คืนกำไรให้ชีวิต เพื่อพิชิตไปในโลกกว้าง
space
space
space
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
space
space
20 มกราคม 2555
space
space
space

สุขใจที่ได้เห็น....การให้ที่ไม่มีเงื่อนไข

สุขใจที่ได้เห็น......การให้ที่ไม่มีเงื่อนไข

ตามธรรมชาติของมนุษย์เรา ถ้าเราให้สิ่งใดแก่ใคร เรามักมีความหวังแอบซ่อนไว้ในใจเสมอว่า เราจะได้สิ่งตอบแทนกลับมาไหมหนอ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ว่า "มันเป็นความจริงของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาทั่ว ๆ ไป" ถึงแม้คนในสังคมเป็นจำนวนมากจะมีลักษณะเช่นนี้ก็จริง แต่ฉันก็ยังเห็นมีกลุ่มหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง พวกเขาจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับสังคมโดยไม้ได้หวังสิ่ง ใด ๆ ตอบแทนจากการร่วมทำกิจกรรมดี ๆ ให้กับสังคม

กลุ่มหนุ่มสาวกลุ่มนี้ ก็คือ กลุ่ม "โอเอฟซี" ซึ่งฉันเคยไปร่วมทำกิจกรรมของพวกเขามาสองครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ฉันก็ยังคงได้เห็นความมั่นคง ความมีจิตอาสาในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมของพวกเขาอยู่

ครั้งนี้ เป็นกิจกรรมวันเด็ก ที่เหล่าอาสา "โอเอฟซี" ได้มาจัดกิจกรรมให้กับเด็กกระเหรี่ยง ปาเกอะญอ ที่อำเภอ แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี กิจกรรมคร่าว ๆ ในครั้งนี้ คือ จะมีการฉายหนังให้เด็ก ๆ ได้ชม โดยไปจ้างมา ที่เราเรียกว่า หนังกลางแปลงนั่นเอง จัดซุ้มอาหาร ขนม ให้เด็ก ๆ ได้ทาน จัดกิจกรรมสอยดาว ปาเป้า ตลอดจนนำเสื้อผ้า รองเท้า จักรยาน และของเล่นต่าง ๆ ไปให้เด็ก ๆ โดยแต่ละซุ้ม เหล่าอาสาที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจะไปช่วยกันระดมทุนมาจัดกิจกรรมดังกล่าวให้กับเด็ก ๆ ค่ะ ถ้าขาดเหลืออย่างไร ก็เบิกจากเงินกองกลางไปใช้จ่ายได้ การไปครั้งนี้ เจ้าของรถก็เป็นผู้เสียสละเอารถของตนเองไปช่วยลำเลียงสัมภาระและให้คนที่ไม่มีรถได้อาศัยไปด้วยเหมือนเช่นเคยทุกครั้ง ฉันจึงได้ตั้งหัวข้อเรื่องนี้ว่า "สุขใจที่ได้เห็น..การให้ที่ไม่มีเงื่อนไข" ไงคะ

ประมาณตีห้าครึ่ง พ่อของเกดมารับฉันที่บ้านเพื่อไปที่คอนโดของเกด พ่อของเกดต้องเอาไข่เค็มที่เกดฝากพ่อซื้อไปให้ด้วย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ ๆ ก็ถึงบ้านของเกด มีทอง ก๋อย อุ้ย บัว มากันแล้ว เพราะทองต้องมารับสัมภาระที่บ้านเกดด้วยนั่นเอง สักพักใหญ่ ๆ รถก็เคลื่อนออกจากที่นี่ เพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบ คือ ปั๊มน้ำมัน คาลแท็ก ที่ศรีนครินทร์ เหมือนครั้งที่แล้ว ทิ้งให้อุ้ยรอรถอีกคันเพื่อขนของอีกส่วนหนึ่ง ระหว่างทางแวะรับน้ำโออิชิที่เขาบริจาค มาด้วย

รถมาถึงจุดนัดพบ มีสมาชิกมาแล้วจำนวนพอสมควร ดูเป็นภาพที่น่ารัก คนที่รู้จักกันแล้วก็ทักทายกันอย่างดีใจที่ได้เจอกัน และจะได้ไปทำกิจกรรมร่วมกันอีก ครั้งนี้ ดูเหมือนมีสมาชิกใหม่หลายคนเหมือนกัน เชิญชมภาพเลยค่ะ

จัดของ เตรียมของจัดใส่รถ ทักทาย



เช็คชื่อ จัดสัมภาระที่จะนำไปจัดกิจกรรม



หลังจากที่รถทุกคันมาครบแล้ว พวกเราก็ออกเดินทาง ยังมีรถบางคันและเหล่าอาสาบางคนจะไปรอกันที่จุดนัดพบตามที่ได้นัดกันไว้



รถทุกคันของเหล่าอาสามีการติดเบอร์ไว้ที่รถ เพื่อจะได้จำรถกันได้ง่ายขึ้น (กลัวหลงขึ้นคันผิดด้วยมั้ง อิอิ) ระหว่างทางดูเหมือนจะไปรับกลุ่มอาสาที่รอกันที่พระราม 2 หลังจากนั้น รถเราก็มุ่งหน้าไปสู่จังหวัด เพชรบุรี มาครั้งนี้ แอง จัดให้ฉันมารถของ อ๊บ ซึ่งฉันรู้จักดีแล้ว ครั้งนี้เป็นการเจอ อ๊บ เป็นครั้งที่ 3 แล้ว มีสมาชิกนั่งไปด้วยอีก 2 คน หน้าคุ้น ๆ คนหนึ่งที่เคยไป โรงเรียนบ้านฟองใต้แล้ว อีกคนหน้าไม่คุ้นเลย เราแวะทานข้าวเช้าตามปั๊มน้ำมัน น่าจะ 10 โมงกว่าแล้ว

เรามาพักรถ เพื่อซื้อของก่อนที่จะเข้าไปหมู่บ้านของชาวกระเหรี่ยง ปาเกอะญอ



เรามาพักที่ บ้านสวนป่าละอู รีสอร์ท ทานข้างมื้อเที่ยงแต่มันบ่าย สองจะบ่ายสามแล้วมั้ง



หลังจากทานข้าวที่รีสอร์ทนี้แล้ว ก็เดินทางต่อซึ่งหนทางที่จะเข้าไปยังหมู่บ้าน เป็นทางที่ค่อนข้างลำบาก เพราะว่าบางช่วงเป็นดินแดง รถแล่นทีฝุ่นตลบอบอวลทีเดียว บางช่วงก็ต้องลุยน้ำของธารน้ำที่น่าจะมาจากน้ำตกบนเขาสูง รถกระบะซึ่งล้อรถจะสูงกว่ารถเก๋ง ก็ยังครึ่งล้อเลย ดังนั้น รถเก๋งจึงไม่สามารถลุยน้ำเข้าไปได้ ต้องนำไปฝากบ้านของชาวบ้านก่อนที่จะเข้าไปในตัวหมู่บ้านกระเหรี่ยง ปาเกอะญอ การลุยข้ามห้วยน้ำไปนั้น มีถึง สามแห่ง ท่านลองชมภาพดูนะคะ

ข้ามห้วยครั้งที่ 1


ขึ้นบกครั้งที่ 1



ข้ามห้วยครั้งที่ 2



ขึ้นบกครั้งที่ 2



ข้ามห้วยครั้งที่ 3



ถนนที่เข้าไปตัวหมู่บ้านเป็นดินแดง เวลารถแล่นผ่าน ฝุ่นฟุ้ง รถแต่ละคันมอมแมมไปหมดเลยค่ะ ทรหดจริง ๆ เลย


และแล้ว ขบวนรถของเราก็เข้าถึงตัวหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ เล็ก ๆ ตรงกลางของหมู่บ้านนี้ ลาดด้วยปูนซิเมนทร์เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่กว้างนัก เหมือนเป็นลานเพื่อทำกิจกรรม หรือให้เด็ก ๆ เข้าแถวในตอนเช้า ที่นี่มีนักเรียนตั้งแต่สองขวบครึ่งถึง 6 ขวบ มีครู 1 คน ซึ่งจ้างด้วยเงิน อ.บ.ต. อะไรประมาณนั้น ไม่ใช่รับราชการ แต่เป็นคนในพื้นที่ที่น่าจะไปเรียนในเมืองแล้วกลับมาช่วยเหลือหมู่บ้านของตนเอง หน้าตายังเด็กมาก ๆ ตัวเล็ก ๆ ต้องดูแลเด็ก ๆ ดังกล่าวประมาณ 50 คน นับว่า เป็นครูที่เสียสละจริง ๆ ถ้าใจไม่รักการเป็นครู ไม่รักเด็ก ๆ คงอยู่ไม่รอดแน่นอน น่ายกย่องสรรเสริญเขาทีเดียว ท่านลองชมสภาพของหมู่บ้านและวิถีชีวิตของพวกเขาที่ฉันถ่ายภาพมา
ฝากซิคะ

ศูนย์พัฒนาเด็ก และสภาพชีวิตของชาวบ้านที่นี่



อีกภาพหนึ่งที่นำมาฝาก ไฟฟ้าไม่มีใช้ ที่พวกเรามา ต้องเช่าเครื่องปั่นไฟที่มากับรถฉายหนัง จึงมีไฟฟ้าใช้ในการจัดกิจกรรม แต่ก็ไม่ได้สว่างอะไรมากนัก เวลาไปอาบน้ำ ซึ่งมีห้องน้ำอยู่เพียง 3 ห้อง ปีนี้พัฒนาขึ้นบ้าง เพราะปีที่แล้ว เขาบอกกันว่า มีเพียงห้องเดียว ห้องอาบน้ำและห้องส้วมอยู่ในห้องเดียวกัน น้ำที่อาบ คิดว่า คงสูบขึ้นมาจากลำธาร เวลาอาบน้ำ ต้องเอาไฟฉายสองกระบอกตั้งไว้ด้านบนของห้องน้ำ แล้วก็อาบกันไป ห้องน้ำบางห้อง กลอนก็ใช้ไม่ได้ เวลาอาบน้ำ ต้องมีคนคอยเฝ้าไว้ ไม่งั้นใครเปิดเข้ามา มีหวังโป๊แน่นอน เหอะ ๆ ฉันว่าเป็นชีวิตที่ทรหดจริง ๆ เห็นสภาพของชาวบ้านที่นี่แล้ว ก็สะท้อนใจเหลือเกิน ในเมืองไทยคงยังมีสถานที่ที่ความเจริญเข้าไปไม่ถึงอีกเยอะกระมัง ฉันจึงคิดว่า กลุ่มหนุ่มสาวกลุ่มนี้มาให้ความสุข ความบันเทิงเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่พวกเขา จะได้บุญกุศลติดตัวไปเยอะทีเดียว ทุกคนที่มา เขามาด้วยจิตอาสา อยากมาแบ่งปันความสุขของตนแก่คนเหล่านี้บ้าง โดยไม่ได้คิดหวังอะไรจากพวกเขาเลย ไม่ได้คิดที่จะเอาความดีเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์อ้างอิงเพื่อความก้าวหน้าของตน นี่แหละนะ ที่เขาเรียกว่า การให้ที่ไม่มีเงื่อนไข นั่นเอง เฮ้อ !



สภาพชีวิตที่เห็นแล้วหดหู่ใจเหลือเกิน เด็ก ๆ หน้าตาบ้องแบ๊ว ดูใสซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียวสา เสื้อผ้าก็ขาดบ้าง ตัวดำด้วยฝุ่น นั่งกินกัน ท่ามกลางฝุ่น พวกเขาก็ไม่เคยหวั่นและกลัวเชื้อโรคเหมือนพวกชาวกรุงส่วนใหญ่ ชีวิตมันเลือกเกิดไม่ได้จริง ๆ แต่ชีวิตสามารถที่จะเลือกทำในสิ่งที่ดี ๆ และแบ่งปันสิ่งดี ๆ ที่เราพอมีอยู่ให้กับชีวิตของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เขาด้อยกว่าเราได้อย่างแน่นอน


เมื่อพวกเราเอารถกระบะที่ลุยน้ำข้ามห้วยมา น่าจะประมาณไม่ต่ำกว่า 10 คัน จอดเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มช่วยกันลำเลียงสิ่งของต่าง ๆ ลงจากรถ ช่วยกันยกโต๊ะที่ทางหมู่บ้านได้จัดเตรียมไว้ให้พวกเราได้จัดทำซุ้มต่าง ๆ ตามที่ทางหัวหน้า แอง ได้ประสานมา ฉันได้ถ่ายภาพเหล่านี้มาให้ชมเพื่อแสดงให้เห็นว่า พวกเขาเหล่านี้ มีจิตอาสาจริง ๆ น่าชื่นชมพวกเขา

ช่วยกันคนละไม้คนละมือ



หลังจากขนของกันเสร็จแล้ว หัวหน้าซุ้มก็เริ่มงานของซุ้มตัวเอง พร้อมกับผู้ช่วยที่สมัครไปช่วยตามซุ้มต่าง ๆ ส่วนฉัน เกดไม่ได้กำหนดให้ฉันไปอยู่ซุ้มไหน ฉันจึงเป็นจเร เห็นกลุ่มไหนคนน้อย ก็ไปช่วยกลุ่มนั้นก่อน ฉันไปช่วยซุ้มข้าวโพด ของทอง เพราะยังไม่เห็นมีใครเลยสักคน ฉันเริ่มแกะเปลือกข้าวโพดได้สักครู ก็มีน้อง ๆ มาช่วยอีก 4-5 คน สนุกสนานกันในการแกะเม็ดข้าวโพดกันใหญ่ เชิญชมภาพได้ค่ะ

ซุ้มข้าวโพดและซูชิ ขนมต่างชาตินะจ๊ะ คุณทอง มาเอง



ซุ้มก๋วยเตี๋ยวไก่สุดอร่อย 1 แมวเหมียวมาเอง จ้ะ



ก๋วยเตี๋ยว 2

<

ซุ้มผลไม้ พ่อค้าแม้ค้า ตาหวานฉ่ำเหมือนสับปะรด จ้ะแม่สุ มาเอง



ซุ้มน้ำ แม่อ๊บ ๆ ค่ะ หวาน มัน อร่อยสุด ๆ



ซุ้มสอยดาว ที่เรียกกันว่า สวนสัตว์ ของแม่เกดมาเอง



ซุ้มลูกชิ้น ป้าอุ้ยมาเองนะจ๊ะ อร่อยสุด ๆ เหมือนกัน



ซุ้มปาเป้า สุดแม่นคนแน่น เชียร์กันสนั่น ฝีมือคุณอาร์ต ค่ะ



ซุ้มไอศกรีม หวาน มัน แม่ค้าพ่อค้าก็สวยก็หล่อ ค่ะ



ของขวัญ ของเล่น ที่นำมาให้เด็ก ๆ ปาเกอะญอ





ทุกซุ้มเตรียมพร้อมกันแล้ว ก็เป็นเวลาใกล้มืดค่ำ รถฉายหนังมาแล้ว ก็รีบขึ้นห้างร้านเพื่อขึงจอไว้ฉายหนัง ส่วนเด็ก ๆ มีครูอ้อมและเด็กผู้ชายที่เป็นเด็กโตหน่อย มาช่วยกันอบรมเด็กและอธิบายให้เด็กฟังถึงวิธีการมารับอาหาร ขนม การละเล่น เช่น ปาเป้า สอยดาว เป็นต้น โดยเรามีการแจกคูปองให้เด็ก ๆ แบ่งเป็นส่วน ๆ ไปตามร้านต่าง ๆ ไม่ให้ ออ อยู่ที่ร้านใดร้านหนึ่งเท่านั้น เด็ก ๆ ต่างมาชุมนุมอยู่ที่ลานปูนซิเมนทร์ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลาง ส่วนซุ้มอาหาร ขนม ของกิน จะอยู่รอบ ๆ ลานกว้างนี้ ฉันได้ถ่ายภาพเด็ก ๆ ที่น่ารักเหล่านี้มาให้ชมด้วยค่ะ

ภาพเด็ก ๆ ที่มารอเพื่อเตรียมรับคูปอง เด็กที่เล็กมาก ๆ จะมีผู้ปกครองมาช่วยเด็ก ๆ ด้วย



อีกภาพหนึ่งของเด็ก ๆ หน้าตา บ้องแบ๊ว



ให้เด็ก ๆ ได้เล่นไฟ อย่างสนุกสนาน



หลังจากที่เด็ก ๆ ซึ่งตอนต้นบอกจำนวนว่า มี 50 คน กลับกลายเป็นร้อยกว่าคนรวมผู้ปกครองมาอีกจำนวนหนึ่งทำให้ คูปองที่แจกไปไม่พอเสียแล้ว จึงต้องอนุโลมกันไป ทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่เด็ก ๆ รอคอย นั่นก็ คือ การฉายหนังให้น้อง ๆ ดู (รวมทั้งผู้ปกครองและเด็ก ๆ ที่เกินมา คิดว่า น่าจะมาจากหมู่บ้านที่ใกล้เคียงกันในละแวกนั้น)

ฉายหนังให้น้องดูค่ะ (ผู้ปกครองก็ชอบค่ะ)



ฉันไปช่วยตักน้ำแข็งให้ซุ้มน้ำของอ๊บ โดยมี ก๋อยช่วยอยู่คนเดียว เด็ก ๆ รวมถึงผู้ใหญ่มาเข้าแถวกันยาวเหยียดเลย จนกระทั่งน้ำแข็งหมดกระติก ร้านน้ำขายดีมาก ๆ จริง ๆ นับว่าประสบความสำเร็จทีเดียว

ฉันชวนสุภารัตน์ไปอาบน้ำด้วยกัน เอาไฟฉายไปสองกระบอก เพราะห้องน้ำไม่มีไฟ มืดมาก ต้องนำไฟฉายไว้ที่บนสันปูนของห้องน้ำ ให้ไฟฉายส่องลงมา ฉันต้องรีบอาบ น้ำที่อาบก็เหลือน้อยแล้ว เฮ้อ ! เป็นชีวิตที่ได้รสชาติอีกรูปแบบหนึ่งจริง ๆ อาบน้ำแล้ว ฉันไปนั่งดูหนังกับน้อง ๆ ที่ซุ้มข้าวโพดและซูชิ ดูหนังได้เรื่องเดียว เสียงพากย์ดังมาก เรื่องที่สองเป็นหนังฝรั่ง ฉันไม่ได้ดูต่อ เกด กางเต๊นท์ในห้องที่ใช้เก็บของที่จะแจกเด็ก ๆ ข้าง ๆ มีอีก 1 เต๊นท์ ไม่รู้ว่าของใคร รู้แต่ว่า มีเสียงกรนแต่ไม่ดังนัก พอทนได้ อิอิ ฉันเข้าห้องน้ำอีกครั้งแล้วเข้านอน ตอนั้นเวลาประมาณ ห้าทุ่มครึ่งแล้ว แต่ก็ไม่ได้หลับเร็วนัก เนื่องจากเสียงพากย์หนังดังมากเหลือเกิน คืนนี้ เขาจ้างมาฉายถึง 4 เรื่อง ก็คงฉายถึงตี 4 ตี 5 นั่นแหละ ฉันหลับ ๆ ตื่น ๆ หลับไม่สนิทเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ดีกว่าไม่ได้พักผ่อนเอาเสียเลย

รุ่งเช้า ทุกคนตื่นแล้ว ก็ช่วยกันทำข้าวต้ม ล้างผัก หั่นผัก ผ่าไข่เค็มไว้ ฉันก็ไปช่วยหั่นพริกเพื่อทำน้ำส้มใส่ข้าวต้ม หั่นหอม ผักชี แล้วก็ตักข้าวต้มทานมื้อเช้า วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ฉันต้องกินยากระดูกพรุนตั้งแต่เช้า ท้องชักไม่ค่อยดี ลมชักตีขึ้นมาเสียแล้ว เลยต้องรีบทาน เราขอยืมกระทะของชาวบ้านมาทำข้าวต้มเครื่อง กระทะใหญ่มาก อาสาทานกันไม่หมด ต้องประกาศให้เด็ก ๆ และผู้ใหญ่ซึ่งก็มารอกันแต่เช้าแล้ว ถ้วยโฟมของเราก็หมด จึงต้องประกาศให้เด็ก ๆ ไปเอาถ้วย เอาชาม จากบ้านของตัวเองมาใส่ข้าวต้มทาน เด็ก ๆ วิ่งกันไปเดี๋ยวเดียวก็มีทั้งถ้วย ทั้งกาละมัง มาเข้าแถวกันยาวเหยียด มีผู้ใหญ่อุ้มลูกเล็กเด็กแดงมาด้วยหลายคนทีเดียว เฮ้อ ! เป็นภาพที่แสดงให้เห็นว่า คุณภาพชีวิตของคนที่นี่ ควรจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอีกมากทีเดียว ทั้งด้านสภาพชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งด้านการศึกษาเล่าเรียนของเด็ก ๆ ซึ่งถือว่า เป็นพลเมืองส่วนหนึ่งของประเทศไทย

ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าแถวรับข้าวต้มมื้อเช้า ค่ะ





ก่อนที่จะดำเนินกิจกรรมต่อไป อาร์ต นักดนตรีประจำกลุ่มได้ขับร้องเพลงประจำกลุ่มของ โอเอฟซี ให้สมาชิก ที่ยังไม่เคยได้ฟัง ฟัง เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องที่มีความมหมายดี ทำนองไพเราะ ฉันเสนอให้ แอง ไปอัดเสียงเพลงนี้ใส่แผ่น ขายให้สมาชิก เพื่อจะได้ไปฝึกร้องได้ แค่ฟังอย่างนี้ นาน ๆ ครั้ง ไม่สามารถร้องได้ทุก ๆ คนหรอก เขาก็เห้นด้วย แต่จะไปดำเนินการหรือเปล่า ไม่มีใครตอบได้ จ้ะ (เสนอขายสมาชิกแผ่นละ 50 บาท ) กำไรก็เก็บไว้ที่กลุ่ม เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ไป

การดีดกีตาร์และร้องเพลงของกลุ่ม โอเอฟซี





เรามีการนำ น้ำโออิชิ ซึ่งได้บริจาคน้ำ โออิชิ ให้กับกลุ่ม โอเอฟซี เป็นจำนวนไม่น่าต่ำกว่า 15 ลัง เรามีการถือโชว์ขวด น้ำโออิชิ กันทุกคนแล้วให้แจกเด็ก ๆ ถือด้วยเช่นกัน ถ่ายรูปช่วยโฆษณาให้ด้วย

การโฆษณาให้สปอนเซอร์ของเรา ค่ะ



มีการวัดเท้าเด็กเพื่อหารองเท้าที่เหมาะกับเด็กก่อน



ถ่ายรูปหมู่ของซุ้มต่าง ๆ พร้อมโชว์ของที่ได้รับบริจาคมา



แจกรางวัลให้เด็กช่วยงาน เป็นรถจักรยาน และมอบให้ครูอ้อมอีก 1 คัน พร้อมเงิน 5000 บาท ไว้มุมหลังคา ซึ่งเราตั้งใจจะมาทำให้เขา แต่เวลาไม่อำนวยให้ จึงมอบเป็นเงินให้



เที่ยวน้ำตกป่าละอูตอนขากลับ



ขบวนรถขากลับกรุงเทพฯ



หลังจากพวกเราออกเดินทางออกจากน้ำตกป่าละอูแล้ว พวกเรา มีรถคันก๋อย คันของทอง ของอ๊บ ของเหมียว และของเจ๊อะ ทานข้าวที่ร้านของอาสาคนหนึ่งที่เป็นญาติกับเจ้าของร้านอาหาร เลยได้ลดราคา 10 % เฉลี่ยค่าอาหารคนละ 140 บาท อาหารรสชาติก็ใช้ได้ ขณะที่ทานอาหารกัน เสียงโทรศัพท์มือถือฉันดังขึ้น ปรากฏเบอร์ที่โชว์ เป็นเบอร์ของพี่โต ฉันไม่ค่อยสบายใจนัก น้อยครั้งนักที่พี่โตจะโทรถึงฉัน อาจจะเป็นเพราะแกเป็นผู้ใหญ่ ฉันคุยไม่ได้ง่ายนัก ถนัดแต่เขียนจดหมายคุยกับแกมากกว่าคุยโทรศัพท์ สิ่งที่แกพูดก่อนเพื่อน คือ ต่อว่าว่า ไปไหนล่ะ โทรไปที่บ้านไม่มีคนรับ ฉันอธิบายว่า ฉันมาแจกของวันเด็กกับลูกศิษย์ แกซักฉันว่าที่ไหน ไปกันเยอะไหม ฉันก็ตอบไปตามจริง แล้วแกก็ยิงคำถามที่ฉัน งง ๆ ไปพักหนึ่งว่า "น้องแอ๋วเกิดปีอะไร" แต่ฉันก็ตอบไปว่า "ปีชวดค่ะ" แกก็บอกว่า "อ้อ งั้นก็ดีแล้ว ปีชวดปีนี้ไม่ชงกับปีมังกร" ฉันจึงได้ถึงบางอ้อ คงห่วงฉัน ถ้าเป็นปีชง แกก็คงต้องแนะนำฉันไปสะเดาะเคราะห์แน่นอน เพราะครอบครัวนี้ เขาเชื่อเรื่องพวกนี้มาก ๆ มากจนทำให้ความรักของฉันต้องล่มสลายลงไปด้วย เหอ เหอ สนุกเหลือเกินชีวิตของฉัน คิดถึงอดีตแล้ว ก็อดขำไม่ได้ ทำไมหนอ ชีวิตฉันจึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ซินะ คงติดหนี้เวรหนี้กรรมกันไว้ นั่นเอง

ทานข้าวกันเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ต้องเปลี่ยนจากรถอ๊บไปนั่งรถก๋อย เพราะ ยายเกดคงไปขอให้ก๋อยไปส่งฉัน ก่อนออกจากหมู่บ้านของปาเกอะญอ ฉันได้ถามก๋อยว่า "เกดบอกหรือเปล่าว่า ขากลับนี่ ให้ก๋อยไปส่งครูที่บ้านหน่อย" ก๋อยบอกว่า "ไม่เห็นบอก " เขาก็ต้องไปทางพัฒนาการส่งสาว ๆ ที่นั่งรถเขามา ความหมายคือ ไม่มาทางฝั่งบ้านฉันนั่นเอง ฉันอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก๋อยก็น่ารัก บอกว่า เดี่ยวเขาไปถาม เกด ก่อน ตอนขากลับคุยกันไปในรถ ก๋อยเปรยขึ้นว่า ต่อไปนี้ เขาต้องมาส่งฉันทุกครั้งใช่ไหมเนี่ย ฉันมีความรู้สึกสะอึกและไม่สบายใจนัก เหมือนกับฉันเป็นตัวปัญหาที่ทำให้เขาไม่ได้ไปส่งสาว ๆ ตามที่รับปากไว้กระมัง จึงได้บอกไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า ก็ไม่รู้ซินะ เพราะเกดบอกว่า มีก๋อยคนเดียวที่อยู่ทางแถบบ้านครู เขาเลยวานก๋อยได้คนเดียวกระมัง เฮ้อ! ฉันคงจะไปสนุกกับพวกกลุ่มนี้ไม่ได้นานแน่นอน เพราะเป็นตัวปัญหาไงล่ะ อิอิ

ความสุข ความอิ่มเอมใจที่ได้เห็นกลุ่ม หนุ่มสาว กลุ่มนี้มีจิตอาสา ช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่มีชีวิตที่ลำบากยากแค้นกว่าเด็ก ๆ อื่น ๆ โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนอะไรเลย ทำไปโดยไม่มีเงื่อนไข อะไรทั้งนั้น ก็ทำให้ฉันพลอยสุขใจ อนุโมทนา กับความดีของพวกเขา ฉันก็หวังให้พลังในการรวมพลเพื่อทำความดีเพื่อสังคม ให้พวกเขามีพลังคน พลังงาน ทำงานเพื่อสังคมต่อไปเรื่อย ๆ และเป็นกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่จะช่วยให้สังคมน่าอยู่มากยิ่ง ๆ ขึ้น
สวัสดีค่ะ






 

Create Date : 20 มกราคม 2555
5 comments
Last Update : 26 มกราคม 2555 15:51:03 น.
Counter : 3866 Pageviews.

 

"การให้โดยไม่หวังตอบแทนใดๆย่อมทำให้ใจเป็นสุขครับครู"ยืนยันอีกครั้งครับครูว่าครูไม่ใช่ตัวปัญหาสำหรับพวกผมสักนิด กลับดีใจที่ครูอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงไปกับพวกผมเพื่อนำเรื่องราวดีๆออกมาถ่ายทอดนะครับ
...ส่วนเรื่องการไปส่งครูของก๋อยผมว่าคำพูดของน้องอมก๋อย เป็นการพูดเพื่อครูเข้าใจมากว่าครับว่าคราวต่อไปอมก๋อยคือคนที่จะมาส่งครูครับเพื่อที่ครูจะได้สบายใจไม่ต้องกังวลอะไรนะครับ..
..ขอบคุณครูด้วยครับที่ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวดีๆระหว่างการเดินทางของพวกผมชาวOFC ให้คนอื่นๆแม้กระทั่งตัวผมเองได้รับรู้รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ...ด้วยความเคารพครูอย่างสูงครับ...

 

โดย: ทอง IP: 125.25.253.159 24 มกราคม 2555 23:52:30 น.  

 

ยังคงงดงามทั้งเนื้อหา และเส้นสายลายอักษร เช่นเดิมครับ ผู้น้อยขอคารวะ

 

โดย: แอง IP: 115.87.101.56 25 มกราคม 2555 6:40:19 น.  

 

เหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา คือไม่ได้เห็นของจริงสักเท่าไหร่ ต้องมานั่งดูภาพที่ทุกคนถ่ายมา เนื่องจากว่าภาระอันใหญ่หลวงไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เต็มที่กับงาน และความสามารถที่มีอยู่ ทำออกมาให้ดี และให้ทุกคนประทับใจ ขอบคุณครูที่นำเรื่องราวมาลง ทำให้สามารถเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนอกจากภาพถ่ายแล้วยังมีคำบรรยายเหมือนกับได้อยู่ในสถานการณ์จริง ขอรับประกันว่าไม่มีใครคิดว่าครูจะเป็นภาระ หรือเป็นปัญหา กลับดีใจซะด้วยซ้ำที่ครูช่วยสื่อออกมาเป็นคำบรรยาย ทำให้เห็นภาพได้ทุกด้าน และเวลาโพสต์อะไรมาครูช่วยตรวจคำผิด เหมือนได้เรียนรู้ภาษาไทยวันละคำ บางครั้งโพสต์อะไรก็เกร็งกลัวคำผิด แต่ก็ดีค่ะ เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งนึง สั้น ๆ แต่ได้ใจความ สุขใจที่ได้เห็น สุขใจที่ได้ทำ สุขใจที่ได้ชื่นชมค่ะครู ภูมิใจที่แบ่งปันรอยยิ้มให้กับเด็ก เป็นภาพที่ใสซื่อ บริสุทธิ์ และจริงใจ ขอบคุณที่ทำให้เราได้เจอกับ OFC มีเพื่อนที่ดีเหมือนมีทรัพย์มหาศาลแล้วค่ะ

 

โดย: suparut khongnukool IP: 171.97.14.105 25 มกราคม 2555 7:26:02 น.  

 

โห อย่าน้อยใจซิค่ะ ถึงไม่มีใครไปส่ง เดี๋ยวหนูนั่งแท็กซี่ไปส่งก็ได้ อาจมีบางครั้งที่ไม่มีเวลาได้ดูแลจารย์แม่อย่างดีเท่าที่ควร ก็ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ แต่สัญญาว่า จะไม่ให้รู้สึกอย่างนี้อีกแน่นอนค่ะ จารย์แม่ไม่ใช่ตัวปัญหานะค่ะ อย่าได้น้อยใจ มันทำให้หนูน้ำตาไหลค่ะ ไว้เรามาหาทางออกกันใหม่นะค่ะ

 

โดย: Ked IP: 115.87.101.56 25 มกราคม 2555 9:21:31 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณครู
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะค่ะ หนูแวะมาทักทายค่ะ
และมาอ้านเรื่องราวดีๆ ของคุณครูกับกลุ่มจิตอาสาค่ะ :)
อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆเลยค่ะ สังคมของเรายังเป็นสังคมที่เกื้อกูลกันเหมือนกับที่เคยเป็นมา ว่ากันว่า ผู้ให้มักจะสุขใจ คงเป็นเรื่องจริงที่สุดเลยค่ะ

 

โดย: Nepster 20 กุมภาพันธ์ 2555 23:18:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

space

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]




เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ

http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
space
space
space
space
[Add อาจารย์สุวิมล's blog to your web]
space
space
space
space
space