คิดถึง...ภูกระดึง

วันนึงเปิดคอมพิวเตอร์อ่านเวปท่องเที่ยวไปเพลินๆ อยู่ๆดีก้คลิกเข้าไป review trip ภูกระดึงของสมาชิกท่านนึงที่นำมาโพส นั่งอ่านเรื่องราวการเดินทาง ภาพถ่าย คำบรรยายในบอร์ด พร้อมกับปิดท้ายกระทู้นั้นว่า เป็นทริปที่ประทับใจมากและจะกลับไปอีก.... คำพูดสุดท้ายของกระทู้นี้ ทำเอาผมฉุดใจ คิดถึงบรรยากาศตอนตัวเองเดินขึ้นภู เมื่อสมัยก่อนขึ้นมา...

 ... 10ปี ที่แล้วเคยมาภูกระดึงครั้งแรก สมัยเรียนมหาวิทยาลัย นั่งรถทัวร์มาลงผานกเค้า ต่อรถมาที่อุทยาน แล้วเดินขึ้นภูเลย คงด้วยวัยที่ยังหนุ่่มและไม่ได้คิดอะไรมากไปแบบสนุกๆ เวลามีเต็มที่แต่กลับจำกัดด้วยงบประมาณ ไม่มีแม้กระทั่งกล้องถ่ายรูปสักตัว การขึ้นภูครั้งนั้นจึงเก็บไว้ได้แต่ในเพียงความทรงจำเท่านั้น

... 10ปี ต่อมาไวเหมือนโกหก(หากมองย้อนกลับไป)ในวัยที่ล่วงเลยผ่าน เข้าสู่วัยทำงาน เริ่มมีทรัพยากรที่มากขึ้นแต่เวลามีกลับน้อยลง ทุกอย่างคือการแข่งขัน//

 

ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีเหตุผล หรือที่แท้คือ สิ่งใดดลใจ มันเหมือนกับ ขณะที่คุณขับรถไปบนถนนที่รีบเร่งแข่งขันทุกลมหายใจคือเป้าหมาย แล้วอยู่ดีๆคุณกลับหักหัวรถจอดข้างทางแล้วได้เห็นทุ่งหญ้า หน้าผาสวยที่มองเห็นวิวส์กว้างไกลสุดสายตา มองเห็นภาพตัวเองสมัยก่อนที่บุกบั่นไปบนภูแบบไม่มีอะไร รอยยิ้มเกิดขึ้นที่มุมปากและคิดในใจกับตัวเองว่า.... ผมจะไปภูกระดึง

 

 

มีคนกล่าวกันว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้คลาสสิก เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ เปรียบเสมือนปฐมบทแห่งการเดินทาง ปลายทางที่ใฝ่ฝันของใครหลายๆคน....

 

ทริปนี้มาถึงที่ทำการอุทยานประมาณ 8โมงเช้า แต่กว่าจะจัดสัมภาระให้ลูกหาบ ลงทะเบียนฝากรถ ลงทะเบียนเข้าอุทยานเสร็จ ได้เดินขึ้นภูก็ 9โมงพอดี

อ 

 

เดือนกุมภาพันธ์แล้ว ช่วงนี้ที่ ภูเริ่มเข้าสู่หน้าร้อนแสงแดดค่อนข้างแรงในระหว่างวัน ระยะทาง 1กม.แรกที่โหดพอได้  เส้นทางเหมือนกับรับน้องแก่นักท่องเที่ยวที่มาภูกระดึงจริงๆ เรียกว่าใครไปไม่ไหวให้ถอยกลับตอนนี้ยังทัน ...ทางเดินที่ตัดชัน ขึ้นตามไหล่เขา เล่นเอาผมต้องนั่งพักอยู่หลายครีั้ง กว่าจะถึงจุดพักแรก ที่ ซำแฮก

การมาเที่ยวภูกระดึงมีความสะดวกอยู่อย่างนึงคือ ที่พัก และ ร้านค้านี่แหละ ที่มีให้บริการอยู่ค่อนข้างพร้อม สำหรับราคาก้จะแพงขึ้นไปเรื่อยๆตามระดับความสูง ... ในภาพเป็นแค่ แตงโมธรรมดา แต่พอเวลาเหนื่อยๆกินนี่จะเปลี่ยนรสชาติเป็นแตงที่อร่อยมากๆขึ้นทันที

จากซำแฮกผ่านไปทางจะเดินง่ายขึ้น หนทางจะค่อยๆลาดขึ้นไปกับเชิงเขาผ่านทิวไผ่ บันไดปูน ราวกั้นเหล็ก และ ด่านช้าง ...

ผ่านมา 2กม.แรกของภูกระดึงแล้ว ....

 

....  "70กก.ครับ" เสียงตอบจากพี่ลูกหาบ ตอนถามไปว่าสัมภาระที่แบกมาหนักเท่าไร ทำเอาผมทึ่งในพละกำลังของพี่เค้าเหลือเกิน

 

เดินไต่ระดับขึ้นมาจนถึง ซำแคร่ จุดพักสุดท้าย ก่อนจะต้องเดินตัดชันไปใน ระยะทางประมาณ 1,500 เมตร ทางช่วงนี้จะเดินลำบากที่สุดของภูกระดึง

โดยเฉพาะบันได90 องศา ซึ่งหากเป็นภาวะปกติเหมือนเดินขึ้นบันไดบ้านก็คงเดินสบาย แต่นี่เป็นการขึ้นบันไดชันหลังจาก ขาที่ล้ามาเกือบ 4กม. แต่ละก้าวจึงค่อยๆเกิดขึ้นอย่างระมัดระวังยิ่ง

 

ผ่านซำแคร่มาแล้ว ในที่สุดผมก็มาถึง หลังแป ภูกระดึง 1,288 ม. จากระดับน้ำทะเล มีป้ายบอก    "เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" จุดที่ใครมาแล้วต้องถ่ายภาพไว้   ระยะทาง5.5กม กับเวลา 3ชม. ที่เดินขึ้นมานับว่าทำเวลาได้ค่อนข้างดี ทว่าจุดหมายยังไม่ใช่ที่นี่ แต่ เป็น ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางที่พัก ของผมวันนี้ ระยะทางห่างออกไปอีก 3กม.

 

 

เส้นทางระหว่างหลังแป ถึง ศูนย์ฯ วังกวาง จะเป็นทางเรียบ ตรงยาว ทางดินปนทราย ผ่่านป่าสน จะเดินง่ายกว่าตอนขึ้นภู โดยลักษณะด้านบนภูกระดึงจะเป็นพื้นหินทราย มีต้นสนสองใบขึ้นอยู่จำนวนมาก

ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง หลังจากติดต่อที่พักแล้ว ลูกหาบที่หาบกระเป๋าผมยังขึ้นมาไม่ถึง จึงพอมีเวลาเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ ตั้งแต่ ศูนย์บริการ ลานกางเต็นท์ บ้านพัก ร้านอาหาร ร้านเช่าจักรยาน และ ที่สำคัญบนภูมีคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ 3G !! 

ภูกระดึงเดี่ยวนี้ สะดวกมีจักรยานให้นักท่องเช่าปั่นไปเที่ยวยังจุดต่างๆภายในอุทยาน ถ้าใครปั่นจักรยานพอได้ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกนึงที่น่าสนใจ เพราะจุดเที่ยวแต่ละจุดอยู่ห่างกันและระยะทางค่อนข้างไกล ตอนแรกคิดว่าจะเช่าปั่นไปชมอาทิตย์ตกดินเสียหน่อย แต่ดูแล้ววันนี้คงไม่ไหว รอก่อนดีกว่า

ต้นสน2ใบ อายุ 208ปี ต้นนี้อยู่ภายในบริเวณลานกางเต้นท์ศูนย์วังกวาง

 

เข้านอนเอาแรงในบ้านพักได้ไม่นาน เสียงประกาศตามสายก็ให้มารับกระเป๋าที่จุดสัมภาระ จุดนี้จะมีสมุดลงทะเบียนหากนักท่องเที่ยวจะให้ลูกหาบ หาบของลงภู เขียนช่อ ระบุ วันที่ ลงภูและน้ำหนักไว้ล่วงหน้าได้เลย

ภายในศูนย์บริการจะมี  แผนที่ ภาพถ่าย และ ข้อมูลอุทยาน ไว้ให้นักเที่ยวได้ศึกษา อีกทั้งยังมีจุดรับชาร์ตแบตเตอร์รี่ ด้วยครั้งละ 20บาทรับบัตร ก็ชาร์ตได้แล้ว

ราว 6โมงเย็น อาทิตย์ใกล้ตก ความมืดเริ่มเข้าปกคลุม เสียงต๊อกๆ ของเครื่องปั่นไฟก็ดังขึ้นมาพร้อมกับแสงสว่างในจุดต่างๆที่ศูนย์บริการ อากาศก็เย็นลงอย่างรวดเร็ว ... ได้เวลารับประทานอาหารแล้ว

ร้านอาหารบนศูนย์บริการมีหลายร้าน ลองชิม2-3แห่งรสชาติก้คล้ายๆกัน ราคาอาจจะสูงอยู่บ้างเพราะต้องจ้างลูกหาบแบกขึ้นมาจากด้านล่าง อย่างเช่น น้ำดื่ม ขวดละ 50บาท ข้าวจาน70บาท หรือ หมูกระทะชุดละ 500 บาท รสชาติอาหารก็พอได้ ... ที่สำคัญแม่ค้าที่นี่ใจดีแทบทุกคน

รวมไปจนถึง "เจ้าน้อย" กวางป่าบนภูกระดึง ซึ่งตอนนี้ไม่แน่ใจนักว่า ยังเป็นกวางป่าอยู่หรือไม่ เพราะสามารถปรับตัวจนสามารถเข้ามาใกล้ชิดกับมนุษย์ได้เป็นเป็นอย่างดี

อาหารเย็นมื้อแรกบนภูกระดึงหมดลง ต้องรีบเดินกลับที่พัก  รีบอาบน้ำแต่งตัวนอนให้ทันก่อนที่เครื่องปั่นไฟจะดับลง... พอหลัง 4ทุ่มแล้วที่นี่จะเงียบ ....เงียบ จนได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจตัวเอง !

 

 

.... เช้าวันต่อมาเสียงกุกกัก หลังที่พักดังขึ้น ปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์หลับไหล เพื่อนเจ้าน้อย กวางเจ้าถิ่นบนภูนี่เอง คงมาหาอะไรกินแถวนี้ เลยจำเป็นต้องตื่นมาลงไป ทักทายถ่ายรูปเสียหน่อย ...

เตรียมสัมภาระและจัดการมื้อเช้าเสร็จแล้ว จุดหมายวันนี้คือ ผาหล่มสัก ที่ต้องเดินไกล ไป-กลับประมาณ 20กม. 

เลือกเส้นทางเดินเลียบหน้าผาไป แม่ค้าที่ร้านอาหารบอกว่าเดินง่ายกว่าและไม่อันตรายด้วยหากจะไปคนเดียว ...  กับจุดหมายแรก องค์พุทธเมตตา พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บนลานหินกว้าง มีกระดิ่งเล็กๆและระฆังหลายใบแขวนอยู่โดยรอบๆ ผมนั่งลงไหว้พระขอพร ฟังเสียงกระดิ่งขยับดังเป็นระยะๆ ยามสายลมพัดผ่านป่าสนมาตามลานหินกว้าง

ขณะจะเดินออกจากลานพุทธเมตตา ไปทางผาหมากดูก ได้เจอกับ ครอบครัว พ่อ-แม่-ลูก 3คน มาจาก สมุทรสงคราม เดินขึ้นภูมาพร้อมๆกันเมื่อวาน จะไปผาหล่มสักพอดี เลยขอเดินตามไปด้วย ... อย่างน้อยก้ไม่ได้เดินคนเดียว

 

เดินคุยไป ถ่ายรูปไปเพลินๆ 2กม. ต่อมา ก็มาถึง ผาหมากดูก ในยามช่วงสายๆ ตะวันเริ่มลอยขึ้นสูง แดดเริ่มร้อน

 

ผาจำศีล 600ม. จากผาหมากดูก ผมแวะถ่ายภาพที่ ผาแห่งนี้อยู่นาน 3พ่อ-แม่-ลูก เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว  เพลินอยู่นาน คงต้องรีบเดินตามไปสักหน่อย ระยะทางยังอีกไกล

ผานาน้อย หากมองลงไปด้านล่างของผาแห่งนี้ คือ หมู่บ้านนาน้อย จึงเป็นที่มาของชื่อผาแห่งนี้เอง

ผาเหยียบเมฆ จากผานาน้อยมา 2กม.และห่างจากศูนย์บริการ 5กม. ชะง่อนผาหินแห่งนี้ ถือเป็นจุดชมวิวส์ และมีบรรยากาศที่สวยมาก ลักษณะของผาหินที่ยกตัวขึ้น หากได้ไปยืนบนหินแล้ว จะเหมือนกับยืนอยู่บนเมฆ

ผาแดง ถัดจากผาเหยียบเมฆมา 1.5กม. ผารองสุดท้ายก่อนถึงหมายของวันนี้ ระยะทางจากศูนย์บริการมาถึงที่นี่ 6กิโลเมตรกว่าๆ เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เวลาเกือบเที่ยงแล้วเดินตามกลุ่มกันมา4คน ใช้เวลา 3ชั่วโมงเห็นจะได้ ... จุดหมายอีกไม่ไกล

3คนพ่อ-แม่-ลูกเดินกันเก่งมาก ไม่ค่อยหยุดพักกันเลย ทำเอาผม จะเดินชิลถ่ายภาพไปเรื่อยๆไม่ได้ดีนัก ต้องเร่งเดินตามไปทุกที สอบถามว่าทำไมถึงแข็งแรงกันจังเลย คุณลุง ป้า อายุก้เกือบ 60 แล้ว ... แกบอกเคล็ดไม่ลับ คือ การออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วนั่นเอง มองย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองตอนอายุ 60ปี อาจจะ แข็งแรงสู้คุณลุง ป้า เดินขึ้น ภูกระดึงมาไม่ได้ด้วยซ้ำ

จากผาแดง เดินไม่นานก้ถึงจุดหมายปลายทาง ที่ "ผาหล่มสัก" หน้าผา ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ ภูกระดึงแห่งนี้ จนมีคนนำไปกล่าวกันว่า หากมาภูกระดึงแล้วมาไม่ถึงที่แห่งนี้ ก้เหมือนมาไม่ถึงภูกระดึง

ลักษณะเด่นของผาหล่มสักคือ ชะง่อนผา(หิน)และต้นสนยื่นออกไปนอกแนวหน้าผา ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่เหมือนกันกับหน้าผาอื่นๆ

 

บริเวณผาหล่มสัก หากมองย้อนลงไปด้านล่าง จะมองเห็นผืนป่ากว้างใน เขตอำเภอหล่มสัก  จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อผาหล่มสัก นี่เอง

จากการหาข้อมูลก่อนมาภูกระดึง เจอข้อมูลการขึ้นภู ทางผาหล่มสักด้วย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3ชม. น้อยกว่า ขึ้นมาทาง ตีนภู-หลังแป ปกติมาก แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก เพราะ ยังไม่ค่อยสะดวก และ มีอันตรายจากทางเดินที่ต้องผ่านด่านช้างอยู่เป็นระยะ

ใช้เวลาถ่ายภาพที่ผาหล่มสักอยู่นาน จนลืม 3พ่อ-แม่-ลูก ไปเสียสนิท กระทั่ง เดินออกจากผา จะกลับ เห็น คุณลุงนั่งรออยู่ที่หน้าร้านค้า เลยรีบเดินเข้าไปหา ...ลุงบอกว่า เมื่อกี้มีรถจิ๊ปทหารผ่านมา อาสาไปส่งที่ผาหมากดูกเลย แต่ ไม่ได้ไปด้วย เพราะ กลัวทิ้งผมเดินกลับคนเดียวจึงนั่งรอๆอยู่ ส่วนคุณป้า กับลูกสาว เดินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ผมรีบ ขอบคุณคุณลุง เป็นการใหญ่ด้วยความเกรงใจ ... แล้วเร่งเดินตาม คุณป้ากับลูกสาว ไปให้ทัน

 ...แสงแดดจ้า ในวันที่ ท้องฟ้าแทบไม่มีก้อนเมฆบดบัง ร้อนและแผดเผายิ่งนัก บทสนทนาต่างๆที่พูดคุยกับ คุณลุง ตั้งแต่เรื่อง ธุรกิจส่วนตัว ตรุษจีน ปิดโรงงานมาเที่ยว ลูกเรียนที่ไหน ไปเที่ยวไหนมาบ้าง ฯลฯ ก้เริ่มหมดไป คงเหลือแต่ความเงียบ และ เสียงเพลงจาก ipod ที่เสียบหูฟังอยู่เท่านั้นที่ คอยขับกล่อมเป็นเพื่อน  ในยามนี้น ในใจคิดได้แต่ว่าเพียงเมื่อไรจะถึงที่หมาย

จากผาหล่มสัก เดินย้อนกลับเส้นทางเดิม มา 7กม. เจอครอบครัวชาวต่างชาติปั่นจักรยานสวนไปทางผาหล่มสักพอดี สังเกตว่า ภูกระดึงเดี่ยวนี้ชาวต่างประเทศนิยมมาเที่ยวมากขึ้น เดินทางมาเป็นแพคเกจ จ.เลย เที่ยวภูเรือ ภูกระดึง เชียงคาน แต่ก่อนบนภูจะมีนักท่องเป็นคนไทยซะเกือบหมด ต่างชาติแทบไม่มี... เดินฟังเพลงไปเรื่อยๆที่สุดก้กลับมาถึง ผาหมากดูก นั่งพักที่ร้านค้าอยู่สักพัก 3พ่อ-แม่-ลูก ขอกลับไปที่พักก่อน เพราะ คุณลุงเริ่มเจ็บขา ส่วนคุณป้้า แบตมือถือจะหมด ...

ตะวันคล้อยบ่าย เกือบ 4โมงเย็นแล้ว เริ่มมีกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกหลายกลุ่มขึ้นภูมา ชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ เจอพี่ 2คนมาจาก ภูเก็ต บอกว่า เดินขึ้นมาไม่มีเสื้อผ้าสักตัว กะ เดินขึ้นมาแบบไป-กลับ แต่พอขึ้นมา แล้วกลับไม่ได้เพราะ บนภูมีที่เที่ยวอีกมาก และ เลยเวลากำหนดให้ลงภู14.00น.แล้ว จำเป็นต้องนอนค้าง แบบ งงๆ ไม่มีเสื้อผ้า กระเป๋าอะไรเลย // อีกกลุ่มนึงเป็นกลุ่ม สว.คุณป้ามากัน 4คน อายุไล่เลี่ยกันตั้งแต่ 60-65 พึ่งขึ้นมาวันนี้ มีคนนึงไม่ไหวต้องจ้างหามแบบเสี่ยงขึ้นมา 3พันบาท กลุ่มนี้พักอยู่ใกล้ๆกันกับผมเลย แต่ที่บ้านพักห้องน้ำไม่ดี(มากๆ) เลยชวนให้มาอาบที่พักผมก้ได้เพราะ มีห้องน้ำ  2ห้อง ...

18.00 น. ผมเดินหามุมถ่ายภาพพระอาทิตย์ตก ที่บนภูกระดึง ด้วยความสุขใจอย่างประหลาด ความสนุก ตื่นเต้น เพลิดเพลิน กับ การถ่ายภาพ  กับการมองดวงอาทิตย์ที่นี่ ทั้งที่จริงๆแล้วก้เป็น อาทิตย์ดวงเดียวกัน กับเห็นอยู่ทุกๆวันตอนขับรถ กินข้าว หรือทำงาน ด้านล่างภู ... 

2วันก่อนมาถึงที่นี่ผมก้นั่งมองตะวันตกดินเหมือนกัน  มองอยู่ด้านล่างที่ตัวอำเภอภูกระดึง แต่ สำหรับวันนี้ มองที่บนภู

อาหารเย็นวันนี้ อร่อย มีรสชาติ และ บรรยากาศสนุกสนาน กว่าเมื่อวาน เพราะ เป็นการรวมโต๊ะใหญ่ 7 คน จาก กลุ่มป้า 4คน พี่ชายจากใต้ 2คน และ ผมอีก 1คน มิตรภาพจากคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ได้เกิดขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด เราพูดคุยกันอยู่นาน กว่าจะรู้ตัวอีกที ก้เกือบ 3ทุ่มแล้ว 1 ชั่วโมงก่อนจะหยุดปั่นไฟ ทั้งโต๊ะ จึงพากันสลายตัวอย่างรวดเร็ว แยกย้ายกันไปอาบน้ำ และเข้านอน... กับจุดหมายที่นัดกันต่อไปคือ วันพรุ่งนี้ เวลา 04.00 น.

.... 04.00 น. เสียงเคาะประตู ของ ป้าแดงที่มาเรียกถึงหน้าห้อง ปลุกให้ผมตื่น ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นด้วยกัน เช้ามืดแบบนี้อยากจะนอนต่อเหลือเกิน แต่คงไม่ได้มีโอกาสได้เป็นแบบนี้ทุกวันซะหน่อย ความตื่นเต้นที่จะตื่นดูพระอาทิตย์ขึ้น จึง ชนะ ความง่วง ไปได้ในที่สุด 

 เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศตามสายแว่วมา กับ สายลม และ ความมืด บอกให้นักท่องเที่ยวไปรวมตัวกันที่ ศูนย์บริการเพื่อจะรวมกลุ่มกันเดินไปผานกแอ่นด้วยกัน และห้ามเดินไปเองเด็ดขาด เพราะ อาจจะโดนช้างป่าทำร้ายระหว่างทางได้

... เดินฝ่าลมหนาว และ ความมืดมิด มาด้วยกันเกือบ10คน ก็มาถึง ผานกแอ่น จุด ชมพระอาทิตย์ขึ้นแห่งเดียวของภูกระดึงฝั่งตะวันออก ตะวันยังไม่ขึ้นดีนัก มองไปเบื้องล่างเห็น แสงไฟที่ส่องสว่างของ ตัวอำเภอภูกระดึงอย่างชัดเจน

 

ราว 6โมงเช้าพระอาทิตย์ ทอแสงส่องผ่าน ตัดทะลุก้อนเมฆ และ ทิวต้นสนบนผา ยามเช้าที่ผานกแอ่นแห่งนี้ สวยงาม ไม่แพ้ที่อื่นๆที่เคยไปมาเลย ที่สำคัญนักท่องเที่ยวจำนวนน้อยมาก เมื่อคืน บนภู มีนักท่องเที่ยวไม่ถึง 50คนได้ มาช่วงวันธรรมดาแบบนี้ บรรยากาศสบายๆ ไม่ต้อง แย่งกันกิน ถ่ายภาพ เข้าห้องน้ำ เหมือนตอนช่วงเทศกาลวันหยุด

เจ้าหน้าที่นำทางและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆกลับหมดแล้ว เหลือ แต่ผม ที่เพลินกับการเก็บภาพคนเดียว เดินกลับปิดท้าย บวกกับอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าขวาผลจากการเดินทางไกลเมือวานทำให้ยิ่งเดินช้ากว่าคนอื่นไปเสียอีก

ทางขากลับเปลี่ยนเส้นทางเดินย้อนไปทางลานพระแก้ว ... ลานหินกว้าง ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ยืน บรรยากาศเงียบสงบ ขอนั่งพักขาตรงจุดนี้สักพัก

กลับจากผานกแอ่น ลานพระแก้ว แวะ กินมื้อเช้าที่ร้านอาหารเสร็จ ก้ได้เวลา เก็บของสัมภาระที่บ้านพักมาให้ลูกหาบ ชั่งน้ำหนักเตรียมเดินลงภู  ช่วงสายๆ กลุ่มคุณป้าแดง 4คนจากกรุงเทพอยู่ต่ออีก 1วัน ส่วนครอบครัว 3พ่อ-แม่-ลูก กับ พี่ไกต์2คนจากภูเก็ตเดินลงภูวันนี้พร้อมกัน แต่ล่วงหน้ากันไปก่อนแล้ว

กำลังขาที่อ่อนล้าสะสม และ อาการเจ็บขาขวาที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ ขากลับลงภู ต้องหยุดพักบ่อยๆ และใช้เวลาเดินนานขึ้นกว่าเดิมเกือบ2เท่า ...

 หนทางกลับที่ดูช่างแสนไกล เกือบ 11โมง กว่าจะพาตัวเองมาถึงหลังแป จุดสิ้นสุดทางราบของภูกระดึง ระหว่างทาง หยุดพักขาเป็นระยะ ที่หลังแปนี่ได้เจอกับ 2นักท่องเที่ยวออสเตรเลีย พ่อ-ลูก ที่พักอยู่บ้านพักบนภูใกล้ๆกันกำลังเดินลงพอดี เลยถือโอกาสเดินตามไปด้วย ...

 

รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่คนต่างชาติคู่นี้ พูดภาษาไทยได้ชัดมาก คุยไปคุยมา ปรากฎว่ามาทำงานในเมืองไทยนานแล้ว ช่วงนี้พักร้อนเลยถือโอกาสพาคุณพ่อจากออสเตรเลียมาเที่ยวภูกระดึง (เป็นครั้งที่2)

2คนนี้เดินกันเร็ว ทำให้ต้องเร่งจังหวะก้าวตามให้ทัน ขาซึ่งเจ็บอยู่แล้ว ยิ่งต้องรับงานหนักขึ้นอีก อาการเจ็บยิ่งแย่ลงกว่าเดิม การหยุดพักก้บ่อยครั้งยิ่งขึ้น แต่ที่น่าประทับใจคือ ทุกครั้งที่ผมหยุด     เค้าก้จะหยุดรอผมด้วย ไม่ว่าจะหยุดกี่ครั้ง พักแทบทุกซำ ระหว่างทางลง ก็ยังรอ

ขโยกตัวลงมาจนกระทั่งมาถึง ซำแฮก กิโลเมตรสุดท้ายก่อนถึงตีนภู ต้องบอกให้ 2พ่อ-ลูก ล่วงหน้าไปก่อนเลย ขอพักจุดนี้นานหน่อย(เริ่มไม่ไหว)  ไปๆมาๆกลับกลายเป็นว่า ขาลงภู จะเหนือยหนักกว่า ตอนขาขึ้นแทบจะเป็น 2เท่า เพราะความล้าสะสม ....นั่งๆนอนๆ เคลิ้มๆ จนเผลอหลับไปประมาณ ครึ่งชั่วโมงที่ร้านขายของ บนซำแคร่ ป้าแม่ค้า ก้ใจดีมาก แม้ว่าจะไม่ได้ซื้อของที่ร้านเขา แต่ก้ ยินดีให้นอนพักได้ตั้งนาน โดยไม่มีทีท่ารังเกียจใดๆ ....

เกือบ1ชั่วโมงจากซำแคร่ ที่ค่อยๆเดินลากขาลงมา เวลาเกือบ4โมงแล้ว... 6ชั่วโมงผ่านไป ผมก้มาถึงตีนภู จุดสุดท้าย

 เจ้าหน้าที่ทยอยกลับกันแล้ว ... ลงทะเทียนชื่อออก ลูกหาบคนเมื่อเช้าที่เดินแซงผมไปตั้งแต่ตอนเที่ยงที่ซำแคร่ นั่งรออยู่ พร้อมกระเป๋า "มาคนเดียวเหรอ เจ็บขาไหวรึเปล่า มา เดี่ยวช่วย ยกกระเป๋าไปให้ที่รถ" ยังไม่ทันที่ผมจะพูดตอบกลับอะไรกระเป๋าก้ถูกยกขึ้นพร้อมแล้ว .... อาสาสมัครพิทักษ์ภูกระดึง ที่ตอนแรก ว่าจะเก็บขยะลงมา 1กก. ก้ไม่ได้ทำเจ็บขาเสียก่อนเตรียมถุงดำมาด้วยแล้วแท้ๆ ... 

ขณะขับรถออกจากที่ทำการอุทยานฯ ผมมองย้อนผ่านกระจกกลับไปด้านหลัง เห็นภาพ ภูกระดึงที่ค่อยๆโดนรถทิ้งห่างออกมา

 

 

แม้ว่า จะพ้นจากช่วงเดินลงเขาที่แสนจะปวดขา หายร้อนจากเปลวแดด จะได้กลับบ้านไปนอนสบายๆแล้ว

 

แต่น่าแปลก... ที่ในใจผม กลับยังคิดถึง ภูกระดึงอยู่... 

 

เปล่า ผมไม่ได้คิดถึง เพราะ มีใครรออยู่ ที่นี่ ...หากแต่เป็น มิตรภาพระหว่างการเดินทาง ต่างหาก ที่ทำให้ผมคิดถึง ... และ ผมจะกลับมาอีก

ฉากหลังของภูกระดึง ลับสายตาจากกระจกไปแล้ว จนกว่าจะพบกันใหม่

... ที่ภูกระดึง




Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 27 ธันวาคม 2567 17:08:16 น.
Counter : 5634 Pageviews.

2 comments
  
เป็นการเดินทางที่สวยงามและมีความหมายจริงๆ อ่านแล้วซึ้งมากๆอีกหนึ่งความทรงจำที่ดีมากๆ
โดย: NA IP: 223.206.180.77 วันที่: 23 มีนาคม 2556 เวลา:0:26:08 น.
  
แวะมาเยี่ยมเยียน ทักทายและชมภาพสวยๆ ครับ
โดย: 3KKK วันที่: 10 พฤษภาคม 2556 เวลา:12:11:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

-*-Superbaker
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]





My Face ...
blogger counters
New Comments
กุมภาพันธ์ 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
20 กุมภาพันธ์ 2556
All Blog
  •  Bloggang.com