2. ตอนที่ได้ยินโจทย์เกี่ยวกับโปรเจ็กต์ Valentines Design Of Love โน้ตนึกถึงภาพยนตร์เรื่องอะไรขึ้นมาทันที
คำตอบคือ a. Sliding Door ค่ะ ใครที่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้วน่าจะตอบได้ถูก เพราะเป็นเรื่องราวของเรื่องที่เกิดขึ้นแบบคู่ขนานกัน โดยมีจุดต่างแค่ว่า นางเอกสามารถขึ้นรถไฟขบวนนั้นทันหรือไม่แค่นั้นเอง ถ้านางเอกขึ้นทัน กลับไปบ้าน ณ ตอนนั้นจะได้พบกับเหตุการณ์หนึ่ง และเรื่องก็จะดำเนินไปแบบหนึ่ง แต่ถ้านางเอกกลับไม่ทัน เรื่องก็จะดำเนินไปอีกแบบทันที ...ซึ่งต้องขอบอกว่าโน้ตก็เล่าเรื่องดำเนินไปในลักษณะคล้ายๆ Sliding Door ด้วยค่ะ เพียงแต่ว่าทางเลือกและการตัดสินใจของภาพยนตร์จะอยู่ในมือของนางเอกคนเดียว แต่ของโน้ต ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากพ่อของนางเอก และในเรื่องก็มีจุดตัดสินใจจากตัวละครที่แตกต่างกันออกไปด้วยค่ะ ^^
สำหรับ Back to the Future เป็นมุกนึงที่นึกๆ ไว้เหมือนกันว่าจะเขียน โดยมี theme ว่า ถ้าตัวละครสามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร อนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ แต่โน้ตก็คิดถึงเรื่องนี้หลัง Sliding Door ค่ะ ...ส่วน Il Mare นั้นคิดขึ้นมาเป็นชอยส์หลอก (ฮา...) เพราะไม่ได้คิดถึงนิยายเรื่องนี้ไปในทางนั้นเลย (แต่ความจริงก็น่าสนอยู่เหมือนกันนะ ต้องเขียนแบบมีตอนจบให้ตัวละครได้พบกันและไม่ได้พบกัน หุๆ)
3. ตอนที่เขียนไปถึงช่วงใกล้จบทางเลือกภาค A. (เรื่องของโน้ตนั้น หลังจากบทนำจะแยกจากกันเป็นภาคA และ B โดยที่ทั้ง 2 ภาคจะไม่กลับมาเชื่อมกันอีก) มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้โน้ตรู้สึกมีความสุขมากที่ได้เขียนเรื่องนี้ และรู้สึกว่า นี่แหละ สิ่งที่ประทับใจที่สุดของนิยายเรื่องนี้ในความรู้สึกของฉัน
สิ่งที่โน้ตประทับใจที่ว่านั้นคือ
จริงๆ แล้วโน้ตก็ชอบทั้งหมดทุกชอยส์ที่เขียนมานั่นล่ะค่ะ แต่ข้อที่เป็นคำตอบคือข้อ b. พระเอกของเรื่องน่ารักสุดยอด ชนิดที่ทำให้โน้ตเกิดความหวังขึ้นในใจว่าจะมีผู้ชายแบบนี้อยู่ในโลกจริงๆ มั้ยน้า ...ผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยน ใจดี มีอารมณ์ขัน แถมยังหน้าตาดีอีกต่างหาก (แต่ไม่หลงตัวเองด้วยล่ะ) และที่สำคัญยังโสดอยู่ 555 เป็นภาพของผู้ชายที่โน้ตคิดว่า.. ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งจะรักใครสักคน ก็สมควรที่จะรักคนแบบพระเอกภาค A นี่แหละ
ที่บอกว่าเขียนแล้วปลื้มสุดๆ อินจัดๆ จนเกือบจะปรับตัวกลับมาเขียนภาค B ไม่สำเร็จ ถ้าเดดไลน์ไม่ค้ำคออยู่งานนี้อาจมีล่มนี่ก็จริงนะฮ้า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นถึงเป็นไปได้ขนาดนั้น อิอิ
4. คนที่เคยอ่าน Once Upon A Time เมื่อหัวใจได้พบรัก มาก่อน จะรู้ว่าภาพจากปกหนังสือเล่มนี้ (ทาวเวอร์ บริดจ์ ยามค่ำคืน) คือฉากสำคัญของเรื่องนั้น และเป็นฉากรักในฝันของคนเขียนตั้งแต่ก่อนตัดสินใจไปเรียนที่อังกฤษ แต่จนแล้วจนรอดก็หาคนไปเดินจูงมือกันบนนั้นไม่ได้จนต้องมาเขียนไว้ในนิยายแทน น่าเศร้าจริงๆ ...พอมาถึงเรื่อง เงาอดีต...ลิขิตรัก โน้ตก็ยังฝังใจไม่เลิก เลยนำฉากนี้มาเขียนเอาไว้ในภาคหนึ่งของนิยายของเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ฉากทาวเวอร์บริดจ์ อยู่ใน เงาอดีต...ลิขิตรัก ภาค... B ค่ะ ที่ตลกกว่าคือ ฉากเด่นในภาค A คือลอนดอน อาย ซึ่งเป็นหน้าปกของ Once Upon A Time... ดังนั้นถ้าใครอ่านแล้วนึกภาพไม่ออก ไปหาดูปกเล่มนั้นได้ค่ะ ^^
7. คนฉลาดบอกว่ามีแต่คนโง่เท่านั้นที่กระโจนลงสู่หลุมรัก แต่ จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อก้าวตกลงไปทั้งตัวจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว ภาค B ค่ะ แรงบันดาลใจของประโยคนี้มาจากท่อนเริ่มต้นของเพลง Cant help falling in love with you ค่ะ
วันนี้มาด้วยเพลงค่อนข้างเศร้า...แต่ทำไมถึงเลือกขึ้นบล็อกด้วยเพลงนี้ มันมีที่มาค่ะ หุๆ
เรื่องของเรื่องคือหลังๆ นี้การใช้เพลงในนิยายเสี่ยงต่อปัญหาด้านลิขสิทธิ์ นักเขียนจึงถูกขอให้ลบเพลงออกจากนิยายให้หมดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เนื่องจากเพลง "เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป" เนี่ย เป็นเพลงที่โน้ตอยากจะใส่ไว้ในนิยายเรื่องนี้มากๆ คิดกี่ตลบก็ตัดใจไม่ได้ เพราะส่วนตัวคิดว่าลงตัวกับเนื้อหาตอนที่เขียนสุดๆ (ถึงกับเขียนไปร้องไห้ไปเลยทีเดียว) ยังไงก็ไม่ยอมตัดแน่นอน สุดท้ายโน้ตเลยติดต่อเข้าไปทางแกรมมี่เพื่อขออนุญาตใช้เนื้อหาของเพลงประกอบงานเขียนนิยายเรื่องนี้โดยเฉพาะค่ะ ซึ่งทางแกรมมี่ก็อนุญาตเป็นอย่างดี (ขอขอบคุณ ณ ที่นี้อีกครั้งนะคะ )
...เพลงนี้จึงเป็นเพลงสำคัญสำหรับนิยายเรื่องนี้ เพราะเป็นเพลงที่โน้ตต้องใช้ความพยายามและใส่ใจถึงจะได้มา ^^