มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
4 มีนาคม 2553

หลักกาลามะสูตร



ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกถึงนิคมเกสปุตตะของพวกเจ้ากาลามะ ชาวกาลามะได้พากันมาเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลถามว่า ได้มีสมณะและพราหมณ์พวกหนึ่ง
มายังเกสปุตตนิคม ได้สำแดง เชิดชู วาทะของตนฝ่ายเดียว แต่กระทบกระทั่งดูหมิ่นเหยียดหยามวาทะของฝ่ายอื่นให้เห็นว่าเป็นฝ่ายต้อยต่ำ

ต่อมามีสมณะและพราหมณ์อีกพวกหนึ่งได้มาสำแดง เชิดชูวาทะของตนฝ่ายเดียวโดยกระทบกระทั่ง ดูหมิ่น เหยียดหยามวาทะของฝ่ายอื่นว่าเป็นฝ่ายต้อยต่ำเช่นเดียวกัน พวกตนจึงสงสัยว่าทำอย่างไรจึงจะรู้ได้ว่าพวกตนสมควรเชื่อใคร และสมณะและพราหมณ์เหล่านั้นใครพูดจริง พูดเท็จอย่างไร

พระพุทธเจ้าได้ตรัสต่อชาวกาลามะทั้งหลาย

ให้ใช้หลักวินิจฉัยด้วยตนเองโดยมิให้ปลงใจเชื่อถือ ด้วยเหตุ ๑๐ ประการ ดังต่อไปนี้

๑) มา อนุสสะเวนะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะได้ยินได้ฟังอยู่เนือง ๆ

๒) มา ปรัมปรายะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะเป็นไปตามประเพณีสืบ ๆ กันมา

๓) มา อิติกิรายะ อย่าเชื่อถือตามคำที่เขาเล่าลือกัน

๔) มา ปิฏะกะสัมปะทาเนนะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะตรงกับตำรา

๕) มา ตักกะเหตุ อย่าเชื่อถือเพราะคาดคะเนเอา

๖) มานะยะเหตุ อย่าเชื่อถือเพราะมีนัยเทียบเคียงกันได้

๗) มา อาการะปริวิตักเกนะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะคิดไปตามอาการที่ได้เห็น

๘) มา ทิฏฐินิชฌานักขันติยา อย่าเชื่อถือเพียงเพราะเข้ากันได้กับทฤษฎี

๙) มา ภัพพะรูปะตายะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะคนพูดน่าเชื่อถือ

๑๐) มา สะมะโณ โนคะรูติ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะผู้พูดเป็นสมณะหรือครูอาจารย์

พระพุทธเจ้าท่านสอนไม่ให้เชื่ออะไรง่าย ๆ เพียงเพราะเหตุใดเหตุหนึ่งใน ๑๐ ประการดังกล่าวข้างต้น แต่ให้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และโดยที่ปฐมเหตุแห่งการที่ท่านเทศนาหลักกาลามะสูตรดังกล่าว ก็เนื่องจากความแตกต่างในหลักธรรมที่มีผู้สอนผิดแผกกันไป ท่านจึงให้ไตร่ตรองว่า หลักธรรมใดที่เป็นอกุศล มีโทษ ผู้คนติเตียน กระทำอย่างสม่ำเสมอแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือสร้างความทุกข์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น ให้ปล่อยทิ้งไปไม่ควรเก็บมาเป็นอารมณ์ แต่ถ้าหลักธรรมใดเป็นกุศล ไม่มีโทษ ผู้คนสรรเสริญ กระทำอย่างสม่ำเสมอแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์ และนำความสุขมาให้แก่ตน ก็ให้พึงรับมาปฏิบัติได้

หลักการดังกล่าวได้ผ่านพ้นมาสองพันห้าร้อยกว่าปี แต่ถ้าไตร่ตรองดูให้ดี จะเห็นได้ว่ายังสามารถนำมาใช้ได้ในยุคปัจจุบัน และใช้ได้กับทั้งศาสนจักร และอาณาจักร

ที่มา : //teetwo.blogspot.com/2006/08/blog-post_115604753165261789.html






คนไทยจะสอนให้เราเชื่อผู้ใหญ่โดยปราศจากการโต้แย้ง ตาช่างไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะคิดว่าสิ่งที่ถูกต้องคือเราควรเชื่อจากการนำคำสอนของผู้ใหญ่มาพิจารณาผ่านตัวตนของเราให้สมเหตุสมผลก่อนที่จะเชื่อ ดังนั้นสิ่งที่เราเชื่อหรือกำลังจะทำ จะเป็นสิ่งที่ทนทานต่อการพิสูจน์ได้คับ

จริงๆ ที่อยากพูดถึงไม่ใช่แค่การเชื่อผู้ใหญ่ แต่รวมถึงการเชื่อสิ่งที่เค้าว่ากันมาว่าดี ว่าถูก ว่าควร จนสิ่งเหล่านั้นกลายเป็นกรอบให้เราไม่กล้าทำอย่างอื่น ดังนั้นจะเห็นได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตแบบ play safe คือเดินตามทางที่ควรเดิน ไม่ผิดอะไร แต่บางครั้งก็ทำให้ตัวตน หรือจินตนาการเราหายไป สิ่งที่ตามมาคือการขาดความเป็นตัวของตัวเอง แต่ชอบทำตาม ตามจนบางครั้งไม่ลืมหูลืมตา แต่จะดีมากถ้ารู้จักตาม และรู้จักนำในเวลาเดียวกัน

ทำในสิ่งที่คิดแล้วว่าดี ไม่เดือดร้อนใคร และไม่ทำในสิ่งที่คิดว่าไม่ดี แม้คนอื่นจะทำ ไม่เช่นนั้นประเทศจะรุ่งเรืองได้อย่างไร ถ้าเราทำตามแต่ที่อดีตทำกันมาโดยไม่พิจารณาว่าเป็นสิ่งที่ถูกหรือยัง ระบบอะไรเน่าก็เน่าอยู่อย่างนั้น หรือจะต้องมีการล้างไพ่ถึงจะเกิดสิ่งใหม่ได้ ดับเพื่อเกิด สู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว

ส่วนตัวแล้วอะไรก็ตาม ถ้ายังไม่ผ่านการพิสูจน์ก็จะไม่เชื่อ จนบางทีก็ดูเป็นคนขวางโลก เพราะมักจะขัดกับที่เค้าว่าต่อๆ กันมา แต่เพื่ออุดมการณ์ เราก็ต้องพิสูจน์เพื่อให้ได้ทฤษฎีใหม่ ซึ่งก็เห็นได้มากมายในบล๊อกให้ได้สนุกสนานกันไปคับ

งวดนี้พูดจาแตกประเด็นหลายเรื่องแบบงงๆ เพราะมึนๆ กะคนและบ้านเมืองตอนนี้

ยังไงก็เอามาแบ่งปัน เพราะคิดว่ามีประโยชน์กับหลายๆ คนคับ




 

Create Date : 04 มีนาคม 2553
2 comments
Last Update : 4 มีนาคม 2553 2:10:48 น.
Counter : 3695 Pageviews.

 

well...
is good to know u and ya gangter
hope to c u next week
k.ying

 

โดย: sany_damvisai@yahoo.com IP: 124.120.108.179 1 กรกฎาคม 2553 15:08:59 น.  

 

ขอขอบคุณเมล์ดีดีนะคะ

 

โดย: nana IP: 91.97.35.221 18 มิถุนายน 2555 15:22:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sushiboy69
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 101 คน [?]




เด็กหัวโปกที่ทำอะไรเรื่อยเปื่อยไปวันๆ
หมกมุ่นกะเครื่องสำอางที่ตัวเองไม่ได้ใช้
หมกมุ่นอยู่กับหัวของชาวบ้านไปเรื่อยๆ
...ขอบคุณเหยื่อทุกรายที่ยอมพลีชีพ
เป็นอาจารย์ของผมค้าบ
...ขอบคุณทุกความคิดเห็นและทุกบล๊อก
ที่เป็นตำราชั้นดีของผมค้าบ

Creative Commons License
sushiboy69.bloggang.com โดย sushiboy69 อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ sushiboy69.bloggang.com.
New Comments
[Add sushiboy69's blog to your web]