ประเทศไทยสามารถผลิตก๊าซชีวภาพจากฟาร์มเกษตรกรเช่นเดียวกับประเทศเยอรมณี ที่ขณะนี้มีทั่วประเทศกว่า7,000แห่ง โดยใช้วัตถุดิบพวก ต้นหญ้า,ต้นข้าวโพด,แป้งข้าวโพดและมูลสัตว์ทีมีมากมายในฟาร์มเกษตรกรเป็นวัตถุดิบ ( ดังภาพ )
ตัวอย่างโรงงาน biogas ในฟาร์มเกษตรกรของเยอรมันนี ใช้วัตถุดิบ 1. หญ้าหมัก 27 ตัน/วัน 2. ข้าวโพดหมัก 4.7 ตัน/วัน 3. มูลสัตว์ 2 ลบ.ม/วัน ใช้พื้นที่ปลูกหญ้า 470 ไร่+พื้นที่ปลูกข้าวโพด 44 ไร่ สามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ 7300 ลบ.ม/วัน(มีเทน 53%) ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 500 kW หรือ 0.5 MW (ถ้ามีในประเทศไทยจะใช้พื้นที่ผลิตวัตถุดิบน้อยลง เพราะเยอรมันนีเป็นเขตหนาวมีหิมะตก ผลผลิตพืชจะต่ำกว่าเรา)
ก๊าซชีวภาพ (BIOGAS) มีองค์ประกอบหลัก คือ ก๊าซมีเทนประมาณ60 %+ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และอื่นๆ
ก๊าซชีวภาพ 1 หน่วยลูกบาศก์เมตร ทีมีก๊าซมีเทนอยู่ 60% จะให้พลังงานความร้อนมีค่าเท่ากับ 21 เมกกะจูลย์ต่อลูกบาศก์เมตร หรือเทียบเท่าน้ำมันดีเซล 0.4 ลิตร หรือ น้ำมันเบนซิน 0.6 ลิตร หรือ ก๊าซ lpg 0.46 กิโลกรัม หรือน้ำมันเตา 0.47 ลิตร หรือ ผลิตไฟฟ้าได้ 1.5 หน่วยไฟฟ้า หรือ ทดแทนไม้พลังงาน 1.5 กิโลกรัม (ข้อมูลจากวารสาร ptt Spirit , august 2012)
ก๊าซชีวภาพจากต้นข้าวโพด-มันสำปะหลัง
สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงาน (สวพ.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ได้ดำเนินโครงการผลิตก๊าซชีวภาพจากผลผลิตทางการเกษตร โดยทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาระบบผลิตก๊าซชีวภาพ (biogas) จากผลิตผลทางการเกษตร คือ มันสำปะหลัง และ ต้นข้าวโพด ซึ่งเป็นพืชที่มีศักยภาพในการผลิตก๊าซชีวภาพและมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายภายในประเทศ
พบว่า มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 5 ที่ใช้ในการทดลองปริมาณ 1 ตัน จะสามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ สูงสุดประมาณ 300 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 420 หน่วย หรือ ทดแทนน้ำมันเตาได้ ประมาณ 165 ลิตร หรือ ทดแทนก๊าซ LPG ได้ประมาณ 138 กิโลกรัม ขณะที่ต้นข้าวโพดสดพันธุ์ 271 และพันธุ์ CPที่ใช้ในการทดลองปริมาณ 1 ตัน(ที่หักฝักออกไปแล้วหรือเที่ยบเท่ากับหญ้าเลี้ยงสัตว์ )จะสามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ สูงสุดประมาณ 50 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 70 หน่วย หรือ ทดแทนน้ำมันเตาได้ 28 ลิตร หรือ ทดแทนก๊าซ LPG ได้ประมาณ 23 กิโลกรัม