สุภารัตถะ บล็อก
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 
ความใกล้จริง

เรื่องสั้น ความใกล้จริง
โดย สุภารัตถะ


ยากมากที่จะรู้ว่าเธอเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง ผมแอบป้ายสีไว้ที่แขนของเธอ เป็นสีวิทยาศาสตร์ซึ่งจะเลือนหายได้เองในช่วงเวลาหนึ่ง โดยระหว่างนี้ไม่มีอะไรล้างออกได้ เป็นเพราะ นอกจากผมจะไม่สามารถแยกผู้คนที่นี่ออกได้ว่าเป็นชายหรือหญิง ยังแทบแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร ทุกคนดูละม้ายคล้ายกัน หน้าตาสวยงามยิ้มแย้ม รูปพรรณสัณฐานก็เหมือนๆ กัน บ้านเมืองก็สะอาดเรียบร้อยสวยงามดูเป็นธรรมชาติ

ที่นี่ ไม่มีป้ายโฆษณา ไม่มีสถานที่สวยแบบละลานตาหรือฉูดฉาด ในอีกขณะก็ไม่มีอีกสถานที่ที่โสโครกเน่าเหม็น ทุกหนทุกแห่งงามประณีตคล้ายๆ กัน ต่างจากที่ที่ผมอาศัยอยู่ บางสถานที่เรียกว่าพระราชวัง บางสถานที่เรียกว่าสลัม แม้ชายจะแต่งหญิงหรือหญิงจะแต่งชาย แต่ก็ไม่เกินความสามารถในการแยกออก โดยรูปร่างบ้าง โทนเสียงบ้าง โดยความรู้สึกบ้าง แม้บางคนจะลงทุนผ่าตัดแปลงเพศจากชายมาเป็นหญิง และแทนที่จะไปรักกับชาย แต่กลับไปรักหญิงที่ผ่าตัดแปลงเพศเป็นชายก็ยังมี มันซับซ้อนมาก ผู้คนทำอะไรๆ ไปตามความคิดความเชื่อ นั่นหละเป็นแบบในโลกซึ่งผมดำรงชีวิตอยู่

โลกในสมัยที่เรียกว่ายุคไอที คงเจริญกว่ายุคอุตสาหกรรมผ่านมา เพราะไม่ใช่แค่เจริญด้วยอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังเจริญด้วยเทคโนโลยีเครื่องมือการสื่อสาร ขนาดใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่คุยกันทั้งที่อยู่ห่างกันไม่กี่ก้าว สามารถดูทีวีหรืออ่านข่าวในจอเล็กๆ ของมันได้ หลังจากที่มีการสร้างโทรทัศน์สีจอแบนขนาดมหึมา เส้นทางการเดินทางสุดสะดวกแต่การจราจรติดขัด เครื่องอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันครบครันแม้แต่ในบ้านโกโรโกโส อาหารเม็ดเพื่อสุขภาพราคาแพงแต่ไม่ยอมหัดกินให้เป็น เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมีให้เลือกมากมาย ของอุปโภคล้นหลามถลุงจากธรรมชาติจนเกินกำลังซื้อ รสนิยมทางเพศสมสู่ไม่เลือกเพศ วัย และความสัมพันธ์เดิมอันมีต่อกัน อานุภาพสถานะความรักของแม่ที่ถูกสั่นคลอน โดยการทำแท้งและทิ้งเด็กไว้ตามถังขยะ ทุกอย่างเป็นผลพวงรวมอยู่ในยุคซึ่งมีความเจริญไม่หยุดยั้ง ความต้องการในการเสพวัตถุแต่ทำไมต้องถอยร่นคุณค่าทางจิตใจ ทำไมต้องสวนทางกัน มนุษย์ต้องการแต่สิ่งนอกตัว เงินทอง ทรัพย์สิน ตำแหน่ง ฐานะ ชื่อเสียง และอีกมากมาย

ผมหลงเข้ามาเจอเธอหรือเขาคนนี้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่อาจทราบแน่ชัด ณ ที่แห่งนี้ได้อย่างไรก็ไม่ค่อยแน่ใจ จำได้ว่า มาเที่ยวบ้านเพื่อนต่างจังหวัด ในบรรดาเพื่อนทั้งหมด มีสารสินคนเดียวที่ยังมีบ้านกลางพนา เต็มไปด้วยสวนสวยสมบูรณ์และต้นไม้ป่าเป็นจำนวนมาก แน่นอนครับเขาต้องอภิมหาร่ำรวยมากๆ ความตื่นตาตื่นใจจูงผมให้เดินลึกเข้ามาในป่าเรื่อยๆ เพลิดเพลินกับเสียงนกและดอกไม้ป่าหลากหลายพันธุ์ เฟรมวาดรูปยังตั้งอยู่กลางสวน ส่วนตัวผม สำรวจจนเพริดออกมาเสียไกล ในมือยังเผลอหยิบสีวาดรูปติดมาหลอดหนี่ง เป็นสีวาดรูปชนิดใหม่ ซึ่งศิลปินรูปเทคนิคภาพเสมือนมีชีวิตชื่นชอบ เพราะจะทำให้ภาพเปลี่ยนแปลงไปราวกับข้ามกาลเวลาได้ เช่นวาดภาพธรรมชาติฤดูร้อน ก็เหมือนก้าวข้ามไปสู่ฤดูฝนและหนาวได้ เพราะสีชนิดนี้สามารถเลือนหายไปเองเมื่อผ่านไปสักช่วงเวลาหนึ่ง ผู้วาดจึงต้องเพ้นท์ภาพซ้อนกันหลายภาพเอาไว้ โดยเลือกสีที่มีระยะเวลาในการเลือนหายต่างๆ กัน และใช้สีชนิดถาวรเป็นพื้นล่าง ภาพวาดเสร็จจึงเสมือนเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา ดูสวยงามน่าชมและน่าติดตาม และจะจางหายไปหากไม่วาดพื้นล่างด้วยสีชนิดถาวรไว้ ผมเป็นหนึ่งในศิลปินมีชื่อเสียงในงานภาพชนิดนี้ และไม่นิยมใช้สีถาวรเป็นพื้นล่างหรอกครับ ชื่นชอบที่จะให้ภาพของผมจางหายไปเลย ไม่เลย..ไม่เสียดายหรอกครับ คนซื้องานผมก็รู้กฎข้อนี้ดี

ความตั้งใจมาวาดรูปบ้านเพื่อน เพราะอยากได้ภาพสวนป่าแท้ๆ เป็นเหตุให้ผมมีโอกาสหลงเดินมาโผล่ในสถานแห่งนี้ ซึ่งจะเรียกว่าบ้านเมืองได้หรือเปล่า ถึงแม้จะดูแตกต่างจากโลกที่ผมอยู่มากก็ตาม

เธอหรือเขาดี เจอผมในสภาพเก้ๆ กังๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่อหลงเข้ามา มองผมด้วยแววตาเห็นใจ ผมคงดูแปลกกว่าคนที่นี่อย่างมาก ไม่มีใครเลยจะไม่รู้ว่าผมคือคนที่แปลกทั้งหน้าและแปลกทั้งถิ่นอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครไม่รู้โดยเฉพาะตัวผม ทว่าทุกคนกลับไม่มีท่าทีตระหนก กลับเหมือนจะแสดงความเห็นใจและยิ้มให้อย่างเอ็นดู อาจจะอธิบายยากนะครับ คือเป็นรอยยิ้มซึ่งมากกว่าความเป็นมิตรน่ะครับ ผมคิดอย่างนั้น

เธอหรือเขาดีพาผมชมบ้านเมือง โดยกล่าวว่าไหนๆ ก็มาถึงแล้ว จากนั้นจะพาไปพักบ้านก่อน แล้วค่อยหาทางส่งผมกลับ เธอหรือเขาดีอารมณ์ดี นิ่งสงบ และทำให้ผมสงบตาม นึกถึงสีที่หยิบติดมือมา ซึ่งแอบทาแขนของเธอหรือเขาดีตอนเผลอ อาจเป็นการกระทำตามวิธีคิดของชีวิตอันเติบโตมาอย่างมนุษย์เช่นผม ที่รักตัวเองพอสมควร หรือถึงมากเกินสมควรจึงทำเช่นนั้น เป็นการกันเอาไว้ก่อนเผื่อพลัดหลงกัน ก็ผู้คนที่นี่ ล้วนมีหน้าตาคล้ายกันไปหมดนี่ครับ วิธีเช่นที่ทำก็ช่วยให้ผมใจชื้นขึ้น อาจจะเสียใจและอายบ้าง เพราะขณะเดินไปด้วยกันนั้น ผู้คนก็ไม่ได้เบียดเสียดพลุกพล่าน ไม่มีรถรา เป็นการเดินชมเมืองอย่างบรมสุขด้วยซ้ำ ดูเหมือนตัวจะเบาเดินเร็วจนคล้ายลอย บ้านเมืองก็แสนสวยงามลงตัวไปด้วยธรรมชาติ ทั้งสถาปัตยกรรมและผู้คนก็น่าพิศวงยิ่งนัก

“บ้านฉันอยู่ไม่ไกล อีกแค่ชั่วไม่นาน ก็ถึง”

“ผมคงดูแตกต่างจากผู้คนที่นี่อย่างมาก และท่าทางก็คงแสดงออกว่าต้องการความช่วยเหลืออย่างมากด้วยเช่นกัน ขอบคุณนะครับที่กรุณา อ่า…เข้ามาช่วยเหลือ”

“ไม่มีใครเจอกันโดยบังเอิญหรอก เหตุเจอกันย่อมมีที่มา ถึงแม้การเจอกันในปัจจุบัน เราจะไม่มีอะไรสัมพันธ์ต่อกันก็ตาม ฉันคิดจะช่วยคุณก็ได้ ไม่ช่วยคุณก็ได้ ตามแต่ที่จะตัดสินใจ หากฉันไม่ได้ช่วยคุณ คุณก็จะได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นที่เขาก็มีเหตุจะต้องเข้ามาช่วยคุณทันทีถ้าฉันคิดจะไม่ทำภาระนี้ มีผู้คนอีกมากมาย ซึ่งมีความสัมพันธ์ต่อกันด้วยสาเหตุต่างๆ เข้าเจอกันโดยเหตุปัจจัยเดิมหรือเหตุปัจจัยใหม่ก็ตาม สามารถเลือกจะกระทำหรือเลือกไม่กระทำเหตุใหม่ๆ อย่างไรก็ได้ ตามแต่จิตปรารถนา เพียงแต่คนที่นี่ มีภาวะในการเลือกกระทำโดยมีสติสัมปชัญญะอย่างสูง ไม่ใช่โดยเป็นไปตามอารมณ์อย่างผู้คนในบ้านเมืองคุณทำ ที่นั่นผู้คนปล่อยให้ตัวเองทำตามใจนึก เล่นสนุกกับมายามากจนดูเหมือนเด็กเล่นขายของ

“หมายถึงอ่า..ไร้สติเหรอครับ” พยายามตอบ แบบแสดงว่าผมตั้งใจฟังที่เธอหรือเขาดีพูดมาทั้งหมดได้อย่างไม่ตกหล่น เธอหรือเขาดียิ้มแทนคำตอบ

“ผม เออ อ่า…อย่างนั้นที่ว่า มีสัมพันธ์ต่อกันมา ถึงไม่ใช่ตอนนี้ หมายถึง…อ่า…เราเคยมีอดีตต่อกันมาหรือครับ คุณกับผม…หรือครับ? อ่า..รู้ได้อย่างไรครับ?”

“คนที่นี่รู้ได้ แต่เราอย่าเพิ่งคุยถึงเรื่องนี้เลย”

“แล้ว…อ่า.. ผมพอจะเข้าใจนะครับ ที่ว่าคนที่นี่ทำอะไรด้วยสติอย่างสูง ผมเห็นด้วย เพราะสัมผัสได้ถึงความสงบของที่นี่ อาจเป็นเพราะดูจะไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเกิดขึ้นเลย เหมือนอย่างที่โน่น ที่โลกของผม เอ่อ.. ราวกับผู้คนที่นี่ไม่มีอารมณ์รุนแรงกันเลยนะครับ”

“สันติสุขเกิดขึ้นเมื่อจิตสงบนิ่ง มันเป็นพลังงานของความรัก ความงามอันว่างเปล่า มันเป็นความตระหนักรู้ และรับผิดชอบต่อสิ่งอื่น ชีวิตอื่น ถ้าคุณไม่ปรุงแต่งความคิดหรือปรุงแต่งอารมณ์อะไรมากมาย คุณก็จะรู้”

“อ้า..ครับ พอจะรู้ครับ เรื่องอารมณ์ความคิดความเชื่อ นี่มันไม่จริง ความโลภโกรธหลง ไม่ใช่ของจริง ผมพอจะรู้ตามที่ศาสนาสอนเอาไว้ครับ”

“แค่นิ่งเท่านั้น อยู่กับสติให้มาก การคิดปรุงแต่ง ย่อมทำให้สร้างอารมณ์ด้วยภาพของความคิด เมื่อภาพเหล่านั้นเกิดขึ้น ทำให้ขวางกั้นความจริง การนิ่งโดยหยุดปรุงแต่ง คุณอาจสัมผัสความจริงได้ และถ้าไม่มีภาพมายาปิดปัง อย่างน้อยถ้ายังไม่เข้าถึงความจริง อารมณ์ความคิดที่สร้างภาพมายา ก็จะน้อยลงเหมือนคุณเห็นจากที่นี่ ทุกสิ่งเกิดขึ้นและเป็นไปตามที่คิด ไม่ใช่คิดจะเป็นแล้วเป็น แต่จะเป็นไปตามผลแห่งการปรุงแต่งไป”

“อ่า..คะ..ครับ..”

“พูดง่ายๆ เราเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น แต่ในโลกคุณกลับห่างความจริงออกไปทุกที สร้างภาพมายาซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน การประกันชีวิต สปา โรงอาบอบนวด ธุรกิจซับซ้อนออกไปเรื่อยๆ การดำรงชีวิตที่แปลกออกไปเรื่อยๆ และอีกมากมายอันจะเกิดขึ้นตามมาในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้เกิดเพราะความคิดยิ่งปรุงไป ยิ่งให้ห่างความจริงออกไป”

“ผู้คนในบ้านเมืองผมไม่สนใจความจริงกันใช่ไหมครับ ผู้คนพยายามสร้างความสะดวกสบาย สนุกสนาน จนเลยเถิดไปแล้วใช่ไหมครับ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขอย่างแท้จริง แม้พวกเราพยายามแสวงหาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาบันเทิงชีวิต แต่ก็ยังมีความทุกข์”

“ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ ชื่อเสียง หรือเกียรติ ทำให้ชีวิตวุ่นวายมากขึ้น ความสุขแบบนั้นแม้หามาด้วยความยากลำบาก ก็เพียงเพราะความกลัว กลัวลำบาก กลัวไม่มั่นคง กลัวไม่เด่นไม่ดัง แต่การแสวงหามากเกินความต้องการ ก็หาทำให้อิ่มหรือเพียงพอไม่”

“อ่า..ผมไม่ค่อยเข้าใจ”

“โลกเป็นไปตามความคิด ไม่ง่ายที่จะเข้าใจ ถ้ายังเชื่อและยึดมั่นในตัวตน ความพยายามในการทำให้ตัวเองเด่นชัดขึ้นมา และเสาะแสวงหาทุกอย่าง ไม่ว่าจะโดยชื่อเสียง เกียรติยศ ความร่ำรวย เพื่อสนองอัตตา เป็นการแยกตัวตนออกมาจากองค์รวมของความจริง การแยกตัวออกมาเพื่อให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ เป็นที่สนใจ หรือโดยเหตุใดก็ตาม สิ่งซึ่งเขาได้รับจากการแยกตัว กลับเป็นความว้าเหว่ อ้างว้างและเปล่าเปลี่ยว การสร้างอัตตายิ่งกลับทำให้โดดเดี่ยว”

ผมหยุดการโต้ตอบ แต่พยายามคิดตาม มนุษย์เหมือนต้องการสังคมที่อยู่ร่วมกันโดยความสุขความรัก แต่ส่วนลึกกลับต้องการความโดดเด่นเฉพาะตัว แข่งขันเอาชนะ พวกเขาแข่งขันกันเพื่อจะเป็นผู้นำ หรือโดดเด่นด้วยความสามารถอะไรสักอย่างเพื่อให้สังคมยอมรับ ว่าเขามีความสามารถ ดีกว่า เก่งกว่า เหนือกว่า หรือไม่ก็มีตัวมีตนปรากฏอยู่ อะไรกันหนอ ที่จะทำให้ทุกคนไม่แปลกแยกกัน สักพักก็ได้ยินเธอหรือเขาดีบอกว่าถึงแล้ว บ้านของเธอหรือเขา สวยไม่แตกต่างจากบ้านของคนอื่นๆ ที่นี่

ผมได้รับการต้อนรับอย่างสุภาพ ซึ่งบัดนี้ ผมสามารถเรียกสรรพนามของผู้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผมได้อย่างเต็มปากว่าเธอ เมื่อเธอแนะนำผู้อาศัยอยู่ในบ้านอีกคน ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาไม่แตกต่างไปจากเธอนัก แต่อาจสูงกว่าและตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย ว่าเป็นสามี ผมแสดงความเคารพต่อเขา เขาทักทายด้วยไมตรีและทำให้ผมเกิดความอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด พวกเขาเลี้ยงอาหารว่างด้วยอาหารที่ดูธรรมดา ล้วนทำจากผักผลไม้แต่มีรสชาติวิเศษล้ำ เขาบอกว่าผมมีเวลาอีกพอสมควรก่อนจะได้รับการส่งกลับ เรื่องที่ผมพลัดหลงเข้ามาถูกรับรู้ และได้รับการช่วยเหลือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมกล่าวขอบคุณ อยากจะบอกว่ารู้สึกดีใจกับการหลงเข้ามาอย่างนี้ แต่ไม่กล้ากล่าวออกไป

หลังเรียบร้อยจากอาหารว่าง ผมถามคำถามคาใจ ที่ว่าผมมีความเกี่ยวดองกับเธอมาก่อน หรือเธอกับผมเคยมีความสัมพันธ์ต่อกันมา หมายถึงอย่างไร เธออธิบายว่า ผมเคยเป็นน้องสาวของเธอมาก่อน คนที่นี่สามารถรู้อดีตหรือระลึกชาติได้ถึงเจ็ดชาติเป็นอย่างน้อย และสามารถระลึกชาติได้มากกว่านี้จากการทำสมาธิ

“ผมอยากมาอยู่ที่นี่” กระซิบบอกพี่ในอดีตชาติ ขณะทั้งคู่เดินมาส่งตามแนวป่า ดูเหมือนสามีของเธอจะรู้ถึงความต้องการของผม ทั้งคู่กล่าวกับผมหลายประโยคอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเกิดแรงสะเทือน และทำให้ร่างกายผมราวจะผ่านแนวเชื่อมอะไรสักอย่าง ออกมาโผล่ที่สวน ซึ่งยังคงตั้งเฟรมวาดภาพของผมอยู่

“ถ้าเธอเบื่อจะเป็นดาราดัง”
“ถ้าเธอไม่อยากจะเป็นนักร้องขวัญใจวัยรุ่น”
“ถ้าเธอไม่สนใจจะเป็นนายกรัฐมนตรี”
“ถ้าเธอไม่อยากจะมีภรรยาเลอเลิศ”
“ถ้าเธอระอากับการแข่งขัน”
“ถ้าเธอเบื่อที่จะเป็นคนรวยที่สุด”
“ถ้าเธอไม่หวังจะเป็นคนเก่งที่สุดในโลก”
“ถ้าเธอไม่สนุกกับการทำตัวให้เด่น”
“ถ้าเธอไม่คิดว่า…สักวันจะต้องเป็นนั่นเป็นนี่”
“จำไว้นะ ถ้าเธอไม่อยากเป็นหรือไม่ไม่อยากเป็น”
“ถ้าเธอเบื่อการเล่นสนุกลงเสียบ้าง”
“เธอจะได้พบความใกล้จริง ใกล้จริงเข้าไปเรื่อยๆ”
“จนกว่าเธอจะเข้าถึงความจริง เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง”

“ไม่ต้องแปลกแยก ไม่ต้องมีตัวผมอีก” ประโยคสุดท้ายเหมือนละเมอออกมาเอง ผมเบื่อภาระการมีตัวเองที่สุดเลย



Create Date : 17 ธันวาคม 2548
Last Update : 10 มิถุนายน 2549 14:21:10 น. 0 comments
Counter : 390 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

suparatta
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




..วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร..
..ท่านนาคารชุนะ..
วิภาษวิธี..เกริ่นนำ..ตอนจบ..

๐ สมุดเยี่ยมและบ่นได้..
**ทางลัด**
๐ สารบัญทักทาย(ทั้งหมด)
๐ ชวนคุย&ฟังเพลงปี48(ทั้งหมด)
๐ นอนดูจันทร์..(ส่วนตัว)

**log in หน่อยน่า..



Google.co.th
Friends' blogs
[Add suparatta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.