สุภารัตถะ บล็อก
Group Blog
 
<<
เมษายน 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
2 เมษายน 2549
 
All Blogs
 
ความปล่อย

เรื่องสั้น ความปล่อย
โดย สุภารัตถะ


ไม่มีใครรู้ว่าความตายจะเข้ามาถึงตนเมื่อใด และเมื่อความตายมาถึงจริงๆ แม้แต่คนอยากตายก็อดไม่ได้จะประหวั่นพรั่นพรึง และถ้าหากเขาฆ่าตัวตายเพื่อหนีทุกข์ตอนมีชีวิต เขาจะคาดหวังการหนีทุกข์หลังความตายได้อีกหรือไม่

น่าเสียดาย…ที่คนจะฆ่าตัวตายทั้งหลายซึ่งกำลังผจญทุกข์สาหัสเกินจะทนไหว ไม่สามารถรำลึกได้ว่า กรรมอันใดทำให้ต้องมาเผชิญทุกข์อยู่ขนาดนี้ ไม่แน่ว่า ถ้าสามารถระลึกถึงกรรมที่ทำไว้ได้ ซึ่งแม้ไม่ใช่เป็นกรรมในปัจจุบัน เพราะชาติปัจจุบันอาจจะทำดีและเป็นคนดีอยู่แล้ว แต่เพียงแค่ระลึกได้เท่านั้น ก็อาจช่วยให้เขาอดทน พอใจ และยอมผจญทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่ ยิ่งถ้าได้รู้ว่า การฆ่าตัวตายนอกจากไม่ใช่วิธีทำให้หนีทุกข์ได้แล้ว กลับจะเป็นการเพิ่มกรรมหนักขึ้นอย่างน่ากลัว เพราะไม่อาจพ้นกรรมซึ่งต้องชดใช้ ซ้ำยังต้องบวกบาปกรรมในการฆ่าตัวเองเพิ่มเข้าไปอีก ใครๆ ก็คงต้องหนาว..เกินจะฆ่าตัวตาย ฆ่าโอกาสของตัวเองไปได้

“ก็ชดใช้กรรมที่ทำมาเสียเลย หนีไม่พ้นอยู่แล้วนี่ ถึงตายก็หนีไม่ได้อยู่แล้ว ก็อดทนรับเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ถ้าชาติหน้าสถานการณ์แย่กว่านี้ ทุกข์หนักกว่านี้ มันไม่ยิ่งน่าเบื่อกว่า เกินจะทนยิ่งกว่า สาหัสสากรรจ์ยิ่งกว่านี้หรือ? แล้วทำไมจะต้องให้มันหนักกว่านี้เล่า บาปก็ทำมาเอง ใช้ๆ มันตอนนี้ไป แล้วก็หมั่นทำดี อย่าอาฆาตพยาบาทใคร ไอ้พวกมาหลอกลวง มาสร้างความเจ็บแค้นให้ ก็ใช้เวรให้เขาไปให้หมดเลย จบๆ กัน อย่าผูกเวรกับพวกเขาอีก ถ้ามาเจอกันอีก คงจะยิ่งแย่ ฉะนั้น…ยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว ทำดีๆๆ คราวหน้า ชาติหน้า จะได้มีโอกาสดีๆ …ชีวิตจะได้มีแต่สิ่งดีๆ สามารถแก้ไขสถานการณ์ร้ายๆ ได้ ถ้าไม่มีชีวิต จะทำดี สะสมกรรมดีให้ตัวเองได้อย่างไร…” ความคิดผุดขึ้นมาในสมองน้อยๆ ของรังสิมามากมายเต็มไปหมด ขณะขับรถกลับบ้าน

แม้รังสิมา จะทำตัวตามปรกติอยู่ก็จริง แต่ซ่อนความขมขื่นมาเป็นปีๆ แล้วด้วยซ้ำ คนอย่างเธอซิน่าคิดฆ่าตัวตายที่สุดเลย เพราะผิดหวังกับชีวิตทุกๆ ด้าน การจะฝ่าด่านชีวิตอันสิ้นหวังตรงนี้ไป คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สมองของเธอกำลังสร้างความคิด จากความรู้อันเกิดจากสัญญาต่างๆ ขึ้นมา ทั้งนี้ก็เพื่อให้ตัวเธอเองเห็นถึงประโยชน์และโอกาสของการมีชีวิตอยู่ เพราะจะว่าไป ชีวิตหมดหวังทุกด้านจนไร้ความหวัง ก็ยากจะทำให้อยากมีชีวิตอยู่

ขณะกำลังเพลินคิดอยู่นั่นเอง มีรถใหญ่สิบล้อหักแซงรถคันหน้าออกมา โดยไม่เห็นรถของเธอซึ่งวิ่งสวนมาตามปรกติบนถนนสองเลน เสียงดังโครมสนั่น!!! มันชนเข้าใส่รถของเธออย่างแรงและไถรถเธอถอยกรูด เข้าพุ่งชนรถอีกคันที่ขับตามมา รังสิมาลืมตาโพลง ด้วยความงงงันโดยไม่ทันนึกอะไรออก เธอจับพวงมาลัยแน่น กว่าจะรู้ตัว มองดูรถตัวเองพร้อมกับรถยนต์คันหลัง ที่ถูกเกยไถลถอยไปพร้อมกัน ตามแรงวิ่งชนของรถใหญ่ที่แม้จะเบรคอย่างแรงแล้วก็ตาม รถชะลอตัวจนหมดแรงเฉื่อยจึงหยุด คนขับสิบล้อหนีไปตามระเบียบ เธอลอยตัวอยู่นอกรถ เห็นสภาพศพตัวเองซึ่งพังยับเยินไม่ต่างไปจากรถเช่นกัน

เธอทรุดตัวนั่งลงข้างถนน เอามือท้าวคางครุ่นคิดต่อ ท้าวความเมื่อสักครู่คิดไปถึงไหน จำได้คลับคล้ายคลับคลา ว่าตัวเองพยายามสร้างกำลังใจเพื่อจะได้ไม่ต้องฆ่าตัวตาย และรู้ตัวดีว่าคนอย่างเธอนั้น ไม่มีทางฆ่าตัวตายแน่นอน เพราะกลัวกรรมซึ่งจะทำให้ต้องไปเจอทุกข์หนักกว่าเดิม เพียงแค่ท้อสุดทนกับการมีชีวิตเท่านั้นเอง หวังว่าถ้ายังมีชีวิตก็จะสะสางกรรมเก่าให้หมดไป ไม่แบกไปใช้ชาติหน้า แล้วก็ทำดีเอาไว้เป็นทุน จะได้มีโอกาสดีๆ กับเขาบ้าง ไม่ต้องมาเจอทุกข์หนักๆ แบบนี้อีก เป็นเพราะคงสร้างเวรเอาไว้มากแน่ๆ

“แต่ตอนนี้ กลับต้องมาตายกะทันหัน” ตกใจทันทีที่นึกได้ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงแบบฉับพลัน มากกว่าจะตกใจเพราะรู้ตัวว่าตาย พอแน่ใจว่าตาย ความรู้สึกดีใจแวบผ่านเข้ามา “ไชโย ไม่ต้องกลับไปเจอทุกข์เดิมๆ อีกแล้ว”

“แต่ก็หมดโอกาสจะทำบุญแล้วเหมือนกัน ใช้เวรหมดแล้วหรือยังก็ไม่รู้ แล้วจะต้องไปเจออะไรต่อเนี่ย…” เธอสับสน ความรู้สึกกลัวเกิดขึ้นทันใด หวั่นใจกับสิ่งจะเกิดขึ้นข้างหน้าอันไม่สามารถคาดเดา ทั้งไม่มั่นใจว่า ได้ทำความดีมาขนาดไหนแล้ว

เมื่อมองกลับไปยังรถคู่ใจซึ่งกลายเป็นรถกระดาษยับๆ อยู่ใต้ท้องรถบรรทุก ก็เห็นรถคันหลังที่วิ่งตามมา จนต้องถูกชนซ้อนท้ายไปด้วย แม้กำลังการชนของรถใหญ่จะลดไปมากแล้ว แต่ก็ยังน่ากลัว แรงอัดปะทะยังมีกำลังหนุนมากพอ ส่งผลให้ด้านหน้าของรถคันหลังพังยับไปเหมือนกัน คนขับเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีทีเดียว เขาสลบคาที่ รู้สึกเหมือนวิญญาณของเขาจะเริ่มขยับออกมาจากร่างและมองมายังเธอ เสียงหวอรถตำรวจและรถปอเต็กตึ๊งดังมาแล้ว ไทยมุงก็กำลังเพิ่มขึ้น ดูเอะอะวุ่นวายไม่น้อย เขาลอยตัวมาหาเธอด้วยสภาพงุนงง

“คุณยังไม่ตายหรอก” รังสิมาพูดกับเขา เห็นสายใยบางๆ ยังเชื่อมโยงระหว่างเขาซึ่งเป็นวิญญาณหรือกายละเอียดกับร่างของเขาที่นอนอยู่ในรถ เขามองกลับไปดูร่างตัวเอง และมองดูสภาพรอบๆ ตัว

“แล้วคุณตายแล้วหรือ” เขาถาม
“งั้นมั๊ง”
“แล้วผมจะได้เห็นแสงสว่างจ้าเหมือนในหนังไหม”
“ไม่รู้เหมือนกัน รอแป๊บนึง อาจจะเห็นก็ได้”
“แล้วคุณอยากเห็นไหม”
“ไม่หรอก กำลังคิดอะไรหลายๆ อย่างอยู่น่ะ”
“ดูคุณไม่ตกใจ ไม่กังวลเลย ที่ต้องตาย”
“คุณก็เหมือนกัน ไม่ตกใจอะไรเลยหรือ”
“ก็ผมเห็นคุณเข้าก่อน อย่างอื่นเลยไม่ทันคิด อืม..ไม่แน่นะ..” เขาเริ่มคิด
“ถ้าไม่เจอคุณ ผมอาจตกใจ สติแตกไปเลย” เขาสรุป
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันคิดให้ก่อน คุณยังไม่ตาย เดี๋ยวคุณตามร่างกลับไป เข้าร่างเสร็จ แล้วค่อยคิดก็ได้”
“แล้วผมจะฟื้นขึ้นมาแบบปรกติไหมเนี่ย”
“บอกแล้วอย่าเพิ่งคิดมาก ถ้าอยากคิด ก็คิดแต่เรื่องดีๆ” เธอเตือน เพราะเห็นแสงวิญญาณของเขาหมองลงทันที
“ไม่คิดก็ได้ กังวลแล้วก็เศร้าไปเปล่าๆ” เขาคล้อยตาม แล้วถามต่อ
“แล้วคุณอยากให้ผมช่วยอะไรไหม อยากฝากข่าวอะไรไปบอกใครไหม”
“คงไม่…” เธอตอบ คิดไม่ออกว่าจะฝากอะไร ไปบอกใคร
“คุณชื่ออะไร” เขาถาม
“รังสิมา”
“ผมคงต้องไปก่อน” เขาบอก ตามร่างตัวเองที่กำลังถูกขนย้ายแล้ว “เอ๊ะ แวะไปหาแม่หน่อยก็ดี” พอคิดไม่ทันจบร่างเขาก็หายไปทันที

ทุกอย่างกำลังจะสงบลง โดยยังไม่รู้จะทำอะไรต่อไป รังสิมาทบทวนความรู้เดิมๆ พวกตายโหงไม่สามารถไปไหนได้ จะต้องรายงานตัว ให้เจ้าที่บริเวณที่ตัวเองต้องมาตายตรงนั้นทราบก่อน แต่นั่งรออยู่นานก็ไม่เห็นมีใครมา แถมไม่เห็นวิญญาณใครๆ โผล่มากล่าวเตือนว่าเธอตายแล้ว หรือให้คำแนะนำอะไรเลย

“ไปที่อื่นดีกว่า..” เธอลอยไปเรื่อยๆ คิดอะไรไปเรื่อยๆ

ไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาบ้านได้อย่างไร จิตคงประหวัดถึงบ้าน เจอเจ้าที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน ท่านกล่าวทักทายและแนะนำตัวเอง เธอยกมือไหว้ท่าน กลัวจะถูกไล่ไม่ให้เข้าบ้าน ต้องเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนน่าสงสารเหมือนในหนัง บ้านซึ่งเคยอยู่ก็อยู่ไม่ได้แล้วหรือนี่ มัวแต่เศร้าและเป็นกังวล จนท่านต้องเตือนให้เข้าบ้านและอย่าคิดอะไรไร้สาระ แต่พิจารณาว่าควรจะทำอะไรต่อไป ชาตินี้จบไปแล้วจริงๆ

ลอยมานั่งอยู่บนโซฟา นึกถึงความผิดหวังต่างๆ ที่ทำให้เบื่อการมีชีวิตอยู่ แล้วก็ได้ตายสมใจ โดยไม่ต้องฆ่าตัวตาย ไม่ต้องทนกับทุกข์อันเหลือทนอีกต่อไป ใจหายที่ตายแล้วจริงๆ เจ้าที่บอกกับเธอว่า มันเป็นเพราะผลบุญ เธอเคยช่วยคนมีบารมีสูงผู้หนึ่ง ให้หลุดรอดจากสถานการณ์อันเลวร้ายมากๆ แต่ความตายทำให้ต้องยอมรับว่า ไม่มีโอกาสจะได้สร้างกรรมดีต่อได้เช่นกัน

“ก็มีแต่มนุษย์นั่นแหละ สามารถสะสมบุญกับบาปได้เต็มที่ นรกก็ต้องไปเสวยบาปไม่มีโอกาสทำบุญแล้ว สวรรค์ก็ต้องไปเสวยบุญ จะไปทำบุญกับใครได้ ไม่มีใครทุกข์จนอยากให้ช่วยนี่ โลกมนุษย์กลับเป็นสถานที่ ซึ่งจะสร้างบาปบุญ ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงมหาศาลได้ ถ้าจะมีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยความเห็นใจสักหน่อย ก็ที่โลกนี่แหละ สร้างบารมีได้ดีทีเดียว แต่น่าเสียดาย มนุษย์ไม่อดทนพอจะสร้างความดี มัวแต่รักตัวเอง ทำบาปทำกรรมเพื่อความสบายชั่วแล่นเท่านั้น กว่าจะมีโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ยาก ต้องกลับไปนรกอีกแล้ว” เจ้าที่คุยกับรังสิมา จนเธอเสียดายการมีชีวิตยิ่งนัก

“ทำไงได้ ก็ตายแล้ว” เธอปลง

เมื่อระงับใจจนสงบลงได้มาก ทันใด..เวรกรรมต่างๆ ที่เคยทำ ปรากฏขึ้นตรงหน้าเสมือนภาพถ่ายจากวีดีโอ ให้รู้เหตุที่ต้องมาเผชิญทุกข์ต่างๆ อยู่ขณะก่อนตาย หากคิดไปตามเหตุผลเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นตามโลกปัจจุบัน อาจทำให้รู้สึกไม่ยุติธรรม จนแทบแบกทุกข์ไว้ไม่ไหว แต่เมื่อเห็นกรรมเก่าๆ แล้ว เธอยอมรับมันอย่างจริงใจ และอยากชดใช้กรรมนั้นให้เสร็จสิ้น แต่เธอก็ตายแล้วด้วยกรรมดีบางอย่าง โดยสามารถช่วยเหลือให้ออกจากทุกข์ที่มีอยู่ เจ้าที่ปล่อยให้เธออยู่ตามลำพัง มีเวลาตั้งสติได้คิดว่าจะทำเช่นไรต่อไป

บ้านหลังน้อยๆ กับความสุขอันแสนสั้นที่เธอได้ร่วมสร้างกับสามี ความมั่นใจในความรัก กับการออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ช่างเป็นความคิดผิดมหันต์ เพราะที่สุด ก็ต้องรู้เรื่องสามีมีเมียน้อย อย่างเธอเคยทำกับคนรักเก่าเมื่อชาติก่อน การตรวจเจอมะเร็งที่เต้านมและตับ โดยยังนึกไม่ออกว่าจะหาเงินจากไหนและเท่าไรมารักษา เพราะเคยทรมานสัตว์และกินเนื้อสัตว์มาอย่างมากมายแท้ๆ ตอนนี้ไม่ต้องนึกหาทางออกอะไรอีกแล้ว เธอไม่มีชีวิตแล้ว ไม่มีอะไรเป็นความจริงเหลืออยู่เลย

ความผิดหวังอย่างรุนแรงกับเรื่องความรัก เป็นปัญหายักษ์ของผู้หญิงหลายคน ยิ่งในยุคของการไม่มีรายได้เป็นเรื่องร้ายกาจหนักยิ่งกว่ายุคเดิม สังคมตีค่าความสำเร็จด้วยเงิน ความมีสิทธิ์ของคนมีเงินคือความถูกต้อง เป็นเหตุให้ผู้หญิงพอใจทำงานหาเงินเอง ความรักต่อกันจึงดูเหมือนจะมีความเกรงใจกันได้ และเมื่อต่างช่วยตัวเอง การยอมให้กันก็กลับเป็นไปได้น้อยลง เกิดปัญหาแตกร้าวได้ง่าย ยิ่งในครอบครัวที่มีลูก เด็กขาดความอบอุ่นและการดูแลเอาใจใส่ กลายเป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่และแสดงความร้ายกาจคืนสังคม เพราะเงินไม่สามารถปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความดีงามในใจของเขาได้เหมือนความรัก เด็กที่ไม่ได้เรียนรู้ความรัก ย่อมเติบโตขึ้นมาโดยขาดความสามารถในการที่จะรักและเข้าใจคนอื่น ส่วนแม่บ้านที่ไม่มีรายได้ ก็ไม่มีเกียรติ ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ความรักกลายเป็นเรื่องของความเหยียบย่ำ ไม่ว่าจะโดยชัดเจนหรือโดยนัยแอบแฝงก็ตาม คนมีเงินคือคนมีสิทธิ์ การมีเมียน้อยก็ดูเป็นเรื่องผิดได้ยาก ของสังคมไทยซึ่งมีผู้ชายกุมอำนาจมาแต่ยุคดั้งเดิม ผู้หญิงจึงต้องลุกขึ้นมา เพื่อจะเลือกความสบายของตัวเอง หรือเลือกการเสียสละต่อความรักอันน่ากลัวของครอบครัว

เสียงประตูรั้วเปิด รังสิมาหันไปตามเสียง สามีของเธอเดินเข้ามาในบ้าน เปิดประตูบ้านเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ทรุดตัวลงบนโซฟา นั่งร้องไห้ โดยมีผู้หญิงคนนั้นคอยปลอบประโลม คงจะรู้เรื่องการตายของเธอแล้ว เขานั่งร้องไห้และบอกหล่อนคนนั้นว่า เขาเองเป็นคนทำให้เธอตาย โดยเขาไม่รู้เรื่องเธอเป็นมะเร็ง ไม่รู้หรอกว่าจะช้าเร็วเธอก็ต้องตายอยู่ดี โชคร้ายก็อาจจะช้าและต้องทรมานมาก และไม่รู้อะไรอีกตั้งมากมายเกี่ยวกับเรื่องที่เธอคิด

นึกอยากจะปลอบโยนเขา และบอกว่าไม่ใช่เขาหรอกที่เป็นสาเหตุ อีกมากมายหลายสาเหตุเหลือเกิน มันทำให้เธอเห็นทุกข์และปลงโลก แต่ถึงอยากตาย เธอก็ไม่ฆ่าตัวตายแน่นอน มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ เธอไม่ได้ขับรถประมาทเพราะอยากตายจากความเสียใจ ที่ระแคะระคายว่าเขามีคนใหม่ เธอแอบรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว มันถึงเวลาตายจริงๆ แต่พอเห็นผู้หญิงที่นั่งเคียงข้างสามีตัวเอง ก็รู้สึกโกรธอยู่ลึกๆ ต้องบอกตัวเองว่า มันจบไปแล้ว ไม่มีรังสิมาอีก ต้องเตือนตัวเองว่า อย่าสร้างวิบากไม่ดีให้ตัวเอง ละครที่เล่นเป็นรังสิมาจบแล้ว และเธอก็ไม่สามารถสะสมบุญต่อได้แล้วด้วย ชีวิตมันจบลงแล้วจริงๆ สมมุติอีกฉากจบลงแล้ว

“ไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์นาน นั่นล่ะผลดีจากบุญที่เราเคยทำ” รังสิมาพิจารณากรรมที่ทำ เธอยังโชคดี อยากตายก็ได้ตาย เป็นเพราะบุญแต่ปางก่อนแท้ๆ ส่วนพวกไม่อยากตายแต่ต้องตาย พวกอยากตายแต่ไม่ได้ตาย ถ้าพวกเขาปล่อยวางไม่ได้ จะต้องเป็นทุกข์สาหัสขนาดไหน เธอเรียนรู้ชีวิตซึ่งเป็นดังมายาแต่เหมือนจริง แต่ที่จริง เป็นไปตามวิบากกรรมเท่านั้น แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงภาพมายาเมื่อมันจบ แต่ตอนมีชีวิตก็ยากจะรู้ บางคนตายแล้วยังไม่ยอมรับรู้ มายาชีวิตที่มีแต่เหตุปัจจัยอันเป็นไปตามกฎแห่งกรรม เธอจะไม่ไปเกิดเพราะยึดติดในความรักหรือความแค้นใครได้ไหม? เห็นกรรมอันเป็นเหตุให้มาเจอกับสามี การผูกพันอยู่ในความอาฆาต การมาใช้เวรต่อกัน เธอรวบรวมสมาธิทำตัวให้ผ่อนคลาย ปล่อยวางอารมณ์ โลภ โกรธ หลง ตัณหาและอุปาทาน ความผิดหวังในความรักอย่างสุดซึ้ง อีกทั้งความทุกข์มากมายที่เข้ามารายล้อมชีวิต การเกิดเป็นทุกข์ยิ่งนัก เธออธิษฐานจิต ถ้าชาติหน้ามี เป็นชายก็ขอให้ได้บวชเรียนศึกษาธรรมตั้งแต่น้อย ไม่ยุ่งเกี่ยวทางโลก เป็นหญิงก็ขอให้ได้เข้าวัดโดยสะดวก มีครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่ง เบื่อหน่ายโลก จนไม่อยากเล่นกับโลกแล้วจริงๆ

ชายหนุ่มหน้าตาดี ซึ่งเกิดอุบัติเหตุร่วมกับรังสิมา หลังจากสลบไปสามวัน และโชคดีที่ฟื้นขึ้นมาอย่างปรกติ เล่าให้หมอและพยาบาลฟังว่า ได้เห็นแสงสว่างเจิดจ้า มันอบอุ่นมาก เขาตามแสงนั้นมา เหมือนมีความรักโอบล้อมเขาอยู่ แล้วก็ฟื้นขึ้น

เขาตามหาสามีของรังสิมาจนพบ บอกกับสามีของเธอว่า เขาได้พูดคุยกับเธอ รังสิมาเป็นคนมีอารมณ์ขัน ไม่ได้ฝากข่าวอะไรถึงใครและดูเธอมีความสุขดี แม้สามีของรังสิมาจะไม่เชื่อ แต่เมื่อนึกถึงสภาพศพยับเยินของภรรยาแล้ว ก็เห็นจะมีแต่รอยยิ้มของเธอนั่นหละ ที่เด่นชัดนัก


Create Date : 02 เมษายน 2549
Last Update : 8 สิงหาคม 2549 15:31:27 น. 0 comments
Counter : 451 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

suparatta
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




..วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร..
..ท่านนาคารชุนะ..
วิภาษวิธี..เกริ่นนำ..ตอนจบ..

๐ สมุดเยี่ยมและบ่นได้..
**ทางลัด**
๐ สารบัญทักทาย(ทั้งหมด)
๐ ชวนคุย&ฟังเพลงปี48(ทั้งหมด)
๐ นอนดูจันทร์..(ส่วนตัว)

**log in หน่อยน่า..



Google.co.th
Friends' blogs
[Add suparatta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.