เที่ยว สะพานฟ้า ผามังกร หรือ อุทยานหลุมบ่อฟ้า สะพานสวรรค์ (เที่ยง ฉงชิ่ง ตอนที่ 2 ) วันที่ 24 มิถุนายน 59 วันนี้ เป็นวันที่ 2 ของทริปนี้ โปรแกรมเที่ยว คือ อุทยานเทียนเซิงซานเฉียว หรือ อีกชื่อว่า หลุมฟ้า สะพานสวรรค์ (Hongya Dong (Cave) เมื่อคืน คุณพี นัดให้พวกเราตื่นแต่เช้า เพราะต้องออกเดินทางโดยรถไฟฟ้า แล้วต่อด้วยรถประจำทาง ไปเมืองอู่หลง ซึ่งมีระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร นัดกัน ออกเดินทาง ประมาณ 7.00 น. แต่โชคไม่ดี ฝนตกตั้งแต่เมื่อคืน แถมตกหนักตอนเช้าอีก มีลมพัดแรงอีกด้วย จึงต้องรอกันอยู่ที่ห้องโถงของโรงแรม กว่าฝนจะซา ก็เสียเวลาเกือบชั่วโมงได้ ฝนยังโปรย ๆ อยู่แต่ทุกคนก็สู้นะ กางร่มกันบ้าง ใส่เสื้อฝนกันบ้าง พวกเราเดินกันไปถึงสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งก็ไกลมาก พอสมควร คุณพี ไปตีตั๋วโดยการหยอดเหรียญและจะมีตั๋วออกมาจากช่องเหมือนเมืองไทยเรานั่นแหละ ค่ะ ดังที่ฉันเคยถ่ายรูปตั๋ว ให้ดูตั้งแต่ตอนที่ 1 แล้ว นั่นเอง เดินจากสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งใช้เวลา น่าจะประมาณ 10 กว่านาที ก็ถึงสถานีรถบัส ซึ่งเราต้องไปตีตั๋วที่นี่ เพื่อเดินทางไปเมือง อู่หลง ใช้เวลาเดินทางประมาณ2 ชั่วโมง แล้วต้องจ้างรถแท็กซี่ หรือรถเล็กไปยังอุทยานอีกประมาณ 20 นาที ระหว่างที่รอรถบัส ในบริเวณนั้นเป็นลานกว้าง มีเก้าอี้ ให้นั่งพักแล้วก็มีร้านค้าขายของกิน กินกันเป็นอาหารมื้อเช้า แต่ฉันต้องกินยาแต่เช้า เลยทานมาม่าที่เอาจากกรุงเทพฯ ไป 1 ห่อ พร้อมผลไม้ สาลี่ที่ซื้อเมื่อวานนี้ อีก แล้วจึงทานยา แก้ปวดเข่า เตรียมพร้อมในการเดินทางไปอุทยายหลุมบ่อฟ้า ซึ่งต้องเดินทางไกลเป็นกิโล ๆ หลายกิโลอยู่ น่าจะประมาณ 9 โมงกว่า รถบัสก็เริ่มออกเดินทางไปเมืองอู่หลง ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยาน หลุมฟ้า สะพานสวรรค์ ระหว่างทาง ฉันถ่ายทิวทัศน์ของสองฟากฝั่งถนนมาฝากด้วย มาถึงท่ารถปลายทาง ก็มีรถเล็ก 4 ล้อ มาเชิญชวนให้จ้างรถของเขาไปเที่ยวอุทยานหลุมฟ้า สะพานสวรรค์ พวกเรายังไม่ได้คุยด้วย เพราะใกล้เที่ยงแล้ว หมวยเกี๊ยชวนทานเกี๊ยวซึ่งบริเวณแถวนี้ มีร้านขาวเกี๊ยวกันหลายร้าน พวกเราสั่งกันคนละชาม โห! ชามใหญ่มาก มีเกี๊ยวตั้งเป็น 10 ชิ้นได้ แต่ละชิ้น ก็ลูกใหญ่ ๆ ด้วย แต่เนื้อในมีหมูน้อยมาก ปรากฏว่า ต้องให้ คุณพีมาช่วยกินไป 1 ชาม แล้วพวกเรา ุ6 คน รวมหมวยเกี๊ยด้วย แบ่งกัน ลุงสม ไม่ทาน เหลืออีกชาม พอดี เพื่อนร่วมทริปเดินมาคนหนึ่ง คือ เอี๊ยด (หมวยเกี๊ยบอกชื่อ) เลยต้องขอร้องให้เขาช่วยทานด้วย มีคนมาช่วยกินด้วย แต่ละคนยังกินเหลืออยู่หลายชิ้น รสชาติก็พอกินได้เวลาหิว อิอิ อาหมวยที่เราบอกให้รอเรื่องรถ มีความพยายามมาก แกก็ยืนรออยู่แถวนั้น เสนอที่เที่ยวหลายแห่งให้เรา เสนอราคารถคันละ 300 หยวน พาเที่ยว 3 แห่ง แต่เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น จึงเที่ยวเฉพาะที่เราจะไปตามโปรแกรมเรา เขาคิดราคา 250 แต่ฉันต่อรองได้เหลือ คันละ 200 โดยถามคุณพีก่อนจะต่อ ในที่สุด ก็ตกลงไปกัน 3 คันรถ คันละ 6 คน ก่อนจะไปชมภาพของหลุมฟ้า สะพานสวรรค์ เรามารู้ถึงประวัติความเป็นมาของสถานที่ดังกล่าวนี้ก่อนค่ะ เมือง อู่หลง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฉงชิ่ง เป็นเมืองที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูง มีแม่น้ำอู่เจียง ตัดผ่านเป็นแม่น้ำสายหลัก มีทัศนียภาพที่งดงามยากที่จะพรรณนา เป็นที่ตั้งของอุทยานหลุมบ่อฟ้า สะพานสวรรค์ ซึ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติระดับ 5 เอ ที่เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลก เนื่องมาจากการกัดเซาะของน้ำ ทำให้เกิดเป็นบ่อหลุมขนาดใหญ่ที่ลึก ประมาณ 300-400เมตร มีบางส่วนเป็นโพลงทะลุเหมือนกับสะพานทอดข้ามระหว่างภูเขา ซึ่งภายในอุทยานแห่งชาติ หลุมบ่อฟ้าที่ 2 หลุมที่มีหน้าผาแกรนแคนย่อนสูงชั้น 200-400 เมตร เกิดโตรกผาลึก 1 แห่ง ถ้ำ 4 แห่ง และเกิดธารน้ำใต้ดินอีกหลายสาย มี 3 สะพานสวรรค์ เป็นสะพานภูเขาที่มีความสูงถึงถึง280เมตร 167 เมตร ภายในอุทยาน มีโรงเตี้ยมเก่า ๆ ซึ่งเป็นจุดแวะพักของคนเดินทางในสมัยก่อน ตั้งแต่ยุคราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907) บริเวณนี้ ที่ จางอี้โหมว นักสร้างหนัง ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่อง "ศึกโค่นบัลลังก์วังดอกไม้ทอง" หรือ Curse of the golden flower และหนังฝรั่ง เรื่องTransformers 4 ภูมิประเทศอยู่ในหุบเขาสลับซับซ้อนกับทะเลสาบ มีอากาศเย็นชื้น ผามังกร หลุมซึ่งเกิดโดยธรรมชาติ ปกคลุมด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากที่นี่อากาศชื้นสูง จึงนิยมทานสมุนไพรที่ชื่อว่า หม่าร่า ซึ่งเป็นสมุนไพร ที่จะช่วยขับความชื่นออกจากร่างกาย เหมาะกับเมืองที่มีความชื้นสูง ซึ่งความชื้นจะทำให้เป็นโรคไขข้อมากมาย จึงชอบทานหม่าร่า
ฉันได้เสาะหาความรู้เกี่ยวกับอุทยานแห่งนี้มาประกอบการเขียน ต่อจากนี้ ฉันจะได้นำภาพที่ฉันและเพื่อน ๆ ถ่ายมาฝากให้ชมค่ะ รถทั้ง 3 คัน พาพวกเราไปถึงอุทยานหลุมฟ้า สะพานมังกร แล้วบอกพวกเราว่า จะไปรอตรงจุดที่นัดกันไว้ เพราะเวลาไปเที่ยวเสร็จแล้ว เราจะไม่เดินออกทางเดิมอีก หลังจากนัดหมายกันเรียบร้อยแล้ว คุณพี ไปตีตั๋วเข้าไปชม นักท่องเที่ยวมาเที่ยวสถานที่แห่งนี้มากทีเดียว พวกเราต้องเข้าแถวกัน เพื่อขึ้นลีฟต์ไปชมอุทยาน มาชมค่ะ ลีฟต์ที่ขึ้นไปชม ไปได้ครั้งละน่าจะ สิบกว่าคนมั้ง มีเจ้าหน้าที่คอยนับจำนวนคนเข้าไปในลีฟต์ด้วย เมื่อลงจากลีฟต์แล้ว เราเดินไปชมบรรยากาศของอุทยาน ซึ่งเขียวขจี มีต้นไม้ใหญ่น้อย โขดหิน สูงต่ำ ข้อดี คือ มีการทำทางเดิน มีราวให้เกาะเดินได้ หนทางค่อนข้างเฉอะแฉะ เนื่องจากฝนตก ตอนเราเข้ามาแล้ว ฝนก็ยังตกปรอย ๆ แต่นักท่องเที่ยวไม่ย่อท้อ ไม่หวั่นอะไรเลย ถ่ายรูปกับสถานที่ต่าง ๆ ชื่นชมกับบรรยากาศสุดตระการตา ยากที่จะสรรหาคำมาพรรณนามาให้เห็นตามไปด้วย ถ้าท่านผู้อ่านมีโอกาส ฉันอยากจะให้ท่านไปสัมผัสกับบรรยากาศเหล่านี้เอง ท่านจะเห็นด้วยกับฉันอย่างแน่นอน หากท่านอายุมาก เดินไม่ค่อยไหว ก็มีเสลี่ยงว่าจ้างให้ท่านได้นั่งสบายชมทิวทัศน์ได้อย่างสบาย ๆ เรามาชมภาพที่ฉันเก็บมาฝาก นะคะ
ตอนขากลับ เราต้องตีตั๋วนั่งรถของทางอุทยาน น่าจะคนละ 10 หยวน เพื่อให้มาส่งเราตรงที่รถคอยพวกเราน่ะ เพราะดูท่าทาง จะเดินไม่ไหวกันแล้ว เห็นทางลาดขึ้นไปตามไหล่เขาแล้ว ก็เริ่มท้อ เพราะหมดแรงกันทุกคน มาถึงที่จอดรถ คนรถมาเสนอ ให้กลับรถบัส ซึ่งเขาจะไปส่งเราถึงโรงแรมที่พักเลย ไม่ต้องลำบากไปต่อรถไฟฟ้าอีก ราคาก็เท่ากับตั๋วที่เราซื้อมา พวกเราก็เลยตกลงไปกับรถบัสที่เจ้าของรถเล็กจัดการให้ โดยเอาตั๋วรถบัสของเราที่ตีตั๋วมาแล้วให้เจ้าของรถบัสไป จ่ายเงินให้กับ รถเล็ก 3 คัน 600 หยวน แต่โชคร้ายเป็นของพวกเรา นอกจากรถติดแล้ว ยังโชคร้ายตอนที่รถมาใกล้โรงแรม ดันไปชนกับรถคันอื่น รอพวกเขาเจรจากันสักพัก คิดว่า คงเจรจากันนานแน่ พวกเราก็ลงจากรถ เพื่อจะไปต่อรถไฟฟ้า กลุ่มคุณพี หัวหน้าทัวร์เดินลิ่ว ๆ ไม่มอง ไม่รอกันเลย คราวนี้ก็เลยพลัดหลงกัน ไม่รู้จะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวากัน ถนนหนทางมืดก็มืด เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว เสียงบ่นก็เริ่มขึ้นด้วยความหงุดหงิด คุณพี แต่ในที่สุด คุณพีก็เดินหาพวกเรา ประมาณ 7-8 คนเจอ เดินไปที่สถานีรถไฟฟ้าอีก ไกลและมืดมาก เล่นเอาแต่ละคนบ่นกันแซด ต่อว่า คุณพี เขาก็อารมณ์เดิม คือ ยิ้ม ๆ เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ตามสไตล์ของเขา บางครั้งก็น่าเบื่อ ความไม่มีระเบียบ ระบบ ไม่มีการเตรียมพร้อมที่ควรมีมากกว่านี้ เรามาหาร้านอาหารใกล้ที่พักทานกัน พวกเรา 6 คน สั่งอาหารที่ร้านริมถนน น่าจะเป็นสามีภรรยากัน ที่นี่แปลกเหมือนกัน เขาให้เราเลือก ผัก เลือกเนื้อสัตว์ แล้วเขาก็เอาไปชั่ง แล้วก็เอาไปปรุงตามที่เราต้องการ เช่น จะให้เขาผัดผักรวมมิตร ใส่หมู หรือ ทำเป็นน้ำแกงจืด อะไรประมาณนี้ มีการใส่พริกด้วย แต่เราบอกไม่เอาหมาร่านะ อาหารมือนี้ ตกเฉลี่ยคนละ 10 กว่าหยวนเอง กลับมาถึงที่พัก ตัวใครตัวมัน อาบน้ำ นอนกันแล้ว เพราะพรุ่งนี้ เรายังต้องเดินอีกเยอะ ออมแรงไว้ก่อน อิอิ โปรดติดตาม ตอนที่ 3 ต่อไป นะคะ
Create Date : 03 สิงหาคม 2559 |
|
48 comments |
Last Update : 10 สิงหาคม 2559 20:54:04 น. |
Counter : 1758 Pageviews. |
|
|
|
มาเที่ยวกับคุณครูต่อค่ะ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
prizella Travel Blog ดู Blog
ปลาแห้งนอกกรอบ Travel Blog ดู Blog
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน Food Blog ดู Blog
ออมอำพัน Literature Blog ดู Blog
อาจารย์สุวิมล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น