เชื่อใน "โชคชะตา" เดินตามทางที่อยากไป

<<
พฤศจิกายน 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
22 พฤศจิกายน 2553
 

จับสัญญาณการ “ไซฟ่อน”

ที่มา : //www.bangkokbiznews.com/home/news/finance/guru/jaruwan/news-list-1.php

***บทความนี้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับตลาดทุนแก่สาธารณชนเท่านั้น
ในการจะนำข้อมูลไปอ้างอิง ควรตรวจสอบความถูกต้องและเป็นปัจจุบันของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้วย***
…………………………………………………………………………………………..

หลังจากตอนที่ผ่านมา ดิฉันได้ยกตัวอย่างวิธีการไซฟ่อนเงิน (money siphoning) ที่กรรมการหรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนบางรายเคยใช้ในการยักย้ายถ่ายเทผลประโยชน์จากบริษัทไปเข้ากระเป๋าตัวเอง คราวนี้ จะมาว่ากันต่อถึงข้อมูลที่จะช่วยจับสัญญาณการไซฟ่อนเช่นที่ว่า ไปติดตามกันค่ะ

จับสัญญาณ...แม้จะยาก...แต่ก็ยังมีทาง

วิธีการที่ผู้กระทำผิดมักใช้ปิดบังไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่าตัวเองกำลังผ่องถ่ายเงินจากบริษัท ก็คือ การตกแต่งงบการเงิน หรือซุกซ่อนไว้ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน (เป็นการทำรายการระหว่างบริษัทกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เช่น ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้ที่เกี่ยวข้องและญาติสนิทของผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ รวมถึงกิจการที่คนเหล่านี้ มีอำนาจควบคุมด้วยค่ะ) แถมหลังๆ วิธีการที่ใช้มีความซับซ้อนขึ้น เช่น หา nominee เป็นชื่อคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาทำรายการแทน ทำให้ไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน ตามรอยยากขึ้นไปอีกค่ะ

ก็ต้องยอมรับว่าการดูข้อมูลเหล่านี้ เพื่อบอกว่าบริษัทไซฟ่อนหรือไม่นั้น คงไม่ใช่เรื่องง่าย รวมถึงบางเรื่องต้องใช้เวลายาวนาน “มีไฟย่อมมีควัน” ค่ะ ดังนั้น เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้น อย่างน้อย ต้องมีเค้าเงื่อนพอให้สืบค้นเรื่องราวต่อไปได้บ้าง ดิฉันเลยมีคำแนะนำเบื้องต้นให้คุณสังเกตสัญญาณต่างๆ ดังนี้ค่ะ

1.จับสัญญาณจากงบการเงิน

โดยอาศัยวิเคราะห์จากข้อมูลในงบ หรือความเห็นของผู้สอบบัญชีค่ะ ซึ่งมีตั้งแต่ระดับสัญญาณอ่อนๆ จนถึงระดับสัญญาณเข้มสุด เช่น แม้ผู้สอบบัญชีจะรับรองว่างบการเงินถูกต้อง แต่มีการตั้งข้อสังเกตบางอย่าง (เป็นสัญญาณแบบอ่อนๆ) อันนี้คุณต้องดูรายละเอียดแล้วค่ะว่า ผู้สอบบัญชีกำลังบอกอะไรคุณ เช่น ผู้สอบบัญชีอาจบอกว่า บริษัทมีการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันเป็นจำนวนมากด้วยข้อความหน้างบว่า “โดยมิได้เป็นการแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขต่องบการเงินข้างต้น ข้าพเจ้าขอให้สังเกตหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 3 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายการค้าระหว่างบริษัทและบุคคลที่เกี่ยวข้องกันเป็นจำนวนมาก และในระหว่างปีบริษัทมีการรับคืนสินค้า เนื่องจากสินค้าเสียหาย” เป็นต้นค่ะ

สัญญาณที่จะสะท้อนว่างบการเงินมีปัญหา จะเห็นได้ชัดเจนขึ้นเมื่อความเห็นของผู้สอบบัญชีออกแนวเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ ได้แก่ การแสดงความเห็นต่องบการเงินนั้นแบบมีเงื่อนไข เช่น บอกว่าถ้าไม่นับเรื่องนี้แล้ว งบการเงินที่เหลือถูกทั้งหมด หรือการบอกว่า ไม่อาจแสดงความเห็นต่องบการเงินได้ เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงขั้นที่แรงสูงสุด คือ บอกว่างบการเงินนั้นไม่ถูกต้องค่ะ

2. ข้อมูลการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน

ไม่ใช่ว่าการที่บริษัททำรายการเหล่านี้จะไม่ดีเสมอไป มีเพียงบางกรณีที่ถูกใช้เป็นช่องทางถ่ายเทผลประโยชน์ ดังนั้น ในฐานะผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทคนหนึ่ง คุณควรรักษาประโยชน์ของตนเอง โดยเข้าไปดูว่าการทำรายการนั้นมีประโยชน์อะไรบ้างต่อบริษัท มีความสมเหตุสมผลไหม ที่สำคัญ คือ ราคามีความเป็นธรรมหรือไม่ หรือมีเงื่อนไขอย่างไร ที่จะทำให้บริษัทเสียประโยชน์หรือไม่ ที่ต้องเน้นเรื่องนี้ เพราะช่วงที่ผ่านมา มีหลายกรณีที่รายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทดูน่าสงสัย แต่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งเหตุผลส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้ถือหุ้นที่ไม่เห็นด้วย ไม่ได้เข้าประชุมเพื่อใช้สิทธิโหวตคัดค้าน ตรงนี้ เลยอยากฝากให้ผู้ถือหุ้นติดตามข้อมูลและใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นด้วย ไม่ควรปล่อยปละละเลยให้เกิดการทำรายการที่ไม่เป็นธรรมกับบริษัท ซึ่งจะมีผลให้รายย่อยเสียประโยชน์

3.ควรติดตามว่าบริษัทของคุณกำลังจะทำ หรือได้ทำอะไรที่ไม่ใช่ธุรกิจปกติหรือไม่

เช่นธุรกิจหลักของบริษัทไม่ได้เป็นธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน แต่ทำไมชอบปล่อยกู้เสียจริง แล้วต่อมาก็มีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญ ผู้ลงทุนจึงควรติดตามดูรายการเหล่านี้ว่าบริษัทมีมาตรการติดตามเงินกู้อย่างไร มีการวิเคราะห์ความสามารถของลูกหนี้ในการชำระคืนเงินกู้หรือไม่ หรือบางทีบริษัทอยากไปลงทุนในอะไรใหม่ๆ ที่บริษัท ไม่มีความรู้ความชำนาญมาก่อน ต้องดูว่ามีความสมเหตุสมผลไหม เรื่องพวกนี้ควรใช้เวทีประชุมผู้ถือหุ้นให้เป็นประโยชน์ในการซักถามผู้บริหาร

4.ดูว่าบริษัทที่คุณลงทุนมีระบบการควบคุมภายในที่ดีพอหรือไม่

เช่น หากให้บุคคลคนเดียวเป็นผู้มีอำนาจลงนามเรื่องเงินทองของบริษัทโดยไม่มีระบบคานอำนาจ ก็เป็นช่องทางให้เกิดการไซฟ่อนได้ หรือหากระบบควบคุมภายในไม่ดีก็ทำให้เกิดการรั่วไหลของทรัพย์สินได้ง่ายเช่นกัน ตัวช่วยบอกสัญญาณในเรื่องนี้ก็มาจากผู้สอบบัญชี เช่น บริษัทหนึ่งที่ผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นว่า “...ระบบการควบคุมภายในของบริษัทมีไม่เพียงพอที่จะให้ความมั่นใจเกี่ยวกับการขายและรับคืนสินค้า” เป็นต้น

5.กรณีที่คุณยังไม่ได้ลงทุน แต่บริษัทที่จะลงทุนส่งสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนักว่า อาจมีการไซฟ่อน ไม่ผิดค่ะถ้าคุณจะถอยหลังออกมา เพราะยังมีหุ้นตัวอื่นๆ ให้คุณเลือก จำไว้ว่า ลำพังลงทุนในหุ้นดีๆ ก็มีความเสี่ยงในการลงทุนตามปกติอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่น่าสงสัยว่าจะมีการไซฟ่อนอีกหรอกค่ะ
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา เช่นเดียวกับไม่มีใครโกงเงินของบริษัทซึ่งเป็นเงินของผู้ถือหุ้นทุกคนได้ตลอดไป แต่เพื่อไม่ให้คุณเสียประโยชน์ในการลงทุน เพราะบางทีอาจใช้เวลานานกว่าความจริงจะปรากฏ จึงควรเลือกปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ที่สำคัญ ถ้าเห็นสัญญาณบางอย่างสะดุดขึ้นมา อย่าลืมใช้สิทธิของคุณในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นและตั้งคำถามกับกรรมการบริษัทเพื่อให้ได้ความกระจ่าง หรือถอนตัวจากการลงทุนในบริษัทที่มีปัญหา แม้บริษัทได้ทำรายการที่น่าสงสัยและถ่ายเทเงินออกไปแล้ว

อย่านึกว่าคุณไม่สามารถทำอะไรได้นะคะ เพราะคุณสามารถรวมตัวกับผู้ถือหุ้นอื่น (5% ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมด) ฟ้องกรรมการและผู้บริหาร เพื่อเรียกผลประโยชน์ที่ได้ไปโดยไม่ถูกต้องคืนให้แก่บริษัท โดยศาลอาจสั่งให้บริษัทชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการฟ้องให้ผู้ถือหุ้นหากเป็นการฟ้องโดยสุจริตด้วยค่ะ... “พลังของผู้ถือหุ้น” สำคัญเสมอค่ะ

...................................................................จบแล้วคะ ^_^




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2553
0 comments
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2553 8:17:39 น.
Counter : 2610 Pageviews.

 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

Ooh 1234
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




Hello all of you.
Welcome to my blog....
[Add Ooh 1234's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com