แด่ตรัง
"แด่ดรัง"การมาที่ตรังครั้งนี้ สร้างความประทับใจให้กับผมและครอบครัวมากโดยเฉพาะแม่ของผมแม่ของผมก่อนหน้านี้ไม่ค่อยถูกกับญาติของพ่อสักเท่าไหร่แต่ด้วยวันเวลาหลายๆอย่างการมาครั้งนี้เหมือนกับเรื่องต่างๆ เหล่านั้นลบลืมมันไปมีแต่เรื่องน่าประทับใจไม่ว่าจะพ่อของเรา และก็ญาติๆ ที่ดีกับพวกเรามากๆดีจนพวกเราเกรงใจ ไม่อยากให้เขาต้อนรับเราขนาดนั้นเพราะงานของอาม่าก็วุ่นพอดูแล้วต้องมาดูแลพวกเราอีกมีเรื่องขำๆ มาเล่าคือตอนผ่านโรงหนังที่ตรังระหว่างจะไปกินข้าวผมว่ากินเสร็จจะเดินออกมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเพราะโรงหนังต่างจังหวัดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก(มาทราบเอาทีหลังว่าตอนนี้ในตัวเมืองเหลือแต่โรงนี้โรงเดียว)ตอนบอกว่าจะขอเดินมาถ่ายรูปญาติเขาก็ไม่ได้ๆ ขับรถพาเรามาส่งหน้าโรงหนังเลย-_-'แม่เราที่อยู่ในรถ(เรานั่งท้ายกะบะน่ะ) ทำมือทำไม้ปัดๆชี้ๆประมาณว่า "มึงรีบไปถ่ายเลยไป เกรงใจเขาไหมนั่น"อย่างที่บอกไป ตอนนี้ตัวเมืองตรัวเหลือโรงหนังที่นี่ที่เดียวเขานิยมดูหนังที่บ้านมากกว่าที่นี่มีร้านขายแผ่นร้านนึง เราชอบมาก แต่ถ่ายรูปไม่ทันชื่อร้าน "แมงมุม"ที่ตัวตึกจะมีโลโก้แมงมุมไต่ใยอยู่แล้วก็มีตัวหนังสือตัวใหญ่ๆ"แมงมุม ผู้โยงใยภาพและเสียง"โอ้โห้ จิ๊ดใจยังนัก(ถ่ายจากบนรถกะบะ ตอนไปศาลา ที่ตรังเราสังเกตว่าเมฆเยอะมากเลย)ตรังสำหรับผมนั้นเป็นที่ที่มาทุกปีในสมัยเด็ก คือมาเยี่ยมอาม่า ในช่วงแรกๆ ก็จะมากัน 3 คน คือพ่อ ผมและพี่สาวส่วนแม่ ผมจำได้ว่า มาเพียงครั้งเดียว แต่จำไม่ได้ว่ามาตอนผมกี่ขวบมาตรังครั้งนี้ของแม่ก็คือมาเป็นครั้งที่สอง และคาดว่าก็คงจะไม่มาอีกแล้วในตอนนั้นเราจะนั่งรถไฟมา สนุกสนานน่าดูเวลามาตรัง เราต้องไปที่อำเภอย่านตาขาวอาม่าจะพักอยู่ที่นั่น บ้านที่ท่านอยู่เป็นตึกไม้สองชั้นสร้างติดๆกันเป็นชุมชนที่อบอุ่นดี คนแถวนั้นจะรู้จักกันหมดหลังบ้านของทุกบ้านจะมีสวนเล็กๆ รกๆ หน่อย และทุกบ้านก็จะมีบ่อน้ำของตัวเองเพราะที่นั่นใช้น้ำบาดาล คลาสสิคมากๆเลยส่วนที่บ้านอาม่านั้นจะไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็นเป็นบ้านแบบชนบทมาก เตาไฟก็ยังเป็นแบบโบราณเลยคลาสิคสุดๆเลยล่ะที่อำเภอย่านตาขาวห่างจากตัวเมือง 20 กิโลแต่ผมจำได้ดีว่า เวลาจากเมืองมาที่ย่านตาขาวทีมันนานมากรู้สึกไกลยังไงก็ไม่รู้อาจจะเพราะถนนหนทางไม่สะดวกด้วยแหละมั้งผมในตอนนั้นชอบที่จะมาตรังมากเลยยังจำภาพได้ดีว่า ตรงข้ามบ้านจะมีวัดจีนแล้วเดินทะลุไปหน่อยจะมีโรงหนังส่วนตรงถนนใหญ่จะมีตลาดประจำอำเภอเวลาไปทีผมก็จะอยู่แค่สถานที่พวกนี้ ไม่กล้าไปไกลกว่านั้นน่าแปลกเหมือนกันผมยังจำภาพเหล่านั้นได้ดีภาพมันติดตามากเลยทั้งที่เมื่อสองปีก่อนตอนไปเยี่ยมอาม่า อาได้พาไปดูบ้านเก่าหลายๆสิ่งมันเปลี่ยนไปเยอะมากแล้วตอนนี้ก็โดนทุบทิ้งสร้างเป็นตึกทันสมัยไปแล้วด้วยน่าเสียดายจังผมเองก็นึกไม่ออกว่าทำไมอยู่ๆ ผมถึงไม่อยากไปตรังผมเลิกไปอยู่หลายปีมากไปอีกทีตอนนั้นพ่ออยากให้ไปมาก เพราะไม่ได้ไปหลายปีแล้วเวลามาทีพวกญาติก็จะพาเที่ยวตอนนั้นอาพาไปเที่ยวที่ปากเม้งซึ่งเป็นทะเลที่ผมประทับใจไม่รู้ลืม คือเป็นทะเลชายฝั่งที่สวยมากเลยตั้งใจว่าจะหาโอกาสไปเองไม่รบกวนญาติๆพออีกสองปีได้ก็ไปเย่ียมมาอาที่เข้าโรงพยาบาลตอนนั้นต้องลางานไป เพราะอาการน่าเป็นห่วงแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรพอมาอีกทีก็มางานของอาม่าไม่รู้ว่าเพราะเราโตขึ้น เลยไม่อยากเที่ยวแบบเด็กหรือเปล่าหรือเพราะเริ่มจากอ้อไม่อยากมาผมไปกับพ่อสองคนอยู่กี่ปีก็ไม่รู้ เป็นความทรงจำที่นึกไม่ออกนึกไม่ออกจริงๆแฮะ ว่าทำไมเราถึงไม่อยากมาหรือเพราะเราเบื่อชีวิตในแบบนั้นนะ ชีวิตแบบบ้านๆ ไร้แสงสี เกม ใดๆมาคิดแล้วน่าเสียดายนะความรู้สึกในตอนนั้นมันคงหาไม่ได้อีกแล้วนึกถึงการ์ตูนเรื่องโปรดของผม Only yesterday เลยพอเราโตขึ้น เราจะถวิลหาวัยเด็กที่ ณ เวลานั้นเราไม่ค่อยอยากจะจดจำมันเท่าไหร่แต่มานึกตอนนี้แล้วมีความสุขมากเลย"แด่อาม่า"ผมไม่ได้อยู่กับอาม่าสักเท่าไหร่อย่างที่ทราบ ปีนึงก็ได้เจอกันครั้งเดียวแต่พอผมโตขึ้นก็ทำตัวห่างออกไปที่ผมจำได้ก็มีแต่นิสัยไม่ดีของผมนั่นแหละชอบขอนู้นขอนี่ท่านแต่ก็ไม่เคยทำอะไรให้ท่านสักกะอย่างอย่างช่วงท้ายๆ ท่านก็เป็นห่วงเรื่องเรียน ฝากถามญาติ และพ่อเสมอหวังว่าผมจะเรียนจบสักทีผมก็ไม่เคยนึกถึงตรงนี้เลยเหลวไหลไปเรื่อยไม่ทันคิดว่า มีคนที่เขารอความสำเร็จเราอยู่ผมโดนว่าอยู่บ่อยๆว่าทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงคนอืื่นในครั้งนี้มันชัดแจ้งเหลือเกินหงี่กู๊ ตอนที่เรามาวันแรกหงี่กู๊ดูเศร้าและเครียดมาก ไม่พูดไม่จากับใครแต่พอวันที่สองท่านก็ดีขึ้น เริ่มทำใจได้บ้างแล้วก่อนจะกลับ ผมถ่ายภาพครอบครัวเราไว้อันนี้ถ่ายพ่อกับแม่สิ่งที่ผมจะทำให้อาม่าในตอนนี้ได้คือเรียนให้จบและเริ่มต้นที่จะสร้างอนาคตให้กับตัวเองแด่อาม่าครับ
ชึ้งงงงงง