แม่ ....ผู้ให้ชีวิตแก่ลูก ๆ ทุกคน
กิจกรรม นี้ เป็นกิจกรรมที่ทีมบล็อกแก๊ง จัดขึ้น เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ฉันรู้สึกว่า เป็นกิจกรรมที่ดีมากทีเดียว เป็นการให้ลูก ๆ ได้เขียน ได้รำลึกถึง ความทรงจำที่เรามีต่อแม่ของเรา เพื่อเป็นการเพิ่มพลังจิตได้คิดถึงแม่ อันเป็นที่รักยิ่งของลูก ๆ เรื่องราวของ "แม่ของฉัน" มีมากมายที่ฉันจำได้เสมอ เมื่อวัยเด็ก ฉันเป็นเด็กอ่อนแอ เจ็บป่วย เป็นประจำ แม่เล่าว่า อุ้มฉันหาหมอทั่วกรุงเทพฯ ที่ไหนมีข่าวว่า หมอคนไหนเก่ง แม่ก็จะอุ้มฉันไปหาหมอ เวลาฉันดื้อ ฉันเกเร แม่มักจะ กล่าวแบบขำ ๆ ว่า "แกนี่ ทรมานฉันตั้งแต่อยู่ในท้องเลยนะ กว่าจะคลอดแก ฉันต้องวิ่งไปโรงพยาบาลถึง 3 ครั้ง" หมายความว่า แม่เจ็บท้องจะคลอด แต่พอไปถึงโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ยอมคลอด นอน 2 วัน แม่ก็เบื่อต้องกลับบ้าน ครั้งที่ 3 ฉันจึงยอมออกมาดูโลกอันสดใสงดงามใบนี้ นึกแล้วก็อดขำแม่ไม่ได้นะ ตอนเด็ก ฉันฟังแม่เล่าแล้วก็เฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อโตขึ้น รู้ความมากขึ้น ก็รู้สึกสำนึกถึงความยากลำบาก ยากเย็นของแม่ที่ต้องเลี้ยงดูเด็กขี้โรคอย่างฉัน สมัยเป็นวัยรุ่น ฉันเคยทำให้แม่เสียใจอย่างมากอยู่ครั้งหนึ่ง ด้วยความน้อยใจ ที่แม่รักแต่น้องชาย ซึ่งตามธรรมดาความรู้สึก ของชนชาวจีน มักจะรักลูกชาย มากกว่าลูกสาว เพราะถือว่า ลูกชายเป็นผู้สืบตระกูล ผู้หญิงพอโตเป็นสาว ออกเรือนไป ก็เป็นสมบัติของคนอื่นไปเสียแล้ว เหตุการณ์ครั้งนั้น ฉันทะเลาะกับน้องชายและตีน้องชายซึ่งทำผิด แม่ใช้คำพูดที่ค่อนข้างรุนแรง กับฉัน ซึ่งฉันรับไม่ได้จริง ๆ ตอนนั้น ฉันเป็นวัยรุ่นที่เรียกว่า ใจร้อน เจ้าอารมณ์ คิดหนีออกจากบ้านไปตายเอาดาบหน้า พอแม่รู้เท่านั้น แม่ร้องไห้ และบอกว่า ที่ใช้คำพูดที่รุนแรงนั้น เพราะอารมณ์โกรธ ไม่ใช่ไม่รัก พอเห็นน้ำตาแม่ ฉันก็ใจแป้ว แม่กับฉันก็เข้าใจกันแล้ว นี่เป็นครั้งหนึ่งที่ฉันรู้สึกบาปมากที่ทำให้แม่ร้องไห้ ฉันมักงอนกับแม่ ไม่พูดกับแม่ อดข้าวประท้วง ถ้าแม่ไม่มาง้อเรียกกินข้าว ก็ประท้วงไม่กินข้าว (แอบให้หลานไปซื้อข้าวเหนียวสังขยามาทาน ก็มันหิวนี่นา ) ในที่สุด แม่ก็ทนไม่ไหว ยอมแพ้ มาเรียกไปทานข้าว ฤทธิ์เดชของฉันมากมาย ที่ทำกับแม่ แต่แม่ ก็ไม่ได้โกรธจริงจัง ฉันเองก็รู้ว่า แม่รักฉันมากทีเดียว เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ รู้ความมากขึ้น ฉันก็รู้สึกบาปมาก ที่งอนและประท้วงแม่ไว้หลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเรียน แม่เป็นผู้หญิงค่อนข้างมีความเชื่อว่า ลูกผู้หญิงไม่ต้องเรียนอะไร ให้มากมายหรอก ออกเรือนไป สามีก็เลี้ยงดู จะเรียนมาก ๆ ไปทำไม แนวคิดนี้ ฉันต่อต้านมาก โดยมีความคิดว่า ทำไมจะต้องให้สามีเลี้ยงดู ถ้าแต่งไปแล้ว เขาไม่เลี้ยงดู เราไม่มีความรู้ มิต้องทนอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตหรือ แต่ถ้าเรามีความรู้ ย่อมเลี้ยงดูตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราแม่ลูก ความเห็นไม่ได้ตรงกัน แต่ในที่สุด ฉันก็ชนะ เพราะสามารถเรียนจบปริญญาจนได้ และสามารถแสดงให้แม่เห็นได้ว่า การศึกษามีความสำคัญมาก เพราะทำให้เราสามารถ ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใคร ซึ่งน้อง ๆ ไม่มีใครชอบเรียนสักคน พอสิ้นพ่อ ก็ต้องทำงานที่ลำบาก เงินเดือนก็น้อย ถึงตอนนี้ แม่เห็นด้วยกับฉันแล้ว ฉันรู้ว่า แม่รักฉันมาก ก่อนฉันจบการศึกษาและจะต้องกลับมาอยู่ที่บ้าน แม่ภูมิใจมาก อย่างน้อยแม่ก็มีลูกสักคนเรียนจบปริญญา เชิดหน้าชูตา พอแม่รู้ว่า ฉันจะกลับมาอยู่บ้านกับแม่แล้ว แม่เตรียมซื้อโต๊ะ เก้าอี้ สำหรับฉันใช้เวลาเตรียมการสอน ซื้อเตียง ซื้อตู้เสื้อผ้า ไว้พร้อมสรรพ เพื่อต้อนรับฉันกลับสู่บ้านอันอบอุ่น จะได้อยู่ด้วยกัน พร้อมหน้าพร้อมตา แต่น่าเสียดาย พ่อจากฉันไปตั้งแต่ฉันอยู่ปีหนึ่ง ฉันยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณอะไรพ่อเลย คงต้องเป็นชาติหน้าถ้ามีจริง น่ะนะ แม่ภูมิใจในตัวฉัน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อรู้ว่า ฉันจะได้รับปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ฉันทำงานแล้ว ตัดชุดใหม่ให้แม่ใส่ไปงานรับปริญญาบัตรของฉัน แม่เป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป จึงมีรูปน้อย ฉันหาได้จากงานรับปริญญาของฉัน เพียง 2 ใบเท่านั้น ค่ะ
ภาพนี้ เป็นภาพที่แม่ไปร่วมงานรับปริญญาของฉัน โดยมีครอบครัวของคนในอดีตของฉันเอารถมารับไปงานและมีเพื่อนรักร่วมสถาบันและเพื่อนไปร่วมแสดงความยินดี ค่ะ
รูปนี้ ถ่ายกับพะเยาว์เพื่อนรักด้วยค่ะ
เรื่อง ความรัก ความผูกพันระหว่างแม่ลูก ของฉันกับแม่ มีมากเกินกว่าที่จะเล่ากันได้หมด โดยเฉพาะ หลังจาก พ่อถึงแก่กรรม น้อง ๆ มีครอบครัวกันไป เหลือเราสองคนแม่ลูก ุฉันต้องไปทำงาน คือสอนหนังสือ สอนพิเศษ วันไหน ที่ฉันไม่ต้องสอนพิเศษ แม่จะรอฉันกลับมาทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันเสมอ แม่เป็นคนมัธยัสถ์เสมอ การสอนของแม่ ฉันจำได้เสมอ ถึงแม้ครอบครัวเราจะพอมีพอกินในสมัยที่พ่อยังเปิดโรงงานทำน้ำหวานอยู่ แต่แม่สอนให้พวกลูก ๆ รู้จักค่าของเงินเสมอ เราจะได้เงินค่าขนมสัก สองสลึงในสมัยนั้น เราต้องถูกบ้านเสร็จก่อน เราจึงจะได้สองสลึงไปซื้อขนม ฉันมีโอกาสได้อยู่กับแม่หลังเรียนจบและทำงาน เพียง 13 ปี แม่ก็จากฉันไป เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ฉันเสียใจมากที่สุด ที่ฉันมีโอกาสตอบแทนบุญคุณแม่น้อยนัก ได้แต่หวังว่า ชาติหน้าหากมีโอกาสเกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก คงได้มีโอกาสตอบแทนพระคุณแม่ ได้มากกว่าในชาตินี้ ค่ะ ฉันหวังว่า เรื่องราวที่ฉันเขียนมานี้ คงจะมีข้อคิด ให้ผู้อ่านที่ยัง มีพ่อ มีแม่ นำไปใคร่ครวญ ว่า ท่านโชคดีมาก ที่ยังมีโอกาสได้ดูแล พ่อ แม่ ชอให้มีความกตัญญู ให้ความห่วงใย ดูแลท่านทั้งสองเป็นอย่างดี อย่าได้ขี้งอน โกรธแม่ อย่าทำเรื่องราวที่จะทำให้แม่เสียใจ ใครที่ยังมีลักษณะนี้อยู่ก็ปรับแก้นิสัยก่อนที่จะสายไป นะคะ
Create Date : 16 สิงหาคม 2559 |
|
30 comments |
Last Update : 16 สิงหาคม 2559 21:01:16 น. |
Counter : 2547 Pageviews. |
|
|
|
งอนเชื่อว่ามีบ้าง แต่โกรธเกลียดนี่คงหาได้ยาก แต่ใช่ว่าจะไม่มี ผมเคยเจอคนด่าพ่อตัวเอาแบบหยาบๆ ด้วยนะเออ ผมนี่อึ้งไปเลย
อาจารย์สุวิมล Diarist
+