๒ เมษายน ๒๕๖๓ // 2020年4月2日 // April 2, 2020 สวัสดีเดือนเมษายนที่รัก ฉันไม่ได้เขียนบล็อกมานานเลย หายไปหลายวัน ก็... ยังคงสบายดีอยู่ แต่อาจจะมีอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าร่างกายบ้าง สาเหตุเพราะ ... 1.หักโหมทำงานบ้านมากจนเกินไป ไม่ประเมินตัวเองว่า ตัวเองมีโรคประจำตัวคือหอบ ภูมิแพ้ พอสูดฝุ่นเข้าไปมาก ๆ ก็ทำให้จาม พอจาม ก็ทำให้น้ำมูกไหลตลอด นอกจากน้ำมูกไหล หายใจไม่ค่อยออกแล้ว ยังปวดเมื่อยเนื้อตัวอีกด้วย ปวดแขน เพราะยกของและลากของที่ค่อนข้างหนัก ด้วยตัวคนเดียว ถ้าฉันทยอยทำ ก็จะไม่มีปัญหา แต่นี่ ฉันดันหักโหมทำ ก็เพราะว่า ฉันต้องการหาของที่พวกบรรดาแมวของฉัน มันเล่นกันจนหายไป 555555555 ฉันเลยจำเป็นต้องรื้อและหักโหมทำความสะอาดบ้านทั้งหมด ก็ยังไม่เจอ ทำไป 2 วัน พักเลย ไม่ไหว เพราะจามและน้ำมูกมันไหลไม่หยุด ฉันก็เลยขอพักไปก่อน จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่ได้กลับไปทำต่อ ไม่ใช่อะไร แต่เพราะเริ่มขี้เกียจ (อิอิ) 2.อ่านข่าวมาก ข่าวแต่ละข่าว ก็เป็นข่าวที่ล้วนเครียด ๆ ทั้งนั้น ทั้งของไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวเรื่องไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 จนถึงทุกวันนี้ มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย มีแต่เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นทุกวัน ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งเครียด แต่ไม่อ่านเลย ก็ไม่ได้ เพราะจำเป็นต้องรู้ เพราะมันต้องอัพเดททุกวันเกี่ยวกับไวรัสนี้ หรือข่าวอื่น ๆ ก็ด้วย 3.กลุ้มใจกับคนรอบตัว แน่นอนว่า ฉันระมัดระวังตัวเองให้ปลอดภัยจากไวรัสนี้อยู่ทุกวัน ปฏิบัติตามคำแนะนำตามองค์การอนามัยโลก แต่!! คนรอบตัว คนใกล้ตัว กลับมองว่า"ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไรหรอก" ฉันก็เหนื่อยใจ ฉันก็เครียด เพราะว่าต่อให้ฉันระมัดระวังตัวแค่ไหน แต่ถ้าคนรอบตัว ไม่ซีเรียส ไม่ค่อยระมัดระวัง ไม่ค่อยปฏิบัติตามคำแนะนำ ฉันว่า มันก็ค่อนข้างเปล่าประโยชน์สำหรับตัวฉันเอง ถึงแม้ไม่ได้เป็นไวรัสนี้ แต่ฉันก็ไม่อยากป่วยเป็นหวัดหรือไอมีเสมหะในเวลานี้อยู่ดี ใครจะอยากไปโรงพยาบาลในเวลานี้ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ 4.ความเครียดสะสม เครียดทั้งเรื่องตัวเอง เรื่องรอบตัว แม้กระทั่งเรื่องของโลกใบนี้ มันหลายเรื่องมากจนปวดหัว ปกติ เมื่อก่อน พอมีเรื่องเครียด ๆ ก็ยังได้ผ่อนคลายจากการทำกิจกรรมที่ชอบบ้าง หรือดูแมตช์ฟุตบอล ดูสิ่งบันเทิงต่าง ๆ บ้าง คือทำให้ยิ้มได้ แม้จะเจอปัญหาหรือมีความเครียดอะไรมา แต่ตอนนี้ สิ่งที่เยียวยาหัวใจของฉันเหล่านั้น ได้ถูกระงับไปหมดแล้ว ก็เหลือแต่"ความสงบ"ที่จะช่วยฉันได้ คือทำสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ 5.สงสัยว่าใกล้จะมาเมนส์ ที่ร่างกายอ่อนเพลียมาเกือบอาทิตย์ อาจเป็นเพราะใกล้จะมาเมนส์มั้ง? ปกติ ร่างกายของฉันจะมาเตือนฉันว่าใกล้จะมาเมนส์แล้วนะ คืออาการจะเริ่มออกก่อนวันมาเมนส์แค่ 1-2 วันเท่านั้น แต่นี่ อาการออกมาหลายวันแล้ว แต่ยังไม่มาเมนส์เลย เดือนอื่น ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้ มีเดือนนี้ที่เป็น อาการก่อนมาเมนส์ของฉันก็คือ อ่อนเพลีย ปวดหัว ปวดตา แน่นท้อง ปวดท้องน้อยนิด ๆ ถ้ามีอาการแบบนี้ อีกวันสองวัน ฉันก็จะมาเมนส์เลย แต่นี่ มีอาการแบบนี้มา 4-5 วันแล้วเนี่ย 6.อากาศคงร้อนเกินไป สาเหตุที่ช่วงนี้ฉันอ่อนเพลียง่าย อาจเป็นเพราะอากาศร้อนเกินไป เพราะนี่ก็เป็นฤดูร้อนของไทยแล้ว อากาศก็เลยค่อนข้างร้อน พออากาศร้อน ก็ทำให้ร่างกายของคนเราอ่อนเพลียง่ายเหมือนกัน หมดแล้ว 6 ข้อ 6 เหตุผล ที่อาจจะทำให้ฉันรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าง่าย ในช่วงนี้ ตอนกลางคืน ที่ฉันนอนหลับตาไป ฉันนอนไม่หลับเลย ฉันนึกถึงหมาแมวที่ตัวเองเลี้ยงไว้ ฉันก็บอกกับตัวเองว่า "ถ้าฉันเป็นอะไรไป พวกมันก็คงจะตามฉันมาเองนั่นแหละ ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง" แต่พอฉันนึกถึงหน้าเอเดน อาซาร์และนักฟุตบอลคนอื่น ๆ ที่ฉันชอบ นึกถึงฟุตบอลต่าง ๆ ที่อยากจะดู นึกถึงฟุตบอลยูโรที่จะมีในปีหน้า ฉันก็รู้สึกว่า"ไม่ได้!! ฉันต้องเข้มแข็ง ต้องฝืนอยู่ต่อให้ได้" แต่สักพัก ร่างกายก็เหมือนจะอ่อนแรงลงไปอีกแล้ว แต่ทันใดนั้น มีใบหน้าคนนึง แว่บเข้ามาในความรู้สึก "ยามะพี!!" ฉันลืมตาขึ้นมา ลุกขึ้นมานั่ง แล้วบอกกับตัวเองเลยว่า"กูตายไม่ได้!!" 555555555555555 ร่างกายเริ่มรู้สึกหายอ่อนเพลียทันที (อิอิ) รักนะคะยามะพี การปฏิบัติเพื่อป้องกันไวรัสนี้ ก็ยังคงเหมือนเดิมเนอะ สิ่งที่เราทุกคนกำลังทำอยู่นี้ ก็เพื่อช่วยชะลอการแพร่ระบาดไม่ให้มันลุกลามใหญ่โต จนเกินกำลังที่หมอและพยาบาลจะรับไหว ชะลอการแพร่ระบาดเพื่อรอยาหรือวัคซีนที่จะมารักษาไวรัสนี้โดยตรง 1.ล้างมือบ่อย ๆ แน่นอนว่า ตอนนี้ ฉันล้างจนมือแห้งสากไปหมดแล้วเนี่ย หลอนไปแล้วไง ระแวงไปหมดแล้ว จับอะไรมา ก็ล้างมือตลอด แล้วก็ ถ้าไม่จำเป็น ก็อย่าจับตา จมูก ปาก สามจุดนี้แหละที่จะทำให้เราติดไวรัสได้ ถ้าเราเอามือไปสัมผัสไวรัสมา โดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วลืมล้างมือ เอามือไปแคะตา แคะจมูก เอามือไปจับอาหารเข้าปาก โดยไม่ล้างมือ นั่นแหละ ความซวยมาเยือนแน่!! เพราะฉะนั้นให้มีสติเสมอ ถ้าจะยกมือขึ้นมาจับตา จมูก ปาก จับหูไม่เป็นไร ไวรัสคงไม่เข้าทางหูหรอกมั้ง 555555555555 2.ใส่หน้ากากอนามัย ใส่ตอนที่เราจำเป็นต้องไปข้างนอก ไปเจอคนเยอะ ๆ แน่นอนว่ามันอาจจะช่วยไม่ได้มาก แต่ก็ยังดีกว่าที่จะไม่ใส่อะไรเลย หน้ากากที่พอจะช่วยได้บ้างคือหน้ากากอนามัยแบบทางการแพทย์ แต่หน้ากากผ้า ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไม่ใส่ ส่วนคนป่วย เป็นหวัด ไอ จาม ขอแนะนำว่า"ให้ใส่หน้ากากอนามัยแบบทางการแพทย์เท่านั้น!!" หรือทางที่ดี ตอนนี้ อย่าออกจากบ้านดีกว่า คนป่วย เป็นหวัด ไอ จาม ตอนนี้อย่าออกจากบ้านเลย อยากซื้ออะไร อยากทำอะไร ฝากให้คนอื่น คนที่ไม่ป่วย ไปทำแทนเถอะ 3.กินอาหารร้อนปรุงสุก ไม่กินร่วมช้อน ร่วมแก้วกับใคร ไม่ใช่เวลามาแสดงความรักอะไรตอนนี้ สามารถแสดงความรังเกียจได้ในเวลานี้ 55555555555555 เพราะไวรัสนี้มันติดกันทางน้ำลายนะจ๊ะ หรือต่อให้ไม่ได้เป็นโควิด-19 แต่เขาก็อาจจะเป็นหวัดหรือเจ็บคอ ถ้ากินช้อนเดียวกัน ก็ทำให้เราป่วยตามเขาได้นะจ๊ะ แล้วป่วยตอนนี้ ไปโรงพยาบาลตอนนี้ มันควรมั้ย? เพราะฉะนั้น อย่าหาเรื่องจะดีกว่า 4.เว้นระยะห่างระหว่างกัน 2 เมตร อันนี้นะ ทำได้ยากจริง ๆ ไม่เห็นมีใครทำเป็นกิจจะลักษณะเลย ก็เห็นยืนใกล้กัน เบียดกันอยู่ดีนั่นแหละ 55555555555 แน่ะ!! บางคนมีหยุดคุยกันด้วยนะ ฉันก็เลยหลีกเลี่ยง ไม่ไปตอนคนเยอะ ฉันไปตอนที่คนน้อย ๆ เบาบาง จะได้มีที่ว่าง ๆ มีที่เพียงพอที่จะห่างกัน และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีปฏิบัติ การดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากไวรัสนี้ เราต้องรอดสิ!! ต่อไป... เรามาดูสถานการณ์จากทั่วโลกกันหน่อยดีกว่า เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 นี่แหละ เริ่มจากที่ไทยก่อนเลย พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 1,875 คน วันนี้เพิ่มมา 104 คน ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 15 คน วันนี้เพิ่มมา 3 คน เศร้าเนอะ เศร้าและเครียดมาก ยิ่งอ่านข่าวเรื่องที่พบผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อไวรัสนี้ ที่รถไฟไทย ฉันอุทานออกมาเลยว่า"โอ้...มายกอด" วัดไข้แล้ว ไม่มีไข้ แต่อาการของเขาที่ปรากฏในคลิป เขาอาการแย่มากนะ รู้เลยว่าป่วย อย่าอ้างอิงแต่แค่การวัดไข้ เพราะบางทีเครื่องตรวจวัดไข้ มันก็ไม่ค่อยแม่นยำ ฉันว่าปรอทวัดไข้แบบแก้ว แม่นยำที่สุด แต่ถึงกระนั้น ถ้ากินยาลดไข้ไปก่อนที่จะวัดไข้ ไข้ก็ลดอยู่ดี เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม อย่าสนใจแต่แค่ว่ามีไข้หรือไม่มีไข้ ให้สังเกตดูอาการของเขาด้วย ถ้าอาการแย่ขนาดนั้น ไอและยืนทรงตัวแทบไม่ได้ ก็คือป่วยแล้ว ให้รีบกักตัว พาไปหาหมอทันที ก็ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และประชาชนทุกคนที่อยู่ที่นั่น ที่ร่วมเดินทางไปกับผู้ป่วยรายนี้ ขอให้ทุกคนปลอดภัย ไม่ติดเชื้อไวรัสนี้นะคะ ที่อื่น ๆ ทั่วโลก ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? ผู้ติดเชื้อที่มีมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งตอนนี้คือ สหรัฐอเมริกา ผู้ติดเชื้อมีจำนวนมากถึง 215,344 คน ผู้เสียชีวิต 5,112 คน อันดับสองคือ อิตาลี ผู้ติดเชื้อ 110,574 คน และเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน 13,155 คน อันดับสามคือ สเปน ผู้ติดเชื้อ 104,118 คน ผู้เสียชีวิต 9,387 คน อิตาลีกับสเปน จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตใกล้เคียงกันมาก สองประเทศนี้ค่อนข้างวิกฤติมากเลยทีเดียว เศร้าเนอะ อเมริกา อยู่ทวีปอเมริกาเหนือ อิตาลีกับสเปน อยู่ทวีปยุโรป แต่จีน ประเทศต้นทางของการแพร่ระบาดนี้ อยู่ทวีปเอเชีย อยู่กันคนละทวีปเลย แต่ไวรัสนี้ก็สร้างความเสียหายไปไกลมาก จีน ตอนนี้ก็อยู่ในระดับที่คงที่แล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มมากเหมือนในตอนแรก เกาหลีใต้กับญี่ปุ่น จำนวนผู้ติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นมาวันละจำนวนหลักร้อย เหมือนที่ไทย ไทยก็เพิ่มขึ้นวันละหลักร้อย ตอนนี้ ไวรัสนี้มันก็แพร่ระบาดไปทั่วโลกแล้ว แต่ที่เจอหนักหนาที่สุด ก็คงจะเป็นประเทศอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรป ยุโรป หนักหนาหลายประเทศมาก เช่น อิตาลี สเปน เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ คือ แมตช์ฟุตบอลสนุก ๆ อยู่ในประเทศพวกนี้ทั้งหมดเลย คงอีกนานเลย กว่าจะได้มีฟุตบอลสนุก ๆ ให้ดู และเบลเยียม ประเทศที่ฉันรัก รองจากไทยและญี่ปุ่น ก็โดนไวรัสนี้ หนักหนาเช่นกัน จำนวนผู้ติดเชื้อตอนนี้หมื่นกว่า เพิ่มขึ้นมาวันละหลักพัน เศร้ามาก จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มียาหรือวัคซีนใด ๆ ที่จะมารักษาไวรัสนี้ได้โดยตรง ตื่นมาทุกวัน ก็เจอเรื่องเครียดนี้ทุกวัน พยายามจะไม่คิดแบบที่คนอื่นคิด แต่มันก็เหมือนกับสงครามโลกจริง ๆ เหมือนเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 เราไม่ได้รบกันเอง แต่เรากำลังรบกับ"ไวรัสโควิด-19" มันสร้างความเสียหายไปหมดทุกอย่าง ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพร่างกาย แต่รวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจของแต่ละประเทศด้วย มันพังและยับเยินไปหมด และสภาพจิตใจของผู้คนทุกคน ถึงแม้จะไม่ได้เป็นไวรัสนี้ แต่มันก็ทุกข์ มันเครียด ยิ้มไม่ค่อยออก หัวเราะไม่ค่อยได้ ทุกคนต่างเฝ้ารอด้วยความหวังว่า"เมื่อไหร่มันจะจบสักที" สุดท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้หมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ทุกส่วนเลยนะคะ ไม่ใช่แค่เฉพาะคนที่ทำหน้าที่รักษาผู้ป่วยเท่านั้น ฉันหมายถึงทุกคนเลยที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือหรือให้บริการต่าง ๆ ในสถานการณ์ที่เสี่ยงขนาดนี้ แต่ทุกคนก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด ขอให้ทุกคนมีกำลังกายและกำลังใจที่เข้มแข็ง ขอให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและปลอดภัยจากไวรัสนี้ทุกคนนะคะ ขอบคุณที่เสียสละเวลาและความสุขส่วนตัวเพื่อภารกิจนี้นะคะ ไม่ใช่แค่ที่ไทยเท่านั้นที่ฉันอยากจะขอบคุณ แต่ฉันหมายถึงทุกประเทศทั่วโลกเลย ขอบคุณนะคะ พวกคุณทุกคนคือที่สุดแล้ว ในเวลานี้ พอเห็นพวกคุณแล้ว ฉันก็มีกำลังใจขึ้นมา พวกคุณยังเข้มแข็งและไม่ย่อท้อเลย ฉันก็ต้องเข้มแข็งและไม่ท้อแท้เช่นกัน ฉันขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนบนโลกใบนี้ด้วยนะคะ และขอเน้นย้ำว่า ทุกคนอย่าประมาท ทุกคนอย่าชะล่าใจในการปกป้องตนเองให้ปลอดภัยจากไวรัสนี้ เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ไปล่ะ วันหลังจะมาเขียนใหม่ Facebook Twitter |