ทำไม ! มองโกลไม่บุกอาณาจักรสุโขทัย แต่ข้ามไปบุกอินโดเนเซียพ.ศ.1836
มองโกลรบชวา พ.ศ 1836 : พระเจ้าเกียรตินครแห่งชวาทรงแข็งข้อต่อต้านมหาอำนาจของกุบไลข่าน เนื่องมาจากพระองค์ทรงประสบความสำเร็จในการรวมดินแดนเข้าด้วยกันเป็นอาณาจักรใหญ่ จนทำให้พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงศาสนาไปเป็นศาสนาพุทธแบบตันตระ และได้สถาปนาสัมพันธไมตรีด้วยการอภิเษกกับเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์อาณาจักรจัมปา พระองค์ทรงแสวงหาทางควบคุมการค้าขายเครื่องเทศที่มีกำไรงาม ซึ่งมีฐานอยู่ในเขตหมู่เกาะโมลุกกะ และต้องอนุรักษ์ให้ชาวชวาเป็นกลางเกี่ยวกับการค้าขายโดยเฉพาะ พระองค์ทรงเกรงว่ากุบไลข่านทรงตั้งพระทัยที่จะกำจัดการควบคุมการค้านี้ พระองค์ทรงมีพฤติกรรมต่อต้านขุนนางเม่ง จี หนึ่งในคณะทูตของกุบไลข่านที่เดินทางไปถึงชวาในปี พ.ศ. 1832 และได้กราบทูลให้พระองค์ทรงยอมจำนนแก่อาณาจักรมองโกล การตอบสนองของพระองค์อย่างหยิ่งยโสคือทรงใช้เหล็กประทับตราที่เผาไฟร้อนจัดประทับลงใบหน้าของทูตผู้โชคร้ายคนนี้อย่างโหดเหี้ยม เหตุร้ายแรงดังกล่าวนี้ได้กลายเป็นข้ออ้างของกุบไลข่าน ทรงเริ่มส่งกองทัพไปปราบปรามกษัตริย์ชวาทันที โดยให้แม่ทัพชี่ปี และแม่ทัพอิโก มู ซุ รวบรวมกำลังพลและเสบียงจากมณฑลฝูเจี้ยน กวางซี และหูกวาง เป็นทัพใหญ่ไปโจมตีชวา ปลายปี พ.ศ. 1835 กองทัพใหญ่ได้เคลื่อนพลออกจากมณฑลจวนโจว พร้อมด้วยกำลังทหารจำนวน 20,000 นาย เรือลำเลียงพล 1,000 ลำเสบียงกรังสำหรับใช้ทั้งปี และแท่งเงินบริสุทธิ์น้ำหนักรวม 40,000 ออนซ์สำหรับใช้ซื้อหาสิ่งของเพิ่มเติม ในช่วงต้นปี พ.ศ. 1836 กองกำลังทหารราบของแม่ทัพชี่ปีได้ยกทัพขึ้นฝั่งส่วนแม่ทัพอิโก มู ซุ คุมกองเรือใกล้ชายฝั่ง พระเจ้าเกียรตินครแห่งชวาทรงทราบข่าวการโจมตีของกองทัพมองโกลใกล้จะเกิดขึ้น ดังนั้นพระองค์จึงรีบส่งกองทัพขนาดใหญ่ไปยังอาณาจักรจามปาและบางส่วนในคาบสมุทรมาเลย์ ซึ่งพระองค์ทรงคาดว่าเป็นจุดที่กองทัพข้าศึกจะยกพลขึ้นฝั่งก่อนที่จะเคลื่อนพลมุ่งหน้าไปชวา แต่การส่งกองทัพใหญ่ไปอยู่ห่างไกล กลายเป็นจุดอ่อนของพระเจ้าเกียรตินคร สำหรับผู้นำอีกหลายฝ่ายที่ต่อต้านพระองค์ หนึ่งในกลุ่มผู้นำที่เป็นปรปักษ์พระองค์ก็คือ พระเจ้าชัยขัตติยวงศ์ผู้นำรัฐเคดิรี (ดาหา) ได้ก่อการปฏิวัติต่อต้านพระองค์โดยโจมตีกองทัพรักษาพระองค์จนแตกพ่าย และได้ปลงพระชนม์พระเจ้าเกียรตินครด้วยพระองค์เอง (วิกิพีเดีย)
ผลการรบครั้งนี้ เจ้าชายวิชัยหลอกใช้มองโกลให้ต่อสู้กับกบฏแลกกับการยอมสวามิภักดิ์
แต่ท้ายสุดเมื่อสงครามกลางเมืองจบ ทหารมองโกลถูกลอบเผาเรือทั้งหมด
และถูกโจมตีกลางวงล้อมในเกาะที่ห่างไกลจนพินาศทั้งกองทัพ เมื่อกองทัพพ่ายกลับมา
กุบไลข่านสวรรคตพอดี จึงไม่มีการส่งทัพไปยุ่งกับ อาณาจักรชวาอีกเลย
จากภาพอาณาจักรมองโกลจะพบว่ามองโกลเข้าโจมตีประเทศต่างๆเกือบครึ่งโลกแม้แต่เกาหลีและญี่ป่น ยกเว้นแต่อาณาจักรสุโขทัยเท่านั้นที่มองโกลไม่กล้าโจมตี แสดงว่าเรามีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครองอยู่ เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิทีพระเจ้ามอบให้คนไทย ถ้าเราจะแตกก็คงเกิดจากการทะเลาะกันภายในนั่นเอง.
สาเหตุสำคัญที่มองโกลไม่บุกไทยมีความน่าจะเป็นดังนี้ครับ
1.สุโขทัยมีนโยบายการฑูตที่เยียมยุทธ ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าสุโขทัยส่งเครื่องบรรณราการไปจีนบ่อยมาก และจีนมองว่าเป็นประเทศเล็กจีนเป็นพี่ใหญ่ต้องเกทับส่งเครื่องบรรณาการตอบแทน3เท่าตัว ในทีสุดก็หมดทุนไม่มีเงินจ้างทหารมาบุกไทย( เจ๊กหมดทุน )และไทยไม่เคยสั่งตัดหู -ลิ้น นักการฑูตจีนเหมือนเพื่อนรอบบ้าน 2.สุโขทัยมีนโยบายการค้าและการลงทุนกับจีนในการส่งออกเรือสำเภาที่ทำจากไม้สักอัน เยียมยอดและชามสังคโลกอันโด่งดังในยุคนั้น ถ้าจีนบุกไทยก็เท่ากับทุบหม้อข้าวตนเองเหมื่อนญี่ปุ่นลงทุนอย่างมากมายในไทยขณะนี้ 3.ก่อนจีนบุกไดเวียต-จามปา-พม่า-ชวา นั้นน่าจะผูกไมตรีกับสุโขทัยตามหลักพิชัยสงครามของจีนที่จะผูกมิตรกับประเทศที่อยู่ด้านหลังประเทศที่เข้าโจมตีเพื่อไม่ให้ช่วยกัน 4.จีนกับไทยเป็นเป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่ยูนนานและคำว่าไทในภาษาจีนแปลว่าฟ้าหรือยิ่งใหญ่ จึงไม่อยากยุ่งครับ.
พระนางจามเทวีบางตำนานก็ว่าเป็นคนป่าซาง ล่องแพไปติดที่ลพบุรีแล้วเจ้าเมืองเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
แต่ก็เป็นตำนาน
แต่ที่แน่ ๆ คือมาจากลพบุรีหรือละโว้ ขึ้นมาทางแม่น้ำมาครองลำพูนค่ะ