All Blog
|
น่าน...แบบไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มา - วันที่ 2 น่าน - วันที่ 2 (1 ตุลาคม 2024) เช้านี้ผมตื่นราวๆ 6 โมงครึ่งคุยกับแฟนช่วงก่อนขึ้นเครื่อง นัดแนะการมารับกันเรียบร้อยโดยที่แฟนผมแล้วก็-น้องสาวกับแฟนเขา จะขึ้นเครื่องมาน่านตอน 7 โมง เครื่องจะลงที่สนามบินน่านนครประมาณ 8 โมงครึ่งหลังจากออกจากสนามบินก็จะเช่ารถที่จองไว้ แล้วขับเข้ามารับผมที่โรงแรมครับ จากนั้นเราจะเดินทางไปอำเภอบ่อเกลือโดยระหว่างทางเราจะแวะ ไร่ปางแกะ ณ กิ่วม่วง, ถนนหมายเลขสาม, ร้านกาแฟหลงเขา ตามที่ได้รับคำแนะนำมาจาก Home Stay "ธรรมชาติสะปัน" ที่จะเข้าพักคืนนี้ เขาแนะนำว่า "ควรจะมาเช็คอินก่อนห้าโมงเย็นนะคะ ไม่ยังงั้นทางจะมืดเกินไปอันตรายค่ะ" ผมก็ไม่รู้หรอกว่าสภาพแวดล้อมแถวนั้นมันเป็นยังไงแต่เห็นว่าไม่มีไฟฟ้า(ต้องปั่นไฟใช้เอาเอง) น้ำประปาก็ม่ายมี แน่นอนว่าน้ำที่ใช้อาบหรือซักล้างก็มาจากลำธารใกล้ๆ คุยกันทาง Line จบเท่านี้ผมก็ลุกไปอาบน้ำเตรียมตัว Checkout ครับ ดอกกุหลาบที่โต๊ะใน Cafe ของโรงแรมครับ ทดสอบกล้องก่อนใช้งานจริง ชานมที่นี่ชงมาแบบแยกชั้น นมอยู่ล่างชาอยู่บนครับผมเกือบหันไปโวยวายว่า "ผมสั่งชานมนะครับ ไม่ใช่ชาดำเย็น" แต่โชคดีว่าลองดูดอึกนึงก่อน ไม่ยังงั้นนะ... โรงแรมที่พักเมื่อคืนครับ หมอนสูงไปหน่อย, ห้องน้ำไม่ค่อยดีนะ เจอน้ำท่วมใน Shower box หลังจากนั่งรอที่ Cafe ซักพัก คุยกันว่าจะไปกินข้าวเช้าด้วยกันครับผมก็เลยกินแค่ชาเย็นไปก่อน ราวๆ 9 โมงนิดๆแฟนผมและคณะก็เดินทางมาถึงโรงแรมแล้วก็เริ่มออกเดินทาง จุดเที่ยวแรก ไร่ปางแกะ ณ กิ่วม่วง เป็นฟาร์มแกะเล็กๆเพื่อการถ่ายรูปร่วมกับแกะโดยเฉพาะครับ โดยฟาร์มจะอยู่บนเนิน มีแกะราวๆเกือบ 30 ตัวให้ชมกัน บัตรผ่านประตู 100 บาท(ชาวน่านลด 50% ) มีอาหารแกะให้ 2 อย่างคือแครอทหั่นกับอาหารเม็ดครับ จอดรถ เดินเข้ามาที่ Ticket box ปุ๊บก็เจอน้องนอนเฝ้าร้านอยู่ จ่ายเงินถือกระทะใส่อาหารผ่านรั้วเข้ามา ไม่ทันไรก็เห็นต้าวแกะน้อยเดินกินหญ้าเทียมอยู่อย่างสบายใจ ไม่สนใจมะนุดที่มาเที่ยวหาเจ้าเลยหรือ??? แต่พอมีคนชูกระทะใส่อาหารเท่านั้นแหล่ะ ต้าวแกะน้อยก็วิ่งกรูกันเข้ามาอย่างบ้าคลั่งงงง!!! "ช่วยด้วยยยย!! ชั้นกำลังถูกล่าาา" น้องสาวแฟนผมพยายามจะบอกต้าวแกะน้อยทั้งหลายว่า ไม่มีอาหารแล้วจ้าา แต่ดูเหมือนต้าวแกะน้อยจะไม่มีใครเชื่อเลย สภาพหลังจากนั้น ผมไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอคั่นโฆษณาด้วยต้นไม้สีเขียวสวยครับ หลังจากที่เราออกมาจากฟาร์แกะน้อยมฤตยู(?) แล้ว ทางที่เราไปต่อก็มีแต่ขึ้น! ขึ้น! ขึ้น!!ครับ แต่วิวก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ช่วงที่พวกผมไปเป็นช่วงที่ยังมีฝนตกอยู่ ฟ้ามีเมฆปิดตลอด เรายังหวังลึกๆว่าจะได้ล่าทางช้างเผือกในคืนไหนซักคืนนึง ถ้ามีโอกาส... ช่วงที่เราขับรถขึ้นภูเขามาเรื่อยๆก็มีจุดจอดรถให้แวะถ่ายรูปกัน มีรถจอดอยู่บ้างประปราย พวกเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาครับ แต่ผมไม่ทราบจริงๆว่า แฟนผมเห็นอะไรที่ฟากขะโน้น พวกเราขับรถต่อมาอีกไม่นานก็ถึงจุดหมายถัดไป ถนนเลข 3 นั่นเอง ตรงนี้เป็นศาลาจุดพักตรงข้ามที่จอดรถครับ เล็กจิ๋ว เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่มาแล้ว ไม่พอแน่นอน "ตุ๊เอ๋!!" จากตรงนี้ก็เป็นเลข 3 จริงๆครับ เป็นจุดเที่ยวที่ไม่เลวเลย "แอ่น แอ๊น!" สนุกมากค่าาา แฟนผมจัดเต็มทุกท่า ขอแค่มีเลข 3 เป็นฉากหลังก็พอใจแล้ว กด shutter รัวไม่ยั้ง! W-RooooM!! "หลบหน่อยน้องสาว!! พี่กำลังรีบ!!" เป็นภาพที่ถูกใจผมมาก ขับมาจากถนนเลข 3 ไม่ไกลนัก (ไม่น่าเกิน 10 กิโลเมตร) พวกเราก็ "ห้ะ!? มีถนนเลข 0 ด้วย!?" ชาวบ้านนี่ช่างสรรหา มันก็มีทรงคล้ายๆเลข 0 แหล่ะ แต่ผมว่าเนินดินแดงตรงกลางมันเหมือนชิ้นเค้กตัด(แบบแหว่งๆ) เรียกว่า "โค้งชิ้นเค้ก" น่าจะดีกว่า หลังจากที่ถ่ายรูปกับถนนเลข 0 แบบรีบๆ เราขับรถออกมาได้อีกหน่อยก็เจอวิวดีอีกแล้ว เป็นวิวเทือกเขาที่มีถนนคดเคียวไปมา ธรรมชาติสีเขียวนี่มันดีจริงๆไอหมอกก็ปกคลุมไปทั่ว สดชื่นมากครับ แฟนผมทำงานในกรุงมานาน ไม่ค่อยได้ออกมาจากตรงนั้นก็ต้องมีความ "อิน" กับที่ทางแถวนี้เป็นเรื่องธรรมดาครับ น้องเขาชอบมาก ดูมีความสุข (เราก็ดีใจที่เขาชอบ มีความสุขไปด้วย ) เที่ยวมาครึ่งวัน เราก็ได้ภาพหมู่แบบครบทีมกันตรงจุดนี้แหล่ะครับ ที่พักของคืนที่ 2 นี้ครับ "ธรรมชาติ สะปัน" จริงๆแล้วน้องสาวของแฟนผมอยากพักอีกที่นึงใกล้ๆกันชื่อ "บ้านปันสุข" แต่ดูคิวแล้วยาวไปจนถึงหลังปีใหม่ก็เลยเลือกที่นี่แทน วิวนอกระเบียงก็ไม่เลวครับ แต่แฟนผมแอบผิดหวังนิดๆเพราะไร่ข้าวโพดมันไม่เขียวแล้ว เราเที่ยวกันเพลินมาก ขับรถขึ้นเขาก็ใช้เวลาพอสมควร พวกเรามีความเห็นตรงกันว่า "ไปดูที่พักกันก่อน ถ้ามีเวลาเหลือก็ค่อยออกมาหาตุนเสบียง" เพราะหมูกระทะที่ทาง Homestay เขาจัดให้...ไม่น่าจะพอสำหรับ 4 คน การมาพักที่ Home stay กลางป่ากลางเขาแบบนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ power bricks ครับ แนะนำว่าให้เอามาหลายอันหน่อย ของผม 13,400 mAh ก้อนเดียว...ไม่พอครับ กล้องที่ใช้ถ่ายก็เพิ่งซื้อมาไม่นาน เพิ่งใช้ทริปนี้เป็นทริปแรกทำให้รู้ว่ามันกินแบตมากกว่ากล้องตัวเก่าที่โดนขโมยไปเมื่อปีที่ก่อนมากพอสมควร (ยี่ห้อเดียวกัน แบตขนาดเท่ากันด้วย) ถึงเขาจะปั่นไฟไว้ให้ใช้ แล้วก็มี Solar cells แต่ไม่พอครับ ทางเจ้าของบ้านบอกว่าเพิ่งซื้อมาติด ยังไม่รู้ว่าใช้พอมั้ยแต่คนขายบอกว่าพอ พวกเราไม่ได้มีอุปกรณ์อะไรที่กินไฟมาก (พวก hair dryer หรือเครื่องรีดผม) มีแค่กล้อง ipad โทรศัพท์ แล้วก็ power brick ของแต่ละคนครับ แต่ไฟก็ดับตั้งแต่ 3 ทุ่มกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านอีกหลังใกล้ๆเขาใช้ไฟโหดรึเปล่า ทางขึ้น-ลงของ Home stay ที่เรามาพักก็โหดเอาเรื่องอยู่ครับ กว่าจะกลับออกไปถนนใหญ่ได้ก็กินเวลาราวๆ 30 นาที หลังจากซื้อของ ซื้อเสบียงเรียบร้อย เวลายังเหลือ เราก็ขับรถไปร้านกาแฟ "หลงเขา" กันครับ ลำธารในที่ของร้านยังมีโคลนแดงอยู่ครับเพราะช่วงนี้ฝนยังตกไม่หยุด พวกเรามาแวะที่ร้านราวๆครึ่งชั่วโมง สั่งเครื่องดื่มกันคนละแก้วผมสั่ง Espresso คั่วอ่อนครับ ดีใจมากที่มีกาแฟคั่วอ่อนให้กิน หากินยาก(เรียกว่าไม่ค่อยมีคนกินจะง่ายกว่า) แก้วนี้มีน้ำร้อนให้ด้วย 85 บาทครับ เปรี้ยวสะใจ หอมกลิ่นผลไม้ ชอบเลย และแล้วการขับรถเที่ยววันนี้ก็สิ้นสุดลง หลังจากที่พวกเราได้ออกจากร้านหลงเขาก็เฉียด 5 โมงเย็น ฟ้าก็เริ่มมืดๆ ครึ้มๆ ยังดีที่แฟนน้องสาวของแฟนผม(คนขับรถ) เขาคุ้นทางเร็วมาก จำทางได้ก็เลยถึงที่พักไวกว่าตอนไปทีแรกครับ มื้อเย็นของพวกเราก็เป็นหมูกระทะยกเซ็ท 500 บาท แล้วก็หมูหมักที่เราซื้อมาเพิ่มตอนออกมารอบเย็นอีก อิ่มหมีกันไป คืนนี้ฟ้าปิดมิดชิดมาก ไม่มีโอกาสให้เราได้ส่องทางช้างเผือกเลย รู้สึกเสียดายหน่อยๆครับ เพราะบริเวณรอบๆที่พักนี่มันมืดธรรมชาติจริงๆ แผนการของพรุ่งนี้ก็คือ ร้านกาแฟที่ดังมากอีกร้านหนึ่งแถวๆนี้ "ร้านหยุดเวลา" นั่นเองแล้วก็จุดชมวิว 1715 อำเภอปัว มุ่งหน้าไปสกาดซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนสุดท้ายครับ ใครที่พลาดอ่านของวันแรกก็สามารถกดไปอ่านได้ที่สมุด เลยครับ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้แล้วพบกันใหม่คราวหน้า สวัสดีครับ อ้าวพลาดตอนสองไปได้อย่างไร
โดย: หอมกร วันที่: 16 ตุลาคม 2567 เวลา:16:06:48 น.
ตามเที่ียวต่อครับ ไม่ค่อยเจอครับ แกะแบบปล่อย
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 16 ตุลาคม 2567 เวลา:21:56:08 น.
|
กะริโตะคุง
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ชอบปั่นจักรยาน เที่ยวแถวๆบ้าน (แต่จริงจังนะ) แวะคาเฟ่ไปเรื่อยๆครับ เครื่องดื่มที่ชอบ : Espresso (คั่วอ่อน) Latte (คั่วกลาง) ชาไทย (ไม่หวาน) ชาเขียว (ก็ไม่หวาน) โกโก้ (ไม่หวาน ขมๆ 90%) ชาฮ่องกง (Ceylon) ก็ไม่หวานเหมือนกันครับ ถ่ายรูปเป็นงานอดิเรกมาตั้งแต่ปี 2014 แต่ฝีมือไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่ครับ ถ่ายตามใจฉัน จะพยายามอัพ Blog บ่อยๆครับ
Link |