิตใจ ยังมีชาวต่างชาติที่ต้องการพระเครื่อง
เช่นกัน เพราะเชื่อกันว่าเป็นวัตถุมงคลที่มี
พุทธคุณทางด้านเมตตาและแคล้วคลาด รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้าต่างเชื่อ
กันว่าจะทำให้ค้าขายดี ร่ำรวย 
ติดต่อค้าขายง่ายขึ้น ไม่ติดขัดในหน้าที่การงาน



วัดสุสานไตรลักษณ์   หลวงพ่อเกษม 

หลังจากที่กราบหลวงพ่อเกษมที่หน้าวัด  ซึ่งเป็นรูปปั้นองค์สูงใหญ่ 
เดินดูรอบ ๆ วัด ไปกราบหลวงพ่อเกษม มีคนมา
ทำสังฆทานเมื่อเขาไปแล้ว  เราก็ไปกราบพระสงฆ์ที่นั่งอยู่นั้นท่านก็
ให้ศีลให้พร  แจกสายสิญจน์  และบอกว่า
  พรุ่งจะมีการจัดงานทำบุญวันครบรอบการละสังขารของหลวงพ่อเกษมจะร่วมกันทำบุญก็ลงไปชั้นล่าง 
เขียนชื่อเราที่ทำบุญ  ฉันเขียนชื่อ ทั้งพี่เสริม เยาว์ จ๋า  ฉัน  ใส่ซองไป
100 บาท   แล้วพวกเราก็ไปห้องน้ำ สวยมากสะอาดด้วย  ค่ะ

 ออกจากวัดนี้แล้ว  ก็ไปเที่ยวศูนย์ฝึกช้าง  ซึ่งต้องซื้อตั๋วเข้าไปชมการ
แสดงของช้าง  อายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่ต้องเสียงค่าตั๋ว
  วรรณ เสียงคนเดียวเพราะอายุยังไม่ถึง 60 ปี ส่วนทูลไม่เข้า รู้สึก
ต้องเสียค่ารถที่เราขับเข้าไปยังปางช้าง 
เราไปถึงนั้น  แค่ เก้าโมงกว่า ที่นี่ช้างแสดงตอน 10.30 น.เลยเดิน
ชมบริเวณ รอบ ๆ  ถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ 
 วันนี้เป็นวันเด็กด้วย  มีเด็ก ๆ มาเที่ยวกัน  ผู้ปกครองพาเด็กมา  ในนี้มี
ร้านอาหาร ร้านขายของเล่น
ที่นี่ มีจัดกิจกรรมให้เด็กที่มาเที่ยว เช่น  การวาดรูป  การจับฉลาก
เป็นต้น  ส่วนจอยและวรรณ อยู่ที่ร้านอาหาร 
จัดของกินกับน้ำดื่ม  เจอฉันเลยเรียกฉันไปร่วมวงด้วย  มีราดหน้า
กับยำมาม่า มั้ง  
   ถึงเวลา 10.30 น. ก็มีการพาช้างไปอาบน้ำ เล่นน้ำ มีที่ขายอาหาร
ช้าง เช่น อ้อย กล้วย ตะกร้าละ 50 บาท
ฉันซื้อเลี้ยงช้างด้วย  ให้จอยถ่ายรูปให้ด้วย ช้างอาบน้ำเสร็จ ก็พาช้าง
ไปยังลานกว้าง มีแสตน ให้คนมานั่งชมช้างแสดง
ที่นี่ การแสดงโดยให้คนชมว่า ช้างที่ฝึกมานั้น ทำอะไรได้บ้าง เช่น การ
หมอบ  คลาน ตามคำสั่งของควาญช้าง
ให้ช้างลากซุง  ฯลฯ  มาชมการแสดงของช้าง ค่ะ 





ช้าง ไปอาบน้ำ  เล่นน้ำ แสดงการพ่นน้ำ  ค่ะ 



บริเวณของปางช้าง  





ซื้ออ้อย กล้วย เลี้ยงช้าง ค่ะ 









รอบ ๆ ปางช้าง ค่ะ 



ฝึกช้างให้ส่งบอลให้เด็กรับบอล



ฝึกออกคำสั่งให้ช้างหมอบ คลาน  

หลังจบการแสดงของช้างแล้ว  พวกเราสั่งอาหารที่ขายในปางช้าง
แหละ  ราคาไม่แพงนัก  จานละ 60 บาท
เป็นอาหารตามสั่ง ค่ะ ฉันน่าจะสั่งผัดซีอิ๊วแต่ละคนก็สั่งตามคนละอย่าง
อร่อยใช้ได้ ต่อไป ก็เสียเวลาในการหาที่พัก
หลายชั่วโมง  ก็ไม่ได้เรื่อง เสียค่าน้ำมันเปล่า ๆ ในที่สุด ก็ต้องกลับไป
พักที่โรงแรมเอเซียเหมือนเดิม ไปครั้งนี้ ไม่ได้ห้องเดิม
ไปอยู่ชั้นสามเสียแล้ว ยังดีที่มีลีฟให้ขึ้นไม่ต้องเดือดร้อนทูล  เราพัก
ผ่อนอยู่ในห้องแล้วนัดกันว่า  บ่าย 3 โมง
จะออกเดินทางไปร่วมพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดิน  เตรียมการเบิกพระ
เนตรพระพุทธรูป 2 องค์ คือ องค์เชียงแสน
และองค์ หลวงพ่อโสธรที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง ห่างจากปะรำพิธีไป
หลายร้อยเมตรอยู่ ค่ะ
         
เรามาถึงวัด ได้ข่าวว่า  หลวงพ่อแหลม แห่งวัดที่ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นคน
ชวนจอยมาร่วมพิธีครั้งนี้  มาร่วมพิธีเบิกเนตรไม่ได้แล้ว 
ต้องรีบกลับฉะเชิงเทราเพราะว่าน้องชาย
ถึงแก่กรรมกระทันหัน  พวกเราไปถึง  ทางเจ้าหน้าที่และชาวบ้านกำลัง
ช่วยกันยกของมาทำพิธีบวงสรวงไว้ที่โต๊ะนอกปะรำพิธี
  ซึ่งมีบายศรี มีหัวหมู ผลไม้หลายอย่าง มุมโต๊ะ มีกล้วยเป็นเครือ
  ของจอยก็ร่วมกล้วย 1 เครือ ที่ซื้อไปจากริมทาง
ก่อนเข้าวัด และมีส้มอีก 1 ถาด ค่ะ ที่งานต้นผ้าป่าตั้งอยู่  ซึ่งจะทอด
ผ้าป่าในวันรุ่งขี้น  ฉันติดผ้าป่า 100 บาท
ส่วนของเยาว์ จ๋า พี่เสริม เสียบไม้ให้อธิษฐานให้ ไม้ละ 20 บาทค่ะ 



กลางคืนมีการฉลององค์ผ้าป่า



การจะทำพิธีเบิกพระเนตร  กลางคืนจะมีการนำวัสดุสีขาว ๆ คิดว่า
น่าจะเป็นสีผึ้งปิดที่พระเนตร จมูก และปากด้วย



ด้านนอกของปะรำพิธี  จะตั้งโต๊ะและอาหาร หมูเห็ดเป็ดไก่ ผลไม้
บายศรี กล้วยเป็นเครือ  ค่ะ 





เริ่มพิธีสวดมนต์เกือบสามทุ่ม เลยเวลาในกำหนดการมากเลยค่ะ 



ช่วงห้วค่ำ  คนมานั่งฟังสวด มีไม่มาก ค่ะ 





เจ้าอาวาส จากวัดที่ ฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีสวดมนต์

น่าจะห้าโมงเย็นได้แล้ว  เขามีอาหารที่ชาวบ้านหรือเจ้าภาพทำมาหรือ
ไงไม่ทราบ  เขาประกาศให้ไปกินข้าวมื้อเย็น
  เสร็จแล้ว  พวกเราก็ไปนั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเขาจัดเก้าอี้ไว้ให้นั่งฟังพระ
สวด เป็นการสวดพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดิน มั้ง
  มีการปักธูปที่อาหารที่นำมาบวงสรวงด้วย  หลังจากฟังสวดเสร็จแล้ว  ฉันจึงไปปักธูปที่กระถาง  ขอพรให้ตัวเองและเพื่อน ๆ
ที่ฝากเงินทำบุญมาด้วยทุกคน ปักธูปที่อาหารค่ะ 



โต๊ะบวงสรวงเทวดา  ค่ะ 
       
   กำหนดการของวัดที่ฉันได้รับจากจอย  แต่ไม่ได้ตรงตามกำหนดการ 
เช่น กำหนดการแจ้งว่า  4โมงเย็น พิธีบวงสรวง
แต่บวงสรวงเอา 5 โมง  ฟังสวดมนต์ว่าจะสวดสองทุ่ม ก็ไม่ตรง สวด
มนต์เอาเกือบ 3ทุ่ม ก่อนการสวดมนต์ 
 มีพระสงฆ์รูปหนึ่ง  นำของ (เหมือนแป้งหรือขี้ผึ้ง )นำไปป้ายพระเนตร
จมูก และปากของพระพุทธรูปที่จะทำพิธีเบิกเนตร
ในวันพรุ่ง คือกำหนดการว่าจะมีพิธีประมาณ 7 โมงเช้า แต่ก็ไม่ตรง
ตาม  เบิกพระเนตร เอาตั้งแต่ 6 โมงเช้า 
พวกเราเลยไม่ได้เห็น
พิธีเบิกพระเนตรในขั้นตอนนี้  มาทันเฉพาะการทอดผ้าป่าและใส่บาตร
เท่านั้น คืนนี้น่าจะประมาณ ทุ่ม  ก็มีการฉลององค์ผ้าป่า 
มีขบวนแห่กลองยาวนำด้วย  ชาวบ้านมาช่วยกันยกองค์ผ้าป่าสององค์ 
 ชาวบ้านก็มาร่ายรำ เดินเวียนรอบโบสถ์ มั้ง
  ฉันไม่ได้ตามไปดู ถ่ายรูปคนมาร่วมฉลองเท่านั้น  เพราะมันมืดแล้ว  
      รูป แห่ผ้าป่า  กว่าพระที่นิมนต์มาจะขึ้นนั่งอาสนะ
เพื่อสวดมนต์  ก็น่าจะเกือบสามทุ่ม ก่อนการสวดมนต์ ก็มีการเชิญ
เจ้าภาพ บุคคลสำคัญที่เขามาในงานนี้
เพื่อไปจุดเทียน ด้วย  มีเจ้าอาวาสที่มาจากฉะเชิงเทรา  คอยประกาศ
ให้เจ้าของผ้าป่าหรือคนที่ทำบุญมากหรือไง
ได้รับเชิญไปจุดเทียน จุดหลายแห่งในบริเวณใกล้เคียงกัน น่าจะเชิญ
ไปประมาณ 3-4 คน เรานั่งเก้าอี้ อยู่ในปะรำพิธี
ตอนนี้ ชาวบ้านและคณะที่มาจากฉะเชิงเทรา เริ่มทยอยมาฟังสวด จาก
ตอนต้นมีคนหลอมหรอม  ดึกหน่อยค่อยทยอยกันมา
จึงดูอบอุ่มใจขึ้น   ประมาณ 3 ทุ่ม เอมบอกว่า  "ฉันไม่ไหวแล้ว  ขอตัว
ไปก่อน แล้วก็ลุกออกจาก ปะรำพิธีไป  ส่วนฉัน
จอยและวรรณ  นั่งฟังต่อไปสัก 15 นาที  ซึ่งก็เป็นเวลา 3 ทุ่มครึ่ง   เรา
ก็กลับที่พักที่โรงแรมเอเซีย  

วันที่ 15 ซึ่งเป็นวันที่มีกำหนดการว่า จะมีการสวดธรรมจักร  เบิก
พระเนตรและทอดผ้าป่า  พวกเราจึงออกจากโรงแรม
ไม่ได้กินข้าวเช้าเลย  มุ่งหน้าไปวัดแต่อย่างที่บอกไว้ข้าต้น กำหนดการ
นั้นเปลี่ยนแปลงไปหมด  พวกเราไปถึง
พิธีเบิกพระเนตรก็เสร็จไปเรียบร้อยแล้ว  พิธีทอดผ้าป่าก็กำลังจะเสร็จ
พิธี แล้วเหลืออย่างเดียวคือ พระสงฆ์เดินรับบาตร
  เราไม่ได้เตรียมอะไรมา  นอกจากส้มที่ซื้อมา  เลยนำมาใส่บาตร ช่วย
กันใส่  (ฉันกับเอมร่วมบุญกับจอยคนละ 500 บาท)
ใส่บาตรเสร็จ พวกเราก็ไปกินข้าว  มีข้าวต้มเหลือนิดหน่อย กินกันหิว
ลงท้องไปเล็กน้อย  ไปกราบลาท่านเจ้าอาวาส
  และเจอเจ้าอาวาสวัดที่มาจาก ฉะเชิงเทรา และเป็นประธานในงานพิธีเบิกพระเนตรครั้งนี้เลยได้กราบลาท่านอีกรูปหนึ่ง
ท่านถามว่าพวกเรามาจากไหน ก็ตอบท่านไป จากนั้นท่านก๊ไปขึ้นรถตู้
กลับ ฉะเชิงเทรา
       พวกเราไปจุดธูปไหว้หลวงพ่อโสธร ซึ่งตอนนี้  เบิกพระเนตรแล้ว
มีดวงตา (เมื่อวาน ดวงตาไม่มีสีดำ
วันนี้มีแล้ว คือ เบิกพระเนตรแล้ว นั่นเอง) เอม ต้องการจะห่มผ้าองค์
หลวงพ่อโสธรตามที่เพื่อนเขาบอกมา
  ได้ซื้อผ้าดิ้นทองที่ลำปาง  ขอให้ทูลปีนขึ้นไป แต่เจ้าหน้าที่ที่เอม
ติดต่อไว้ รีบมาห้ามว่า  ต้องให้พระซึ่งเขา
นิมนต์มาแล้วเป็นผู้ห่ม ไม่ใช่ใครก็ขึ้นไปห่มได้  พระท่านก็ปีนบันไดขึ้น
ไปทำพิธีห่มองค์พระ ใช้เวลาน่าจะ 20 นาที
น่าจะได้ก็เสร็จเรียบร้อย  ฉันอยู่ด้านล่างก็ช่วยถ่ายรูปพิธีห่มองค์พระ
  ไม่รู้เอมทำบุญใส่ซองเท่าไร เจ้าหน้าที่ที่นิมนต์พระมา
ก็ได้รับเงินจากเอม  น่าจะร้อยบาท มั้ง  ทางวัดมีการแจกข้าวทิพย์ที่
กวนข้าวทิพย์แจกคนมาร่วมงานด้วย 
พวกเราก็ได้รับแจกเหมือนกัน  มีทั้งใส่กล่องเล็ก ๆ แต่มีน้อย ฉันได้มา
1 กล่อง และมีประเภทใส่ถุงพลาสติค 
ฉันหยิบมาสองห่อเล็ก มาฝากเพื่อนบ้านด้วย 



ใส่บาตรตอนเช้า ค่ะ 



ตอนต้น เอมให้ทูลขึ้นไปห่มองค์  เจ้าหน้าที่บอกว่า การนี้ต้องเป็นกิจ
ของสงฆ์ สักพัก พระสงฆ์ที่เจ้าหน้าที่นิมนต์มา





ห่มเสร็จแล้ว  พวกเราก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก 

น่าจะประมาณ 9 โมง  พวกเราก็ขึ้นรถออกจากวัดร่องกอก  แล่นรถไป
เรื่อย ๆ ไปแวะปั๊มน้ำมัน  มีอาหารขายด้วยชื่อ ครัวเสบียง
  ฉันกินข้าวต้มกุ้ง หวานเหลือเกิน แต่กุ้งเขาสดดี  อิ่มจากที่นี่แล้ว 
พวกเราก็เดินทางต่อไป ไปแวะตลาดมูซู 
จังหวัดตาก  มีพวกเผ่ามูซู นำของจากไร่ จอยซื้อของมากมาย คงจะไป
แจกลูกน้องที่โรงงาน ฉันซื้อผักกาด ถั่วและ คะน้า
3 อย่าง 50 บาท ซื้อหอมแดง 30 บาท    ว่าจะกินข้าวเที่ยงที่สิงห์บุรี 
แต่จอยก็เปลี่ยนใจ ไปกินร้าน นายตี๋เหมือนเดิม
  สั่งก๋วยเตี๋ยวกิน คนละชาม  จอยต้องเข้าร้านขายขนม เพราะว่าเรา
จอดรถในที่ของเขาไม่งั้นต้องเสีย 50 บาท
แต่ถ้าซื้อขนมร้านเขาก็จอดฟรี  จากนครสวรรค์ เราก็ไม่ได้เที่ยวเลย
มุ่งเข้ากรุงเทพฯ  มาถึงกรุงเทพฯ ส่งเอมก่อน 
จอยได้แบ่งลูกชิ้นให้ฉันและเอม คนละถุง น่าจะประมาณ 30 กว่าลูกมั้ง
ส่งเอมแล้วก็มาส่งฉันที่บ้าน  ทูลช่วยยกกระเป๋า
เข้าบ้านและของที่ฉันซื้อมาที่บ้าน อำลากันไป ต่างคนต่างกลับบ้าน
        ทริปนี้ ก็ได้ทำบุญ ได้เที่ยวเหมือนเดิม ค่ะ
ค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมัน คนละ 2000 บาท ค่าทำบุญร่วมกับของที่จอยนำมา
ทำบุญอีก คนละ 500 บาท  จอยให้ลงขัน
อีกคนละ 2000 บาท ก่อนกลับ จอยบอกเงินไม่พอ ให้เพิ่มอีกคนละ
1000 บาท  ฉันกับเอม  บอกว่า เดี๋ยวจะโอนให้ที่กรุงเทพฯ
เพราะเรามีเงินไม่พอจ่ายให้  
        รุ่งขึ้นวันที่ 16 ซึ่งเป็นวันครู  ฉันขอบัญชีของจอย เพื่อโอนเงินที่
ค้างไว้คนละ 1000 บาท ให้เขา  เกิดอะไรขึ้นไม่ทราบ
  จอยตอบมาว่า ไม่ต้องโอนแล้วถือว่าเป็นของขวัญวันครูให้ฉัน
  ถามว่าของเอม ล่ะ เขาตอบว่า ให้ทั้งสองคน
  ฉันเข้าใจว่า  เขาคงคิดเกรงใจ อาจจะใช้เงินกองกลางนี้  น่าจะจ่ายให้
ทูลด้วยมั้งอีกอย่างเขาเคยบอกว่า 
ถ้าฉันกับเอมไม่ได้ไปด้วย  เขาก็ต้องไปกับวรรณสองคน มีฉันกับเอม
ไปช่วย เหมือนกับเราไปช่วยแชร์ค่าใช้จ่ายด้วยมั้ง
น่าจะเป็นเหตุผลนี้กระมัง  เขาเลยไม่เก็บเงินเพิ่ม  น่ะนะ 
       จบทริปเบิกพระเนตรและเที่ยวดอยอ่างขาง ก็จบลงเพียงแค่นี้  ขอ
แบ่งปันบุญครั้งนี้แก่เพื่อน ๆ ในบล็อกแก๊งทุกคนด้วย ค่ะ  สวัสดี 













 




 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2566
33 comments
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2566 8:32:23 น.
Counter : 634 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณกะว่าก๋า, คุณกิ่งฟ้า, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtoor36, คุณหอมกร, คุณอุ้มสี, คุณเริงฤดีนะ, คุณ**mp5**, คุณปัญญา Dh, คุณtanjira, คุณNior Heavens Five, คุณkatoy, คุณSweet_pills

 

ผมขึ้นดอยอ่างขางครั้งแรกและครั้งเดียว
น่าจะ 30 ปีที่แล้วครับอาจารย์

ตอนนี้คงเจริญและสวยงามมากๆ

อาจารย์โชคดีจังเลยครับ
ไปช่วงดอกไม้บานพอดี
นางพญาเสือโคร่งถ้าไปไม่ถูกจังหวะเวลา
ก็ไม่เห็นดอกเค้าบานเต็มต้นครับ

อนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยครับ



 

โดย: กะว่าก๋า 24 กุมภาพันธ์ 2566 20:52:25 น.  

 

สวัสดีค่ะอาจารย์ ดอกไม้ที่ดอยอ่างขางสวยจริงๆค่ะ

ทริปนี้อาจารย์ได้เที่ยวและทำบุญเยอะเลยค่ะ

ดอยอ่างขางกิ่งไปนานแล้วค่ะ กลัวถนนตรงทางขึ้นสูงและชันมาก เดี๋ยวนี้คงปรับให้ดูไม่น่ากลัวแล้วนะคะ

วัดเด่นสะหรี เคยไปสองคร้้งแล้วค่ะสวยงามมากนะคะ

อาจารย์แวะลำปางด้วย ได้แวะกราบหลวงพ่อเกษมด้วย ดีจังได้เที่ยวหลายจังหวัดเลยค่ะ

โหวต Travel Blog ค่ะ

 

โดย: กิ่งฟ้า 25 กุมภาพันธ์ 2566 0:11:11 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 25 กุมภาพันธ์ 2566 5:49:31 น.  

 

ยังไม่เคยไปครับ เขียวขจีเลย สวนซากุระดูสวยดีมีมุมให้ถ่ายภาพเยอะเลย

ทริปนี้ได้เที่ยวได้บุญเลยะครับ

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 25 กุมภาพันธ์ 2566 10:52:35 น.  

 

ผมจำได้ว่าหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์
ท่านเคยเขียนไว้ว่า
ถ้านักการเมืองไม่โกงกิน
ถนนในบ้านเราสามารถปูด้วยทองคำได้
เห็นได้ชัดเลยนะครับ
ว่าการเมืองที่สกปรกโกงกินนั้น
ทำลายความเจริญของประเทศได้มากมายเพียงใด

เป็นต้นซากุระเลยนะครับ
โห...ดีจังเลยครับ
สามารถปลูกขึ้นในบ้านเราได้ด้วย
น่าไปชมต้นจริงมากๆครับ

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 25 กุมภาพันธ์ 2566 19:09:29 น.  

 

รูปเยอะมากเลยค่ะอาจารย์
ดูจากการแต่งกายน่าจะหนาวอยู่นะคะ

 

โดย: หอมกร 25 กุมภาพันธ์ 2566 21:14:09 น.  

 

สวัสดีค่ะอาจารย์ แวะมาชมภาพสวยๆทริปเที่ยวเหนืออีกรอบค่ะ

ชอบคุณที่ไปให้กำลังใจที่บล็อกเค้กกล้วยหอมนะคะ

ทำเองกินอร่อยสนิทใจดีค่ะ เพราะเราไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่สารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายนะคะ พอดีมีงาขาวงาดำก็เอาโรยลงไปด้วยค่ะหอมงาด้วยค่ะ

 

โดย: กิ่งฟ้า 25 กุมภาพันธ์ 2566 23:01:09 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 26 กุมภาพันธ์ 2566 5:18:30 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ศีลธรรมไม่กลับมา
โลกาจะวินาศ
เป็นเช่นนั้นจริงๆครับ

นักการเมืองมีผลต่อความเจริญของบ้านเมืองจริงๆครับ
ความสามารถของผู้นำก็ด้วย
ที่ผมเสียดาย คือ โอกาสในการพัฒนาประเทศ
และอนาคตของลูกหลานนี่ล่ะครับ

พอเราได้ผู้นำที่ไม่มีความสามารถ
ไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจ ประเทศก็ล้าหลังทันทีเลย

 

โดย: กะว่าก๋า 26 กุมภาพันธ์ 2566 19:24:04 น.  

 

ตามครูมาเที่ยวค่ะ
ได้เที่ยวได้ทำบุญด้วยนะคะ

 

โดย: อุ้มสี 26 กุมภาพันธ์ 2566 20:55:18 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 27 กุมภาพันธ์ 2566 5:14:32 น.  

 

ผมได้ขึ้นรถไฟฟ้าเพราะน้องในบล็อก
พาขึ้นครับ ผมแลกเหรียญอะไรก็ไม่เป็น 555
ตอนนั้นไปลงที่พารากอน

กว่าอาจารย์จะเดินทางไปถึงโรงพยาบาล
เดินทางหลายทอดหลายต่อเลยนะครับ

หนังสือของอาจารย์เสกสรรค์บางเล่มจะบางๆครับ
อ่านไม่ถึงวันก็จบ
แต่ที่หนาๆแบบ 300-400 บางเล่มผมอ่านเป็นอาทิตย์กว่าจะจบก็มีครับ

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 27 กุมภาพันธ์ 2566 20:10:17 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 28 กุมภาพันธ์ 2566 5:09:40 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมรีวิวหนังสือของอาจารย์เสกสรรค์ครบเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ก็จะเป็นเล่มอื่นๆ ที่อ่านในช่วงเดือนสองเดือนก่อนครับ
ปีนี้อาจจะอ่านหนังสือไม่เยอะมาก
แต่หลายเล่มที่อ่านก็เลือกเล่มที่ชอบและสนใจก่อนเลยครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 28 กุมภาพันธ์ 2566 14:09:06 น.  

 

แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ

 

โดย: **mp5** 28 กุมภาพันธ์ 2566 15:23:00 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 1 มีนาคม 2566 5:33:46 น.  

 

สวัสดีค่ะอาจารย์สุวิมล..

ชอบสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง..

ตอนที่คุณแม่เจ้าโว้ยมีชีวิตอยู่..

อ้อมแอ้มพาไปเที่ยว 2-3 ครั้ง

คุณแม่ชอบมากคะ..

อากาศดี อาหาร(ผัก)อร่อย

 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 1 มีนาคม 2566 10:26:14 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมไม่ค่อยให้คำปรึกษาเรื่องธรรมะกับใครครับ
เพราะรู้ว่าตนเองปฏิบัติมาน้อย
ไม่เข้มข้นเหมือนคนที่เข้าไปปฏิบัติในวัด
ผมเขียนงานธรรมะก็เหมือนทบทวนและเตือนตนมากกว่า
มีบางคนเรียกผมว่าอาจารย์
ผมก็บอกเลยครับว่าไม่ต้องเรียก
ผมยังไม่ได้ฝึกตนถึงขั้นนั้นครับ 555

อย่างคนที่ถามเรื่องการนั่งสมาธิ
ผมก็ไม่นั่งเลย ก็เลยไม่รู้จะให้คำอธิบายยังไงครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 1 มีนาคม 2566 15:58:44 น.  

 

สวัสดีครับอาจารย์

ได้เที่ยวหลายที่ และทำบุญด้วยนะครับ

 

โดย: ปัญญา Dh 2 มีนาคม 2566 3:37:52 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 2 มีนาคม 2566 5:10:50 น.  

 

สวัสดีค่ะอาจารย์
หนูมาลงชื่อไว้ก่อนนะคะ
พรุ่งนี้มาอ่านค่ะ

 

โดย: tanjira 2 มีนาคม 2566 13:19:06 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

การศึกษาเรื่องความตายไว้บ้าง
ผมว่าทำให้เราไม่ประมาทในการใช้ชีวิต
ไม่ลืมหลงกับความจริงที่ว่า
ไม่วันใดวันหนึ่งเราก็ต้องจากโลกนี้ไป
ดังนั้น วันนี้ยังหายใจอยู่
จึงควรใช้ทุกเวลานาทีให้คุ้มค่าและมีความหมายที่สุดครับ

การที่อายุเพิ่มขึ้น คนรอบตัวค่อยๆทยอยจากไป
ทำให้ผมรู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้ตัว
อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
และควรรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับเราครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 2 มีนาคม 2566 15:18:32 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 3 มีนาคม 2566 4:13:08 น.  

 

สวัสดีค่ะอาจารย์

หนูมาอ่านตามสัญญาค่ะ
พออ่านจบจะถามอาจารย์ว่าเหนื่อยไหมคะ 555
หนูเหนื่อยแทนค่ะ นี่หนูแก่กว่าอาจารย์อีกนะคะ (ใจค่ะใจที่แก่ 555)
นึกถึงว่าต้องนั่งรถต้องตื่นเช้าหนูก้เหนื่อยแล้วค่ะ
แต่อาจารย์แข็งแรงมากนะคะ ได้ทำบุญ ได้ชมดอกไม้สวยๆ
อโวคาโดถูกดีนะคะ 40 บาท อร่อยใช่ไหมคะ ?

เรื่องเขียนบล็อกหนูก็พยายามระวังนะคะ แต่ก็อดไม่ได้
นั่งโมโหตัวเองไปค่ะ ^^

ขอให้อาจารย์มีความสุขสุขภาพแข็งแรงนะคะ


 

โดย: tanjira 3 มีนาคม 2566 7:25:29 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

เล่มนี้ผมอ่านแล้วก็งงครับ 555
เพียงแต่ว่าก็อ่านไปจนจบ
บางเรื่องที่ไม่งง ก็จะชอบมากไปเลย

ซูฟีกับเซน
ผมว่ามีความคล้ายกันมากอย่างน่าประหลาดใจเลยครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 3 มีนาคม 2566 14:11:38 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 4 มีนาคม 2566 5:02:03 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์
แวะมาเที่ยวด้วยคนครับอาจารย์
ผมหยุดการเขียนบล็อกไปเกือบ 1 ปีเลยอาจารย์สบายดีนะครับ

 

โดย: Nior Heavens Five 4 มีนาคม 2566 8:48:21 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ปีนี้ไม่รู้เช็งเม้งวันไหนนะครับ
ผมคงไม่ได้ลงไปชลบุรีแน่ๆครับ
เพราะเพิ่งเปิดร้านใหม่
ช่วงนี้กำลังยุ่งเลย

อาจจะมีไหว้กับทางบ้านมาดามที่เชียงใหม่แทนครับ

หนังสือของท่านเชอเกียม ตรุงปะ
ผมเคยอ่านหลายเล่ม เข้าใจยากทุกเล่มเลยครับ 555

 

โดย: กะว่าก๋า 4 มีนาคม 2566 21:58:53 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 5 มีนาคม 2566 5:51:23 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมอ่านหนังสือปรัชญา ศาสนาเป็นครั้งแรก
น่าจะช่วง ม.2 ม.3 ครับ
แต่อ่านแล้วก็คือไม่เข้าใจเลย 555

ขนาดช่วงมหาวิทยาลัยอ่านปรัชญาชีวิต ของคาลิล ยิบราน
ผมก็ไม่เข้าใจเลยนะครับ
เพียงแต่เวลาที่อ่านหนังสือแล้วไม่เข้าใจ
ผมยังสามารถอ่านต่อไปจนจบ
จบแล้ววางเอาไว้หลายปี ค่อยกลับมาอ่านใหม่อีกรอบ
ด้วยวิธีนี้ก็จะค่อยๆเข้าใจเนื้อหาในหนังสือมากขึ้นเรื่อยๆครับ
อย่างคู่มือมนุษย์ของท่านพุทธทาสผมน่าจะอ่านเกิน 5-6 รอบ
ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังเข้าใจเนื้อหาไม่หมดอยู่ดีครับ

จริงๆแล้วระหว่างจิตวิทยากับธรรมะ
ผมชอบจิตวิทยามากกว่าครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 5 มีนาคม 2566 15:38:15 น.  

 

สวัสดีค่ะอาจารย์ แวะมาชมภาพถ่ายสวยๆอีกรอบค่ะ
ได้ท่องเที่ยวไปหลายๆจังหวัดก็เพลิดเพลินดีนะคะ

อาจารย์รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ฝุ่นเยอะมากค่ะ

 

โดย: กิ่งฟ้า 5 มีนาคม 2566 17:34:09 น.  

 

สวัสดีค่ะอาจารย์

เที่ยวกับอาจารย์ทริปนี้อิ่มใจอิ่มบุญกับอาจารย์ด้วยค่ะ

สถานที่หลายแห่งต๋ายังไม่เคยไป
อย่างดอยอ่างขางทั้งที่ได้ยินชื่อมานานแล้ว
ดอกซากุระสวยจริงๆนะคะทั้งสีขาวและสีชมพู
วัดบ้านเด่น ศูนย์ฝึกช้างและตลาดมูซูก็ไม่เคยไปค่ะ
แห่งเดียวที่ต๋าเคยไปในบล็อกนี้ก็วัดสุสานไตรลักษณ์เพื่อกราบหลวงพ่อเกษมค่ะ

อาจารย์สดชื่นแข็งแรง ชมภาพแล้วมีความสุขไปกับอาจารย์ค่ะ
ขอบคุณอาจารย์ที่พาเที่ยวนะคะ
ต๋าขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยค่ะ

 

โดย: Sweet_pills 6 มีนาคม 2566 0:04:18 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

 

โดย: กะว่าก๋า 6 มีนาคม 2566 5:49:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

space

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]




เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ

http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
space
space
space
space
[Add อาจารย์สุวิมล's blog to your web]
space
space
space
space
space