ประมาณ 8.00 น. คณะของเรา ก็เคลื่อนขบวนออกจากที่พัก เพื่อมุ่งหน้าไปสู่อุทัยธานี
ระหว่างทาง ผ่านตลาดดอยมูเซอร์ ซึ่งมีของขายมากมาย เป็นของชนเผ่ามูเซอร์ เช่น ผักแม้ว
เนื้อหมู ขิง มะเขือเทศ ผักกาด ผักชี เป็นต้น ทุกอย่างราคาถูกมาก ผักแม้ว 3 กำ ราคา 50 บาท กำใหญ่ ๆ ด้วย
พอเราไม่เอา เขาลดให้ เหลือเพียง 40 บาท เขาขอร้องให้ช่วยซื้อ เลยช่วยซื้อ แล้วก็ซื้อมะเขือเทศ
ผักชี กำละ 10 บาท เยอะมาก กรุงเทพ คงขาย 30 บาทแน่ อย่างอื่น 3 ถุง 50 บาท เลยซื้อมา 3 ถุง
ไว้แจกเพื่อนบ้านได้ด้วย อิอิ เห็นทิพย์ซื้อหมูหวาน ราคาครึ่งโล 175 บาท ราคาก็ถูกว่ากรุงเทพฯพอควร
ก็ซื้ออีกครึ่งโล ทุกคนซื้อกันใหญ่ พริก กระเทียม หอมแดง ถูกและสดมาก เพราะเผ่ามูเซอร์ เขาปลูกเอง
มาชมภาพที่ฉันถ่ายมาฝาก ค่ะ
จากตลาดดอยมูเซอร์ ก็มุ่งหน้าไปอุทัยธานี เพื่อไหว้พระที่วัด จันทาราม หรือ วัดท่าซุง
ซึ่งมีสิ่งที่จูงใจนักท่องเที่ยวมาเยือน ก็คือ "มหาวิหารแก้ว" ที่สวยอลังการ จริง ๆ เข้าเขตอุทัยธานี
ทิพย์ไปแวะหาเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน (น่าจะเชียงใหม่)ร้านของเพื่อนเขา มีชื่อเสียงเรื่อง ขนมปังสังขยา
นอกจากขนมปังสังขยาแล้ว ยังมีขนมอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เช่น มะม่วงเส้นแช่อิ่ม พุทรากวน ขนมกลีบลำดวน เป็นต้น
ทุกคนซื้อขนมปังสังขยามากที่สุด ฉันก็ซื้อด้วยหลายอย่างเหมือนกัน จ่ายไปหลายร้อยบาทเช่นกัน
เราถามเพื่อนทิพย์ว่า แุถวนี้ มีร้านอาหารอร่อย ๆ ไหม เพื่อนทิพย์ก็แนะนำไปทานร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเก่าแก่ของที่นี่
พวกเราก็ขับรถไปตามที่เขาแนะนำ แล้วก็ไม่ผิดหวังนัก ส่วนใหญ่ทานกันสองชาม ฉันกับทิพย์ สั่งอีก 1 ชาม
แบ่งกันคนละครึ่ง เพราะคิดว่า ทาน 2 ชาม คงไม่หมดแน่ รสชาติก็ใช้ได้พอสมควร อาจจะเป็นเพราะหิวด้วย
ทิพย์ถ่ายรูปมาให้ชม 2 ใบ ค่ะ
หลังอิ่มหนำสำราญแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางไปยังวัดท่าซุงหรือวัดจันทาราม เราไปถึงช่วงนั้น น่าจะบ่ายสอง
แดดร้อนเปรี้ยงมาก ๆ หาที่จอดรถใต้ต้นไม้แล้ว เราก็เริ่มถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ วัดก่อน แล้วจึงเข้าไปชื่นชม มหาวิหารแก้ว
ภายในมหาวิหารแก้ว มีนักท่องเที่ยวมากราบไหว้พระพุทธรูปมากพอสมควร (ทั้ง ๆ ที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดราชการ)
มีเณรมาทัศนศึกษาด้วย หลายรูปเหมือนกัน ภายในวิหาร ประดับประดาด้วยแก้วเจียระไน เปล่งประกายเมื่อต้องแสงไฟ
ระยิบระยับ จับตา ดูงดงามยิ่งนัก พวกเราได้กราบพระซี่งมีอยู่ในวิหารหลายองค์ รวมถึงรูปหล่อของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ด้วย
มีตู้เชิญชวนให้ทำบุญด้วย และมีการเชิญชวนซื้อแผ่นทอง เพื่อนำไปหล่อรูปเหมือนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ด้วย
แผ่นทอง แผ่นละ 500 บาท ฉันทำบุญกับเยาว์ เพื่อนรัก คนละ 250 บาท ได้นำแผ่นทองให้หลวงพ่อ
ที่เป็นประธานในวิหาร ท่านให้ศีลให้พร และได้รับหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมา 1 เล่ม ด้วยค่ะ
มาชมรูปที่ฉันกับทิพย์เก็บมาฝาก ค่ะ
หลังจากไหว้พระในวิหารแก้วและชื่นชมความงดงามอันวิจิตรพิสดารของมหาวิหารแก้ว
น่าจะประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ๆ พวกเราก็เริ่มออกเดินทางต่อไปเพื่อกลับกรุงเทพฯ ระหว่างทาง สินก็แวะปั๊มให้เข้าห้องน้ำ
น่าจะสองครั้ง
เรามาถึงกรุงเทพฯ น่าจะทุ่มกว่าแล้ว แวะส่งพี่ชายของทิพย์แถวเซ็นทรัลบางนาแล้ว เราก็แวะมาบ้านเพ็ญที่พระโขนง
สั่งบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงของน้าเพ็ญทานกันคนละ 1 ชาม ก่อนที่ สินจะมาส่งฉันที่บ้าน น่าจะประมาณ สองทุ่มแล้ว
ฉันนำผักที่ซื้อมาแจกจ่ายเพื่อนบ้าน 3 บ้านที่สนิทกัน คือ บ้านเหมียว
บ้านของแม่น้องออม และบ้านเอ๋ ที่ขายโจ๊ก ด้วย ของอื่น ๆ ก็ส่งเข้าตู้เย็น ไว้ เหนื่อยและเมื่อยเหมือนกันนะเนี่ย แก่แล้ว นั่นเอง
ทริปเที่ยวเมืองตากและอุทัยธานี ก็จบลงไปอีกทริปหนึ่ง ด้วยความอนุเคราะห์ของทิพย์ซึ่งมาจากอเมริกา
ไปเยี่ยมญาติที่ตาก เลยมารับฉันไปด้วย และได้เที่ยวสองจังหวัดดังกล่าว เป็นทริปที่สนุกสนาน ได้นอนคุยกับลูกศิษย์
อย่างน้อยก็ 1 คืน ถึงจะน้อยกว่าตอนที่มาเมื่อ3 ปีที่แล้ว ที่ทิพย์มานอนคุยที่บ้านและไปเที่ยววัดโพธิ์ ไปเทอร์มินอล
ฉันต้องขอขอบใจทิพย์ ที่ยังรักและเคารพ คิดถึงฉันเสมอ ปีนี้นำของฝากกระเป๋าสีแดงสดสวยมาฝาก 1 ใบด้วย
ขอให้ทิพย์มีความสุข ความเจริญในชีวิต ตลอดไป นะจ๊ะ