Life on rope ... เขาล้อมหมวก

ทริปนี้... พิมพ์สดขึ้นมาจากความทรงจำ ครับ อาจจะมีข้อมูลบางส่วนที่คลาดเคลื่อนจาก เวลาที่เดินทาง ณ.ตรงนั้นอยู่บ้างแต่ ก้น่าจะไม่มาก / ซึ่งก้แปลกดีนะ อาจจะเป็นเพราะ เป็นสิ่งที่ชอบก้ได้ ทำให้ไม่ค่อยลืม เรื่องราวเท่าไร



ทริปนี้มีโอกาส ได้ไปประจวบครับ ... ไม่ได้มาเที่ยวที่ อ.เมืองประจวบ หลายปีแล้ว ส่วนใหญ่จะหยุดที่แค่ หัวหิน-ชะอำ ไม่ก้ยาวลงใต้ไปเลย / ช่วงก่อนที่จะไปยังไม่ออกกฎการ ขึ้นเขาล้อมหมวกเฉพาะวัน+เวลาที่กำหนดเท่านั้น ทำให้วางแผนเดินทางได้ง่าย เน้นไปแบบชิลๆ เลยนั่งรถไฟจากหัวลำโพง ไปลงประจวบ รถเร็ว171 กทม.-โกลก
... เรียกได้ว่่าคุ้มค่าราคาตั๋วมากๆ นอกจากได้ชมวิวส์สองข้างทางที่ เพลิดเพลินสายตาแล้ว ยัง แถมเวลาเดินทางให้รวม 7 ชั่วโมง ไปถึง ประจวบ ประมาณ 2ทุ่มพอดี 



สะบักสะบอมกับการเดินทางกันไป ก้ไม่เป็นไร นั่ง 3ล้อรับจ้างไปส่งที่โรงแรม ประจวบบีช โฮเต็ล
โรงแรมนี้ ห้องอาจจะเก่าไปบ้าง แต่ทำเลที่ตั้งดีนะ ขนาบด้วยถนน 2ด้าน และ ติดชายหาดเลย พนง.ให้คำแนะนำดี ราคาไม่แพง + มีรถมอร์ไซด์ให้เช่าอีกด้วย ... ยิ่งถ้าได้พักชั้นบนห้องด้านในริมสุด วิวส์อ่าวประจวบ จากหน้าต่างห้อง สวยมากๆเลยละ



เช้าวันใหม่ ... หลังจากตื่นตาตื่นใจกับ วิวส์อ่าวประจวบแล้ว มีโปรแกรม เดินขึ้นเขาล้อมหมวกต่อ ... เช่ามอร์ไซด์จากโรงแรมได้ ใส่หมวกกันน้อกเสร็จ ก้ขี่เข้าไปในกองบิน 53 อ่าวมะนาว ทันที



ขี่มอร์ไซด์เข้าไปในกองบิน 53 ผ่านอาคารต่างๆ ผ่านสนามบิน มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ จนกระทั่งมาจอดที่ ศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ... ซึ่งที่นี่ก้คือ จุดเริ่มต้นขึ้นเขาล้อมหมวกนั่นเอง / หลักจากไหว้ศาลเจ้าพ่อเสร็จแล้วก้เริ่มเดินขึ้นเขา ในช่วงแรกจะเป็นทางขั้นบันได เดินสบายๆ ไปเรื่อยๆ



ผ่านไปได้สักครึ่งทางจะเปลี่ยนเป็นทางสูงชัน ต้องปีนป่ายโขดหิน แหลมคม ขึ้นไปด้านบน โดยจะมีเชื่อกขึงให้จับอยู่เป็นระยะ ซึ่งจุดนี้จะค่อนข้างลำบากในการปีนป่าย โชคดีที่เตรียมถุงมือไปด้วย เวลาจับก้อนหิน ต้นไม้หนาม หรือ จับเชือกเพื่อดันตัวขึ้นไปก้ ปลอดภัยไม่โดนหินบาด หรือ หนามตำ



ยิ่งปีนขึ้นไป หนทางข้างหน้าก้ชันขึ้นไปเรื่อยๆ และ บนเขาไม่มีต้นไม้ใหญ่ให้คอยหลบแสงแดด ทำให้ร้อนมากๆ ควรเตรียม หมวก+น้ำดื่ม+น้ำหวานเกลือแร่ติดกระเป๋าไปด้วย ... แสงแดดที่ร้อน และ ความเหนื่อยที่สะสมมา จนต้องหยุดพักระหว่างทางเป็นระยะๆ ครั้นพอหันหลังพิงโขดหิน ดื่มนั้น
นี่ก้คือ วิวส์ที่อยู่เบื้องหน้า ...





ทุกครั้งที่ เหนื่อยแล้วหยุดพัก ก้จะหันหลังดูวิวส์แบบนี้ไปตลอดทาง เป็นกำลังให้ปีนขึ้นไปต่อ เพราะ ขนาดระหว่างทางยังสวยขนาดนี้ แล้ว บนยอดเขาละ จะสวยกว่าขนาดไหน ... คิดแล้วก้ เก็บขวดน้ำใส่เป้ด้านหลัง และ ปีนต่อไป

... ประมาณ เกือบ 2ชั่วโมง ก้มาถึง จุดสูงสุดของเขาล้อมหมวก โชคดีมากที่ตอนที่ไปช่วงเวลานั้นไม่มี ใครขึ้นมาเลย ได้ชมวิวส์+ถ่ายรูปได้อย่างสบายๆ



ที่นี่ชมวิวส์อ่าวประจวบได้เกือบ 360องศา หากมาในวันที่อากาศดีๆ ฟ้าเปิด เหมาะแก่การถ่ายภาพอย่างยิ่ง



ภาพมุมสูงของสนามบินกองบิน 53 / เครื่องบินกำลังลงจอดพอดี ^^





ด้านบนเขาล้อมหมวกมีพระพุทธรูป และ รอยพระพุทธบาท ให้สักการะ







ใช้เวลา ชมวิวส์ เสพบรรยากาศอยู่นาน พระอาทิตย์ลอยสูง แสงแดดเริ่มร้อนแล้ว ได้เวลา กลับ ...

เวลาขึ้นว่าปีนป่ายหินลำบากแล้ว ปรากฎว่า เวลาลงยิ่งลำบากกว่า เพราะ หากเดินลงไปตรงถ้า เกิดจังหวะเซ เสียหลักจะหกล้มคมำได้  วิธีที่คิดว่าดีที่สุดคือใส่ถุงมือ โรยตัวรูดเชือกหันหลังลงมา เรียกได้ว่า เอาชีวิตฝากไว้กับเชือกจริงๆ // วิวส์ระหว่างทางลง ก้ยังสวยงาม ...



เวลาลงใช้เวลาไม่นานมากเท่า เวลาขึ้นแต่ ช่วงลงบันได ร่างกายอ่อนล้าลงไปเยอะเลย +__+
ที่บริเวณศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก จะมีค่างแว่นอาศัยอยู่ ซึ่งค่างพวกนี้จะเชื่องและเรียบร้อย เราสามารถให้อาหาร พวกผลไม้ ต่างๆกับค่างได้ (มีขายใกล้ๆกับศาล)



ช่วงแรกๆยังไม่กล้าลงมา แต่พอเห็น ลองกอง เท่านั้นละ ลงรับจากมือเลยทีเดียว ^///^



ขี่มอร์ไซด์ วนดูบริเวณรอบๆ บริเวณเขตกองบิน 53 (เฉพาะส่วนที่เข้าชมได้)




ออกจากกองบิน53 กลับไปพัก เหนื่อยหลบร้อนที่ โรงแรม กะว่าจะนอนเล่นสักพักที่ไหนได้ หลับไปเฉยเลย ตื่นอีกทีก้ใกล้เวลาเย็นเสียแล้ว เลยขี่รถ กินลม เลียบชายหาดไป



ผ่านย่านตลาดนัด ศูนย์ราชการ หมู่บ้านประมง ไปจนสุดทางที่ วนอุทยานเขาตาม่องลาย เวลาใกล้พระอาทิตย์ตกพอดี ... ไกลๆ โน่นคุณยายกำลังเดินไปหาของที่เรือลำเล็ก





เขาตาม่องลายบรรยากาศดีนะ ตอนเย็นๆแบบนี้ แทบจะไม่มีคนเลย นั่งหันหน้าเข้าทะเลรับลม ฟังเสียงคลื่นไปเพลินๆ ในหัวคิดอะไรได้มากมายเลยทีเดียว ...





มืดแล้วขี่รถกลับไปหาอะไรกินในตัวเมืองประจวบ ขี่วนไปวนมาคิดอะไรไม่ออก สุดท้ายนั่งกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นโกเด้ง ซะอย่างนั้น

ระหว่างทางกลับไปโรงแรม ผ่านถนนเลียบอ่าวประจวบไปเรื่อยๆ เห็นผู้คนมานั่งริมทะเลเป็นระยะๆ บ้างนั่งกินข้าวร้านอาหาร ใกล้ๆทะเล อากาศดี บรรยากาศชิลๆนะ ผมว่าที่นี่ สวยงาม เงียบสงบ ไม่พลุกพล่านเหมาะกับการมาพักผ่อน อย่างยิ่ง ระยะทางก้ไม่ได้ไกลมากจากรุงเทพ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน (ถ้าไม่ได้นั่งรถไฟแล้วบังเอิญแถมเวลาเดินทางให้เพิ่มเติมเหมือนผม) ... พรุ่งนี้ขากลับจะลองนั่งรถตู้กลับเข้ากรุงเทพ เปรียบเทียบดูว่า รถตู้ที่ร่ำลือกันว่ารวดเร็วจนแทบผ่ามิติได้ จะใช้เวลาต่างจากกรถไฟมากแค่ไหน -0-

จนกว่าจะพบกันใหม่ นะครับ....
 

Create Date : 10 ตุลาคม 2559 Last Update : 27 ธันวาคม 2567 17:05:19 น. Counter : 2652 Pageviews.		2 comments
Share Tweet