เที่ยว เบตง ใต้สุดแดนสยาม
" อะไรนะ จะไป เบตง ! "

เสียงจากปลายสาย อุทาน ขึ้นหลังจากที่ผมโทรหาพี่ชาย แล้วชวนไปเที่ยว ....

คิดว่า แกคงตกใจไม่น้อย ที่อยู่ดีๆจะไปหาแล้วชวนไปเที่ยว อ.เบตง จ.ยะลาแบบนี้ แถมตอนแรกยังมีท่าทางกังวล เรื่องความปลอดภัย จะชวนไป ปีนังแทนซะอีก ...แต่สุดท้ายก้ทนความรบเร้าและอยากไปของผมไม่ไหว ทริปนี้จึงเกิดขึ้นได้ แบบกังวลใจอยู่ลึกๆ



ยอมรับว่าก่อนไปเบตง ตัดสินใจอยู่นาน หาข้อมูลเยอะตีกันมั่วไปหมด ยิ่งมีข่าวมากๆยิ่งบั่นทอนความตั้งใจ จนได้เข้าไปเป็นสมาชิกและติดตามอ่าน สอบถามข้อมูลในเฟสบุ้ตกลุ่มเบตงบ้านเรา ข้อมูลอะไรหลายๆอย่างลงตัวยิ่งขึ้น จนมั่นใจ และ ตัดสินใจออกเดินทาง ...



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะกำลังจะถึงสาย1 ... "ว่าไง อยู่ไหนแล้ว อีก10นาทีรถออกนะ" เสียงจากหัวหน้าคิวรถตู้โทรตามแล้ว ต้องรีบหน่อยเพราะต้องเขียน border pass ด้วย

คิวรถตู้ หาดใหญ่-เบตง ของบริษัท เบตงทัวร์ จะมีวิ่ง 2เส้นทาง คือ เข้าทางไทย หาดใหญ่-ยะลา-บันนังสตา-เบตง และ วิ่งจากหาดใหญ่ผ่านเข้ามาเลเซียไปออกเบตง(ผู้โดยสารต้องมีpassport) มีรอบ 9.00 น.และ 13.00 น. เบอร์ติดต่อคิวรถตู้(หาดใหญ่) 074-203905/086-9627575 เดินทาง 4ชั่วโมง ค่ารถ 250บาท/คน



9.30 หลังจากรอผู้โดยสารคนอื่นๆ และ เขียน border pass กันเสร็จแล้ว รถตู้หาดใหญ่-เบตง(ผ่านทางมาเลเซีย)ก้ออกเดินทาง ที่วันนี้มี ผู้โดยสารทั้งคัน จำนวน5คนเท่านั้น

การเดินทางจะวิ่งผ่าน อ.นาหม่อม-จะนะ-นาทวี-บ้านประกอบ ใช้เวลา 1.30 ชม.ซึ่งจะมีด่านศุลกากรประกอบตั้งอยู่เพื่ออำนวยการเดินทางออกนอกประเทศเข้าไปมาเลเซีย (ปัจจุบันด่านก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่ถนนทางเข้ายังเป็นหลุมบ่อ รอปรับพื้นราดยางอยู่)... เส้นทางปลอดภัยรถวิ่งเยอะและผ่านชุมชนเป็นระยะ



ตอนที่ผมไปด่านพึ่งย้ายจากตู้คอนเทนเนอร์ชั่วคราวเดิมมาเปิดใช้อาคารใหม่ได้ 4วัน ขั้นตอนการข้ามแดนก้ไม่ยุ่งยาก รถตู้จะไปจอดที่หน้าด่าน ผู้โดยสารเดินลงพร้อม passport และ borderpass เข้าไปในอาคาร ให้เจ้าหน้าที่ประทับตราลงสมุด เสร็จแล้วก้เดินผ่านออกมา ขึ้นรถตู้ที่ขับผ่านมาจอดรอรับที่ทางออก



เสร็จแล้วขึ้นรถตู้นั่งไปต่อ เข้าไปยัง ด่านโคตาปุระ ตม.มาเลเซีย เราเดินลงรถพร้อมกระเป๋าเดินทางเข้าไปสแกนบนสายพาน(แบบในสนามบิน)เพื่อตรวจสิ่งผิดกฎหมายแล้วประทับตราเข้าประเทศมาเลเซีย เสร็จก้เดินหิ้วกระเป๋าไปยังทางออก ขึ้นรถตู้ที่ขับมารอเราอยู่แล้ว ไปต่อกันได้เลย

จากด่านตม.รถตู้จะขับผ่าน สวนปาล์ม และ อ่างเก็บน้ำทะเลสาบเปีะดู ซึ่งมีทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม ถนนหนทาง2เลนส์อย่างดี ไม่ค่อยมีรถวิ่งมากนัก คนขับทำเวลาได้ดี (แอบมองเข็มไมล์เหยียบไป 130-140กม.ทีเดียว)





รถตู้แวะที่ปั้มเติมน้ำมันในมาเลเซีย เราสามารถลงไปเข้าห้องน้ำหรือซื้อของกินเล่นได้ที่ร้านค้า แต่จะรับเงิน ริงกิตเท่านั้น ใครไม่ได้ติดตัวไปลองถามหาแลกที่คนขับรถตู้ดูคิดว่าน่าจะมีทุกคน



รถตู้จะวิ่งอยู่ในประเทศมาเลเซียอยู่ประมาณเกือบ 2ชั่วโมง ถึง เมืองบาลิ่ง แล้วไปต่อที่ด่าน ตม. ลงรถเพื่อไป ประทับตราออกมาเลเซีย(ไม่ต้องยกกระเป๋าลงตรวจ)เสร็จแล้วขึ้นรถ นั่งไป ประทับตราเข้าประเทศไทย ที่ด่านเบตง ...



13.30น. รถตู้ ก้พาผมเข้า เบตงประเทศไทย ช้าไปเล็กน้อยเนื่องจากรอคิวประทับตราเข้าที่ด่านเบตงนานมาก ... "ลงไหนกันละน้อง" เสียงคนขับรถตู้ถามผม จริงๆแล้วก้ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะเริ่มต้นตรงไหนดี เลยไปขอลง ที่คิวรถตู้เบตง ตรงข้ามธ.ออมสิน กันก่อน เผื่อซื้อตั๋วกลับด้วย



เวลารถกลับ เบตง-หาดใหญ่ ฝั่งมาเลเซีย ก้มีวันละ2เที่ยว คือ 07.00 และ 12.00 น. ใช้เวลาวิ่ง 4ชม. เบอร์คิวรถตู้(เบตง)073-230287/0817488277  ....

ซื้อตั๋วกลับเสร็จแล้ว ยืน งงๆตรงที่คิวรถอยู่สักพัก ก้เริ่มเดินดูพิกัดต่างๆ  ถ้าจะไปเที่ยวรอบไกลโซน บ่อน้ำร้อน สวนดอกไม้ ต้องเช่ารถขี่ไป เดินถามหาร้านเช่ารถมอร์ไซด์อยู่นาน จนมาเจอร้าน อาโก ซอยฟูสัก 2 ข้างโรงแรมเมอร์ลิน 073-231480



ตอนแรก อาโก ถามประวัติผมยาว ว่ามาจากไหน เช่าไปไหน พักที่ไหน กลับยังไง เพราะแกต้องการ พิจารณาคนเช่าก่อน เพราะเคยมีคนไทยมาเช่าแล้วเอารถ แกไปขายต่อบ้าง หรือ เอาไปเข้าป่าบรรทุกยางแผ่นบ้าง รถเสียไปก้เยอะ จนสุดท้ายได้เช่ามาวันละ 300 บาท พร้อมแนะนำโรงแรมและสถานที่เที่ยวให้ข้อมูลอย่างดี



ได้รถเช่าแล้ว ก้เริ่มขี่ออกเที่ยวในเมืองเบตง กับจุดหมายแรก ที่หอนาฬิกา และ ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในโลก Land mark ของเมืองเบตง แถมกินมื้อเที่ยงด้วยข้าวมันไก่ที่ร้านไทยศรี หลังตู้ไปรษณีย์ นั่นเอง



บ่าย2กว่า เข้าเช็คอิน โรงแรม ไทยโฮเต็ล ที่ อาโก แนะนำว่า พึ่งทำใหม่และราคาไม่แพง ได้เตียงคู่คืนละ 890 บาท มี แอร์ น้ำอุ่น ไวไฟ อ่างอาบน้ำให้พร้อมสรรพ ... พักสักครู่ ก่อนออกไปเที่ยวในรอบๆเมืองเบตงต่อ ที่อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ (อุโมงค์ทางลอดรถยนต์ยาวที่สุดของไทย 273 เมตร)



ขับรถผ่านเข้าอุโมงค์ ไปทะลุอีกด้านนึง ก้จะพบกับรูปปั้นไก่เบตง สัญญลักษณ์อีกอย่างนึงของของ เมืองเบตงนั่นเอง







จากปากอุโมงค์ฝั่งไก่เบตง เลี้ยวซ้ายขึ้นไปบนเนินจะเป็นที่ตั้งของสนามกีฬาเบตง ใต้สุดสยาม



เป็นสนามที่ออกแบบได้ลงตัวกับภูมิประเทศ ตั้งอยู่บนเนินเขา บรรยากาศดีมากเหมาะแก่การออกกำลังกายและแข่งกีฬา



ขี่รถเที่ยวในเบตงพอสมควร บ่ายคล้อยออกไปเที่ยวรอบนอกบ้าง เดี่ยวจะเย็นซะก่อน



ถามพนง.ที่โรงแรมจุดเที่ยวรอบนอกหลักๆจะมี 3จุด คือ บ่อน้ำร้อน อุโมงค์ปิยะมิตร และ สวนดอกไม้ ... ที่แรก ที่ จุดชมวิวส์ อุโมงค์ปิยะมิตร



ขี่รถเลยไปไม่มากก้ถึงปากทางเข้าหมู่บ้านปิยะมิตร



เสียค่าธรรมเนียมที่ประตูทางเข้าและเดินขึ้นเนินผ่านป่าเข้าไปเพื่อชมภายในอุโมงค์ (เรียกเหงื่อพอสมควร)








อุโมงค์ เดิมเคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา  เป็นอุโมงค์คดเคี้ยวเข้าไปในภูเขายาวประมาณ 1 กิโลเมตร



เดินวนไปมาในอุโมงค์ตามจุดต่างๆ จินตนาการย้อนไปถึงสมัยก่อนที่ในอุโมงค์นี้มีคนมาอาศัยอยู่ ในที่แคบๆแบบนี้ คนเหล่านั้นต้องใช้ความสามารถในการก่อสร้างและความอดทนในการใช้ชีวิตอยู่ บวกกับอุดมการณ์เป็นอย่างมาก



ปัจจุบันอุโมงค์แห่งนี้ เปลี่ยนเป็นจุดท่องเที่ยว จัดให้มีนิทรรศการแสดงภาพประวัติศาสตร์ รวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิตภายในป่า เปิดให้เข้าชมเวลา 8.00 น-16.30 น. ค่าเข้าชม(คนไทย)30บาท...

จากอุโมงค์ปิยะมิตร ขี่รถมอร์เตอร์ไซด์ขึ้นเขาไป สวนดอกไม้ ทางช่วงนี้จะชันกว่าช่วงแรก รถมอร์ไซด์เกียร์ออโต้ ซ้อน2 ขึ้นไม่ไหวต้องลงเดิน1คน ระหว่างทางก้หยุดชมวิวส์เป็นระยะๆ





ไปถึงสวนดอกไม้ คิดว่าอยู่ในช่วงปรับปรุงพอดีเลยดูไม่มีอะไรมากนัก เข้าไปถ่ายรูปมานิดหน่อยแล้วออกมา (ค่าเข้าชม20บาท)





เวลาใกล้จะ 5โมงเย็นแล้ว ตะวันเริ่มคล้อยลับ ช่วงเวลาแดดร่ม ขี่รถบนเขาผ่านสวนยางพารา2ข้างทางนี่ได้บรรยากาศ รับลมไปเพลินๆ



ขับลงเขามาทางราบแล้ว ก้มาแวะพักที่บ่อน้ำร้อนเบตง สถานที่พักผ่อนของคนเบตงและจุดท่องเที่ยวของคนมาเลเซีย มีคนมาแช่น้ำร้อนพักผ่อน หรือ ต้มไข่กินกันจำนวนมาก





19.00 น.กลับเข้ามาในตัวเมืองเบตง ตระเวนหาร้านอาหารเย็น ชื่อร้าน ยินดีโภชนา ตามที่ พนง.โรงแรมบอกเมื่อตอนกลางวันว่าร้านนี้อร่อย วนไปมาอยู่หลายซอย ที่ไหนได้อยู่แถวสี่แยกไฟแดงใกล้ ธ.ธนชาตนี่เอง ... สำหรับจากที่ได้ขี่รถตระเวนดู ตอนกลางคืนเบตงจะเปลี่ยนไปอีกมุมนึง กลายเป็นแหล่งผ่อนคลายและพักผ่อนยามราตรี มีทั้ง ผับ คาราโอเกะ นวดแผนโบราณเปิดเยอะมาก และ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก้จะเป็นชาวมาเลเซียที่เข้ามานั่นเอง



เช้าวันรุ่งขึ้น ... มีเวลาอีกไม่มากก่อนจะกลับ ไปเที่ยวชมโพธิสัตโตเจ้าแม่กวนอิมเบตง ที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมและองค์เทพสำคัญอักหลายองค์







ไปต่อไม่ไกลยัง วัด พุทธาธิวาส หรือ วัดเบตง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย .... พระมหาธาตุเจดีย์ พระพุทธธรรมประกาศ



ภายในองค์มหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา



ภายในวัด บรรยากาศร่มครึ้ม ลมพัดเย็นสบาย ต่างจากตอนขี่รถมอร์ไซด์ฝ่าเปลวแดดมาเป็นอย่างมาก


ขี่รถลงไปด้านล่างที่ พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน



เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยประเภททองสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปองค์นี้ได้หล่อจากประเทศจีน และจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญ ในพระพุทธศาสนาประจำเมืองเบตง ... (มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาเที่ยวที่จุดนี้กันเยอะ)



ติดกับรั้ววัดพุทธาธิวาสก้เป็นโรงเรียน จงฝามูลนิธิ โรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งแรกของเบตง ก่อสร้างอาคารเรียนรูปแบบคล้ายกำแพงเมืองจีน  ตั้งอยู่บนเนินเขา สวยงามและแปลกตาอย่างมาก เรียกได้ว่า เหมือนหลุดเข้าไปในอีกที่ที่นึง ที่ไม่เคยได้เห็นเลย





กำลังถ่ายรูปเพลินๆ ... เสียงโทรศัพท์ก้ดังขึ้น อาโก ร้านเช่ารถโทรมาเรื่อง กำนด คืนรถเพราะมีนักท่องเที่ยวมาเลเซียรอเช่าต่อ เลยต้องรีบไปโรงแรมไปเช็คเอ้าออก จะได้เวลากลับแล้ว แต่...


ความรู้สึกในใจผมยังไม่อยากกลับ ยังสัมผัสกับเบตงได้ไม่หมดเลย เวลาอาจจะน้อยและฉุกละหุกไปหน่อยสำหรับทริปนี้ แต่เท่าที่ได้สัมผัสและมาเที่ยวเบตงครั้งนี้ถือว่าเป็นเมืองเล็กๆที่ สวยงาม ประทับใจมากทั้งสถานที่และผู้คน ความกลัวที่เกิดขึ้นก่อนมาที่นี่ กลับกลายเป็นว่า อยากจะกลับมาอีก .... เบตงเมืองแห่งมนต์เสน่ห์ ที่ใครๆก้สามารถมาเที่ยวได้



จนกว่าจะพบกันใหม่ ... ที่เบตง





Create Date : 10 มิถุนายน 2556
Last Update : 15 เมษายน 2557 1:56:50 น.
Counter : 7658 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

-*-Superbaker
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]





My Face ...
blogger counters
New Comments
มิถุนายน 2556

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
  •  Bloggang.com