จังหวัดศรีสะเกษตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 568 กิโลเมตร มีพื้นที่ 9,394.96 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับ จังหวัดยโสธร
ทิศใต้ ติดต่อกับ ประเทศกัมพูชาประชาธิปไตย โดยมีเทือกเขาดงรักเป็นแนวกั้น เขตแดน
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ จังหวัดอุบลราชธานี
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดสุรินทร์
ศรีสะเกษ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานตอนล่างที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เคยเป็นชุมชนที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองมานับพันปี นับตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจ และมีชนเผ่าต่าง ๆ อพยพ มาตั้งรกรากในบริเวณนี้ ได้แก่ พวกส่วย ลาว เขมร และเยอ ศรีสะเกษเดิมเรียกกันว่า เมืองขุขันธ์ เมืองเก่าตัง้อยู่ที่บริเวณบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวน ตำบลดวนใหญ่ อำเภอวังหิน ในปัจจุบัน ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองเมื่อ พ.ศ. 2302 สมัย กรุงศรีอยุธยา โดยมีหลวงแก้วสุวรรณซึ่งได้รับบรรดาศักดิเ์ป็นพระยาไกรภักดีเป็นเจ้าเมืองคนแรก ล่วง ถึงรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ย้ายเมืองขุขันธ์มาอยู่ที่บ้านเมืองเก่า ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมืองศรีสะเกษใน ปจั จุบัน แต่ยังคงใช้ชื่อว่าเมืองขุขันธ์จนถึง พ.ศ. 2481 จึงเปลี่ยนเป็นจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่นั้นมา (ที่มาข้อมูล: สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดศรีสะเกษtp://sisaket.mots.go.th)
แร่รัตนชาติ
จังหวัดศรีสะเกษเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่เป็นแหล่งพลอยที่สำคัญ แร่พลอยที่พบคือ แซฟไฟร์ ทับทิม และยังมีพลอยเพทาย และโกเมน พื้นที่ที่พบพลอยอยู่ในเขตอำเภอขุนหาญและกันทรลักษ์ ต่อเนื่องเข้าไปจนถึงเขตอำเภอน้ำขุ่นและน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
พลอยที่พบในบริเวณจังหวัดศรีสะเกษและอุบลราชธานีที่มีค่าที่สุดคือ ทับทิม และแซฟไฟร์ และรองลงไปคือ พลอยเพทาย ( zircon ) ที่พบจำนวนมากกว่าไม่ต่ำกว่า ยี่สิบเท่าตัว และพบโกเมนบ้างเล็กน้อย มีพลอยอื่น ๆ เป็นต้นว่า พลอยน้ำค้าง (sanidine) โอลิวีน (olivine)
ผลการจำแนกเขตทรัพยากรแร่
การจำแนกเขตทรัพยากรแร่เป็นการนำข้อมูลพื้นที่แหล่งแร่ทุกประเภทที่พบในจังหวัดศรีสะเกษ (ยกเว้นแหล่งทรายก่อสร้าง) มาพิจารณาร่วมกับพื้นที่ที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมาย พื้นที่ทรัพยากรแร่ในจังหวัดศรีสะเกษมีเนื้อที่รวม 2,161.16 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 24.23 ของเนื้อที่ทั้งหมดของจังหวัดศรีสะเกษ มีมูลค่าของแหล่งแร่รวม 80.87 ล้านล้านบาทเมื่อนำมาพิจารณาร่วมกับพื้นที่ที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมายพบว่า พื้นที่แหล่งแร่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาใช้ประโยชน์ได้มีเนื้อที่ 1,168.63 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 13.22 ของเนื้อที่ทั้งหมด ของจังหวัด มีมูลค่าของแหล่งแร่รวม 36.34 ล้านล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก //www.dmr.go.th/download/digest/Srisaket.pdf