ผู้รู้หรือพุทธภาวะเกิดขึ้นแล้ว...โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ รู้แล้วหนอ ?
ดวงตาเห็นธรรม...ธรรมะทั้งหลายคือธรรมชาติที่มันเป็นอยู่ของมัน มันล้วนแต่เป็นธรรมะทั้งหมด สมเด็จพระบรมศาสดาท่านทรงชี้ธรรมชาติ คือ ธรรมชาติหรือธรรมดาว่า มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น เกิดมาแล้วก็เปลี่ยนไปแปรไปแล้วดับไปเป็นธรรมดา... เมื่อท่านอัญญาโกณฑัญญะท่านฟังเทศน์เป็นปฐมสาวกนั้น ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรมากมาย ท่านเข้าใจว่า สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นเบื้องต้น แล้วมีความแปรไปเป็นธรรมดาของมัน เมื่อก่อนนี้พระอัญญาโกณฑัญญะนั้นไม่เคยได้มีความนึกหรือความคิดอย่างนี้เลย หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ ไม่เคยพิจารณาให้แจ่มแจ้งเลยสักครั้ง ฉะนั้นพระอัญญาโกณทัญญะจึงไม่ใด้ปล่อยหรือวาง คือมีอุปทานขันธืทั้งห้านี้อยู่ ต่อเมื่อได้มาฟังเทศน์พระบรมศาสดาของเรา ขณะนั่งฟังมีพุทธภาวะเกิดขึ้น ได้มองเห็นธรรมว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นของไม่แน่นอน มันเป็นธรรมชาติหรือธรรมดานี่เอง ท่านจึงบอกได้ว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดเป็นเบื้องต้น แล้วมีความแปรไป สิ่งเหล่านี้ดับไปเป็นธรรมดา ธรรมชาติอันนี้มันเป็นอยู่อย่างนี้เสมอ ความเห็นของพระอัญญาโกณฑัญญะในขณะที่ฟังนั้นเป็นความรู้สึกที่แปลก แปลกจากในอดีตหรือในกาลก่อนที่ได้พิจารณามา อันนี้รู้เท่าถึงดวงจิตจริงๆ เป็นได้ว่าพุทธะ คือ ผู้รู้เกิดขึ้นมาในเวลานั้น สมเด็จพระบรมศาสดาท่านทรงเรียกว่าพระอัญญาโกญฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม (หน้า110)


ธรรมอันหยั่งรู้ได้ยาก...ทีนี้ไม่ว่าเราจะยืน จะเดิน หรือนั่งหรือนอน ใจของเราก็จะมีสติคุ้มครองระวังรักษาอยู่เสมอ เมื่อเห็นของภายนอกก็เห็นของภายใน ถ้าเห็นของภายในก็เห็นของภายนอก เพราะมันเหมือนกัน ถ้าหากว่าเราเข้าใจอย่างนี้ เราก็ได้ฟังเทศน์พระพุทธเจ้าแล้ว ถ้าเข้าใจอย่างนี้ก็เรียก "พุทธภาวะ" คือผู้รู้เกิดขึ้นมาแล้ว เกืดขึ้นมาแล้ว มันรู้แล้ว รู้อาการภายนอก รู้อาการภายใน รู้ธรรมทั้งหลายต่างๆที่มันเป็นมา ถ้าเข้าใจอย่างนี้ แม้เรานั่งอยู่ใต้ร่มไม้ก็เหมือนกับพระพุทธเจ้าท่านเสด็จมาเทศน์โปรดเรา เราได้ฟังเทศน์พระพุทธองค์อยุ่เสมอ เราจะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ก็ได้ฟัง เราจะได้เห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลื้มรส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ อันนี้เราได้ฟังเทศน์อยู่เสมอเหมือนกับพระพุทธเจ้าเทศน์ให้เราฟัง พระพุทธเจ้าคือผู้รู้ในใจเรานี้แหละ (พระธรรมเทศนาฉบับสัมทิฎฐิ หลวงพ่อชา สุภัทโท หน้า107) 

...พระพุทธเจ้ายังมีอยู่ทุกวันนี้ ใครว่าพระพุทธเจ้านิพพาน พระพุทธเจ้าคือพระสัจจธรรม สัจจธรรมมันจะจริงอยู่อย่างนี้ ใครจะเกิดมาก็มีอยู่อย่างนั้น ใครจะตายก็มีอยู่อย่างนั้น สัจจธรรมไม่มีสูญหายไปจากโลก...(อ่านใจธรรมชาติ โดยหลวงพ่อชา ในรวมพระธรรมเทศนาฉบับ สัมมาทิฎฐิ หน้า 104)

ภาพบนคือเหรียญทองคำพุทโธ BODDO และมหาวิหารบรมพุทโธ BOROBUDUR ชวากลาง BUDDHA AND THE GOSPEL OF BUDDHISM...The name Buddha, " the Knower , the Enlightened, the Wake " ผู้ได้พุทธภาวะหรือการรู้แจ้งทางปัญญาจะได้รับสมยานามว่าเป็น ผู้รู้ , ผู้เบิกบาน,ผู้ตื่น ผู้นั้นคือพุทธะ สิ่งนี้คือการยืนยันถึงผู้รู้สัจจธรรมชาติของพระพุทธเจ้า แสดงสัญญลักษณ์โดยเหรียญ BODDO ซึ่งเก่าแก่ราว ค.ศ 700 (ปีที่เริ่มส้รางมหาวิหารบรมพุทโธ ที่ชวากลางด้วยความรู้และสถาปนิกจากมหาวิทยาลัยนาลันทา และชื่อ BOROBUDUR ทีไม่มีใครรู้ประวัติที่มา ผู้เขียนสันณิษฐานว่าน่าจะมาจากเหรียญพระพุทธเจ้านามBODDO) นับเป็นหลักฐานที่เก่าที่สุดอันหนึ่งในการประกาศพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าในแถบอินเดียเหนือและเอเซียกลาง... มนุษย์ยังตกอยู่ในโลกมืด อวิชชาเข้าครอบงำ แม้พระพุทธเจ้าเปิดโลกมา2559ปีแล้ว แต่อวิชชาก็ยังกล้าแกร่งอยู่จนทุกวันนี้

ผู้ที่ไม่ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์นั้นแม้จะเกาะชายสบงเพราะพุทธเจ้าอยู่ ก็ไม่อาจมองเห็นพระพุทธเจ้าครับ.







Create Date : 26 มกราคม 2559
Last Update : 26 มกราคม 2559 10:41:50 น.
Counter : 778 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

surya21
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 50 คน [?]



New Comments
มกราคม 2559

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
24
27
28
29
30
31
 
 
All Blog