วันแรกของทริป ทีลอซู - ทีลอเล
ทีลอซู - ทีลอเลเมื่อวันที่ 23 - 26 ตุลา ที่ผ่านมาผมไปเที่ยวทีลอซู-ทีลอเล ที่ตากหลังจากที่ได้ฝึกถ่ายรูป ป่าเขา น้ำตก แม่น้ำ และตึก?!!!! ก็ถึงเวลาอันควรที่จะได้พบเจอกับประสบการณ์จริง ภาคสนาม-_-'"ก่อนเดินทาง"วันพุธ รถตู้นัดมารอ 2 ทุ่ม ตรงข้ามพาต้า ปิ่นเกล้าวันนั้นฝนตกหนักในช่วงบ่ายแต่เราก็ยังชิวๆ คิดว่า จากที่ทำงาน นั่งรถเมล์ไปปิ่นเกล้าทันแหละพี่ๆ ยังแอบเป็นห่วง เห็นสภาพ ที่ยังไม่หายไข้นักแถมหอบของพะรุงพะรังถึงกับบอกว่า "เป็นผู้ชายแท้ๆ ทำไมมันดูน่าเป็นห่วงแบบนี้เนี่ย"แต่จะบอกว่า นั่นเป็นข้อดีของผมนะ-_-' คือดูน่าเป็นห่วง เวลาไปคนไหน เลยมักจะมีคนช่วยเหลือเสมอเรื่องจริงนะเออ พอเลิกงาน กินข้าว แปรงฟัน ทำตัวยึกยัก กว่าจะออกมาก็ ทุ่มตรงเห็นสภาพรถที่ติดแหงกแล้ว ไปรถเมล์ไม่ทันแน่นอนเกรงใจผู้โดยสารท่านอื่นด้วยเวลาเลิกงาน ปกติคนก็แน่นละไอ้นี่แบกกระเป๋าที่ใหญ่กว่าตัวเองขึ้นรถอีกถึงไม่เกรงใจเขา แต่กระเป๋ารถเมล์ก็คงไม่เกรงใจเราเป็นแน่แท้เลยนั่งแท็กซี่ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองดีกว่าแฮะ;p"ชาตรีที่รัก"ผมเคยได้ยินชื่อวงชาตรี แต่ก็ไม่เคยฟังเพลงของวงนี้สักเท่าไหร่รู้แต่ว่าเป็นวงเก่าเหมือนกันเหมือนเป็นโชคดี(หรือเปล่าไม่รู้) แท็กซี่ในการเริ่มต้นเดินทางของทริปนี้เป็นแฟนพันธุ์แท้วงชาตรีเปิดแต่เพลงชาตรีผมเพียงแค่ถามว่า "นี่เพลงใครเหรอ เพราะดีนะครับ" ความเงียบงัน ที่เกิดขึ้นก่อนผมเอ่ยปากถาม ก็ได้ทลายลงพี่แกก็อธิบายเต็มไปหมด เพลงเพราะแบบนั้น หาซื้อยาก มีแผ่นนึงเพราะกว่านี้เพื่อนขโมยไปเอ่อ... ผมแค่อยากรู้ว่าพี่เปิดเพลงไร ดันเล่ามาเยอะแยะเลยแต่จะบอกว่า พี่เขาทำให้ผมสนใจวงนี้แฮะคือเพลงมันเท่ห์ดีนะ บางเพลงมันเป็น Synth Pop คล้ายๆ New Order เหมือนกันนะดนตรีมันเท่ห์ดีเหมือนกัน แล้วอีกอย่างเลย คือ ทำให้ผมรู้ว่า คุณคงเดช นักร้องนำ สี่เต่าเธอแต่งเพลงแบบวงชาตรีนี่เอง (คนอื่นเขาคงรู้กันหมดแล้วมั้ง ฮ่าๆ)การใช้ภาษา แบบเดียวกันเลยแต่ของสี่เต่าเธอ ดนตรีร่วมสมัย(ก็แน่ละ)ฟังเพลงเพลินๆ ก็มาถึงที่หมายก่อนเวลาเข้าไปที่นัดหมายตรงคอนโดตรงข้ามปิ่นเกล้า "10 คน"เข้าไปที่คอนโด ตรงด้านล่างผมได้เจอกับพี่เจี๊ยบกับพี่อีกท่านนึงซึ่งเป็นคนจองทริปนี้ไว้ที่ผมเคยบอกไปว่า ตอนแรก มีกลุ่มคนเขาไปกัน 7 คนซึ่ง 7 คนนั้น เขารู้จักกันหมด ทางทัวร์เลยแนะนำให้ผมไปอีกทริป (ทีลอซู - อุ้มผางคี) ดีไหมแต่ผมอยากลุยป่ามากกว่า ก็เลยเลือกมานี่แหละผมเองมาเป็นคนที่ 8 และพี่เจี๊ยบเขาก็หาคนมาเพิ่มได้เป็น 10 คนเลยได้ลดราคาจาก 4800 เหลือ 4500แหละพี่อีกท่านนึงที่ยืนอยู่กับพี่เจี๊ยบชื่อพี่นา ซึ่งพักอยู่ที่นี่นั่นแหละผมก็แนะนำตัว ทำความรู้จักกับพี่ๆ และขอออกไปซื้อของนิดหน่อยกลับมาอีกที รถก็มาแล้วก็ขึ้นรถเลย มาทำความรู้จักแบบคร่าวๆ กับพวกเขาอีกทีบนรถบนรถประกอบไปด้วยความครัวของน้าหน่อย มีแฟนน้าหน่อย(ผมจำชื่อไม่ได้)และก็น้องเนย กับ น้องไนน์ และเด็กเพื่อนบ้านน้าหน่อยชื่อน้องมะนาวและก็มีผู้หญิงอีกสองคน^^' ที่ผมจำชื่อไม่ได้อะ"ออกเดินทางสู่อุ้มผาง"เราออกจากปิ่นเกล้า สองทุ่มนิดๆรถตู้ที่ผมนั่งกว้างขวางดีผมนั่งหน้าสุด เบาะเอนไม่ได้ -_-' ทรมานเหมือนกันแฮะ หลับไม่ค่อยลงไฟก็สาดหน้าบ่อยๆ ;pแล้วรถคันนี้ก็ไม่รู้เป็นอะไรแวะปั๊มบ่อยมากแวะจนน้าหน่อย เอ่ยปากว่า ตรงไปที่หมายเลยครับไม่ต้องแวะบ่อยก็ได้(มาทราบทีหลังว่า ที่เขาแวะกัน คือนัดกับรถคันอื่นๆ มาเจอกัน และไปพร้อมๆ)ช่วงที่ยังไม่หลับน้าหน่อยก็ชวนผมคุย ถามว่าเป็นไงบ้างโห้ เก่งจังมาเที่ยวคนเดียวส่วนน้าหน่อยแกเที่ยวเยอะเหมือนกันฟังแล้วอิจฉาน้องๆ เขาแฮะ ได้เที่ยวธรรมชาติบ่อยๆเพราะน้าหน่อยแกพาลูกๆ ออกเที่ยวต่างจังหวัดเสมอๆอย่างที่บอกไป รถแวะนู้นแวะนี่ผมก็หลับๆ ตื่นๆง่วงนอน แต่หลับไม่ลง ก็ได้แต่หลับตาตอนแวะปั๊มนึง ก่อนเข้าอุ้มผางพบกับรถตู้เยอะมากซึ่งเหล่ารถตู้พวกนี้ก็มาจากทัวร์หลายๆ ที่มีจุดหมายเดียวกันคือ ทีลอซูทางไปอุ้มผางก็โหดอยู่เหมือนกันมีไม่รู้กี่พันโค้ง แต่รถตู้ที่พาเรามาเขาก็ชำนาญทางดีไม่มีเหตุการณ์ใดๆเรามาถึงอุ้มผาง ราวๆ 6 โมงได้ช่วงเช้ามีฝนตกปรอยๆ แต่แล้วก็หมดไป เราก็เลยได้พบกับรุ้งกินน้ำมาต้อนรับทริปนี้สักพัก รถก็จอดให้ชมจุดชมวิวยามเช้าด้วยความที่นั่งหน้าผมก็เลยถ่ายชอบรูประหว่างรถวิ่งมีบรรยากาศที่เราชอบและสนใจเลยถ่ายไว้มีภาพนี้ที่ตอนถ่ายนั้น แค่อยากให้เห็นถึงบรรยากาศการเดินทางแต่พอมาดูรูปแล้ว ฮาแตกเพราะอะไร ดูเจ้าหมาสองตัวนั้นละกัน T_Tภาพนี้เราชอบมากเลย จริงๆ คือสว่างแล้วละแต่จังหวะที่ถ่ายรู้สึกจะผ่านป่า แล้วตั้งค่าถ่ายอันเดอร์ไป เลยได้ภาพนี้มา"อุ้มผาง"เรามาถึงตัวเมืองอุ้มผางราวๆ 7 โมงเช้าคนขับรถถามว่าจะแวะตลาดก่อนหรือเปล่าตอนนั้นทุกคนตอบทันทีว่าไปผมคิดว่าแต่ละคนคงหวังไปแต่ละแบบบางคนก็หวังของกิน บางคนก็ห้องน้ำส่วนผมก็หวังจะเก็บบรรยากาศตัวเมืองนี่แหละครับ ตลาดของที่นี่ ฮาๆเป็นซอยเล็กๆ แต่บรรยากาศก็น่ารักดีนะข้างๆ คือวัดพานิชย์นิรมล อุ้มผางบรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างสงบและดูดีนะก่อนไปถึงตลาด เขารถอ้อมนิดหน่อย เพราะมีบ้านนึงจัดงานบวชเลยปิดถนน ฮาดี"เริ่มต้นล่องแพ"ขับรถอีกไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงรีสอร์ทเราก็จัดแจง ทานข้าวเช้า และ กาแฟ ซึ่งอยู่ในทริป(ฟรีนั่นเอง)ก็บริการกันเอง แบบบ้านๆ สบายๆ นะครับไม่ได้ถ่ายรูปไว้อะ หิวๆ แต่ส่วนตัวผม โอเคกับที่นี่นะฟิวเหมือนโรงอาหารสมัยประถม ฮาพอทานข้าวเสร็จตอนก่อนทานข้าว งงๆ นิดหน่อยเพราะพี่เจี๊ยบจองไว้ 10 (แต่ตอนแรกจองไว้ 7 อย่างที่บอก)ในนี้ดันระบุ "คุณเจี๊ยบ 7 ท่าน"ก็เลยงงๆ ว่ายังไงแน่ คุยกันสักพักพึ่งมาพบว่า กระดาษที่เขาจดนั้นมีสองหน้าหน้าสอง คุณ(ชื่อจริงพี่เจี๊ยบ) 10 ท่านก็ไม่มีอะไร ทางทัวร์ก็ให้เราไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมล่องแพยางทันทีโดยตอนนี้เราจะต้องเตรียมสำภาระ สำหรับ นอนพัก 1 คืนไปโดยกระเป๋าใหญ่ที่เตรียมมานั้น จะไว้ที่รถรถจะไปรอเราอีกจุดหมายนึงผมก็เลยได้โชว์ความสามารถของกระเป๋ากล้อง(ภูมิใจมาก ฮ่าๆ)แบบว่า ใส่กล้อง และเสื้อผ้าได้ 1 ชุดกับผ้าขนหนู (เกือบยัดไม่ลงเพราะผ้าขนหนูเนี่ยแหละ)และก็เตรียมขาตั้งกล้องไปด้วยก่อนไปลงแพ ก็ไปออฟฟิศของทัวร์ และก็จัดแจงชำระเงินให้เรียบร้อยและเดินทางจากที่นี่เราต้องล่องแพ ใช้เวลาประมาณร่วม 3 ชั่วโมงมีแวะชมวิว กับแวะทานข้าวด้วยนะ ไม่ได้นั่ง 3 ชั่วโมงเต็มคนพายจะมีสองคน ลำของผมนั้นเป็นเด็กพาย หวั่นๆ ใจเหมือนกัน แต่ก็ปลอดภัยครับแต่ข้อเสียคือ น้องเขาไม่พูดไม่จา ไม่อธิบายอะไรเราก็เลยไม่ค่อยรู้ว่า เราได้ผ่านอะไรมาบ้างนะ -_-'อันนี้น้ำตกไรก็จำไม่ได้ น้องเขาไม่ชะลอให้พวกเราด้วยตอนถ่ายก็ลนๆ มาเร็ว ไปเร็ว เคลมเร็วจริงๆ -_-'ลำของน้าหน่อยมาช้ากว่าพวกเราแต่น้าหน่อยบอกว่าคนพายเขาชะลอให้ชมวิว และอธิบายตลอดทาง T_T น่าเสียดายจังแฮะ(ลืมบอกว่า เขาแบ่งให้เรานั่งเรือ 2 ลำ ลำละ 5 คน)ระหว่างทางก็มีจุดกระแทกน้ำนิดหน่อยน้องเขาก็ดันไม่เตือน กระเป๋ากล้องก็เลยเปียกไปส่วนนึงแต่แอบภูมิใจนิดๆ เออ กระเป๋าเรากันน้ำได้เหมือนกันแฮะเพราะน้ำไม่เข้าไปที่กล้องเลย (แต่มารู้ทีหลังว่า น้ำมันขังอยู่ในโฟมด้านใน เอิ๊กๆ)เรามาถึงจุดพักจุดแรกเขาว่ามันคือบ่อน้ำร้อน... (จำชื่อไม่ได้)แต่ผมก็ไม่ได้ลงไปสัมผัสนะ คนเยอะเลยละคือมันเล็กๆ แล้วคนก็ลงไปตลอดเวลา ;pตอนแรกจะลง ก็เลยช่างมันละเดี๋ยวกลับบ้าน แช่น้ำอุ่นก็ได้ คงเหมือนกัน(ฮา)จากประสบการ์ณเที่ยวน้อยนิดไข่ต้มนี่ ดูจะเป็นเมนูยอดฮิตของจุดพักในการเดินทางจริงๆซื้อกันเกือบทุกคนภาพตอนเรือแต่ละลำ เริ่มจะเดินทางต่อลำของผม สีชมพูซ้ายสุดนะ แล้วเราก็เริ่มเดินทางต่อลำนี้มีคุณลุงด้วย สู้ๆอันนี้เป็นจุดแวะทานข้าวเราได้รับข้าวกล่องพลาสติค เป็นข้าวกระเพราะหมู และไข่ดาวอิ่มท้องดีเหมือนกัน ที่นี่เขาจะแจกน้ำขวดให้ด้วยนะจุดพักทานข้าวของที่นี่โอเคดีเลยถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึกหน่อยผมสังเกตบางลำเขาก็ไม่จอดที่นี่แฮะแอบคิดในใจ งบน้อย ไม่มีข้าวให้ละเซะ ฮ่าๆๆๆๆมาทราบทีหลังว่า เขาได้จุดพักทานข้าวเป็นน้ำตก T_T อิจฉาโคด วิวดีกว่าตูอีก(แต่ละทัวร์เขาก็มีการแบ่งว่า ใครจะพักจุดไหน เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งกันเพราะแต่ละจุดที่จอดเรือได้นั้น ก็มีพื้นที่ไม่มากนัก ถ้าเทียบกับคนที่มากันเยอะ)"เดินกันเถอะ 10 กิโลเอง T_T"เรามาถึงจุดที่ต้องเดินขึ้นไป เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางผมมาถึงราวบ่ายโมง (หรือบ่ายสองไม่แน่ใจละ)จากจุดนี้เราต้องเดินไปที่พัก 10 กิโลถ้ามาหลังพฤศจิกายน จะไม่ต้องเดินเพราะเจ้าหน้าที่จะอนุญาติให้รถวิ่งแต่ที่เราเลือกมาช่วงนี้ เพราะคิดว่า เดินเอง คนอาจจะไม่อยากมาบวกกับ หน้าฝน น้ำน่าจะเยอะ ไม่น้อยเหมือนหน้าหนาวแต่กลายเป็นทุกคนคิดแบบเดียวกันหมด-_-' คนเยอะเลย เซ็งเหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นไรนะมันไม่ใช่ของเรานี่เดินๆๆ แดดแรงใช้ได้ตอนแรกผมแบกกระเป๋ากล้อง และขาตั้งเองแต่เดินไปสักพัก(ในช่วงแรก เดินขึ้นๆๆๆๆๆๆ โหดใช้ได้เลย) ไกค์เห็นสภาพแล้วสงสารเลยช่วงแบกกระเป๋ากล้อง กับขาตั้งใช้เวลาในการเดินขึ้นนานมากเหงื่อก็ไหลจนเสื้อเปียกไปหมดเดินไปถึงครึ่งทาง ก็จะเป็นทางลงก็เลยแบกกระเป๋ากล้องเอง(จะถ่ายรูปด้วยแหละ)อันนี้เราใช้เลนส์เทเลถ่าย(อุตสาห์แบกมา ใช้ไม่กี่ภาพเอง)มันคือวิวเดียวกับภาพเมื่อกี้นั่นแหละเวลาเดินทางหนักๆ การมาเจอวิวสวยๆมันทำให้เรารู้สึกหายเหนื่อยเหมือนกันเหมือนสิ่งตอบแทนความเหนื่อยของเรานะแต่พอเห็นวิวทางจะเป็นทางลงยาว ลงน่ากลัวจริงๆคิดถึงตอนกลับ ต้องเดินทางขึ้นนี่ เฮ้อ... คือมันเป็นทางลงเขาจริงลงๆๆๆ และลง มีคนแนะนำค่อยเดินๆ เดินถอยหลังซึ่งมันได้ผลนะ เพราะเวลาเราเดินถอยหลังลงน้ำหนักมันจะไม่ได้ไปที่เข่า ซึ่งทำให้ลดแรงเสียดทานของเท้าและเข่านะแต่ไม่ใช่ลงถอยหลังจนไม่มองหน้าละ เดี๋ยวได้ตกเขาแน่ๆ ผมมาถึงจุดกางเตนท์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางประมาณ 5 โมงได้โดยทางทัวร์จะกางเตนท์เป็นลักษณะล้อมรอบสี่เหลี่ยมมีพื้นที่ตรงกลางกว้างๆ ไว้สำหรับทานข้าวร่วมกันเตนท์แต่ละหลังจะแขวนป้ายกระดาษไว้ เพื่อไม่ให้สับสนทางทัวร์เขาแขวนป้ายชื่อจริงพี่เจี๊ยบไว้ 3 เตนท์ พวกเราก็งงๆสิ มา 10 คน จัด 3 เองเหรอเนี่ย ;pมาเห็นทีหลังว่า เขาจัดไว้ให้เราต่างหากเลย 1 หลังชื่อจริง นามสกุลจริงเต็มยศเลย -_-'ก็สรุปได้รวมกัน 4 หลังหลังใหญ่ นอน 4 คนอีก 3 ก็แบ่ง เตนท์ละ 2 คนแน่นอนว่า กว่ามาที่เตนท์พวกเราเหนื่อยล้ากันทุกคนนั่งนวดเท้าและก็ทยอยกันไปอาบน้ำการอาบน้ำหลังจากเหนื่อยล้า เป็นอะไรที่ดีจังแม้ห้องน้ำจะไม่ดีก็ตามเถอะ ;pที่นี่มีขนมและน้ำอัดลมกระป๋องขายด้วยนะ แต่ไม่แช่เย็น เพราะไม่มีไฟแต่ถึงกระนั้นก็เป็นที่ต้องการหลายๆ คน รวมทั้งผมด้วยราคาก็ไม่แพงนัก 20 บาทมั้งเจอภูกระดึง กระป๋องละ 30 มาแล้ว ;pมื้อเย็นของเราวันนี้ มีกับข้าว 3 อย่างแน่นอนว่าต้องมีไข่เจียว ทัวร์ของเราเติมได้ กินกับอย่างละสองจานได้มั้งอร่อยดี มีตบท้ายเป็นถั่วต้มด้วยคืนนั้น ก่อนนอนกินยาแก้ปวดหัวที่พี่กิฟให้มาไป 1 เม็ดค่อยยังชั่ว ผมมีนิสัยเสียในการนอนเตนท์คือชอบหลับๆ ตื่นๆ มาเข้าห้องน้ำคืนนั้น ตื่นมาเข้าห้องน้ำ 2 ครั้งเกือบกลับเตนท์ไม่ถูก เพราะมันมืดสนิท-_-' ยืนมึนๆ สักพัก กว่าจะหาเตนท์เราเจอจบไปวันแรก