ทริปก๊วนเพื่อนเก่ากลับมาอีกแล้ว หลังจากเว้นช่วงไปีสองปี
เพื่อนสาวก็ส่งตารางการท่องเที่ยวมาให้เรียบร้อย เรียกว่านับวันรอกันได้เลย
สำหรับทริปนี้จุดหมายปลายทางเราอยู่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรีค่ะ ในระยะเวลา 2 คืน 3 วัน
ด้วยวัยของเราบางคนก็มีลูกกันแล้ว ทริปนี้จึงมีเด็กน้อยด้วย แอบตื่นเต้นนิดๆว่าจะเป็นยังไงกันบ้างน๊า
เช้าวันเดินทาง (๔ พ.ค. ๕๗) ไปสิงสถิตอยู่คอนโดเพื่อนเหมือนเคย
จะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามาก แสงแรกของวันเดินทางยังสวยเหมือนเดิม
ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีนะคะ
สมาชิกครบถ้วนปุ๊ปเราก็ออกเดินทางกันเลย แวะพักทานมื้อเที่ยงร้านอาหารระหว่างทาง
ซึ่งจุดหมายแรกของเราอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ แวะพักทานข้าวพร้อมกับชมวิวไปด้วย
จุดหมายแรกของเราวันนี้คือน้ำตกเกริงกระเวีย น้ำตกขนาดเล็กที่มีคนมาเที่ยวกันเยอะพอสมควร
น้ำตกเกริงกระเวียเป็นน้ำตกขนาดเล็ก ตั้งอยู่ริมถนนสายทองผาภูมิ-สังขละ
มีความสูงประมาณ 5 เมตร จุดนี้เป็นจุดพักรถ ทานอาหาร และเข้าห้องน้ำระหว่างเดินทางไกลได้
เดินเล่นที่แรกเรียบร้อย จุดหมายต่อมาของเราคือ จุดชมวิวป้อมปี่ ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม
จริงๆตอนแรกแพลนว่าจะที่นี่มาช่วงเย็นๆเราจะได้ดูพระอาทิตย์ตกด้วย
แต่เนื่องจากมีเด็กๆร่วมทริปมาด้วย การเดินทางเลยต้องไวนิดนึง จะได้ถึงที่พักไม่ดึกเกินไป
เวิ้งน้ำสวยงามด้านหน้านี้คือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ค่ะ
สำหรับที่นี่ นักเที่ยวมักจะมากางเต็นท์นอนเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน เพราะมีทิวทัศน์ที่สวยงาม
การเดินทางก็ไม่ลำบากมากนัก สิ่งอำนวยความสะดวกภายในอุทยานฯ ค่อนข้างครบถ้วน
โดยเสียค่าธรรมเนียมในการเข้าพักผ่อนหรือชมวิวในราคา ผู้ใหญ่ 40 และเด็ก 20 เท่านั้น
ถึงเวลาเช็คอินเข้าที่พัก เรามาพักกันที่นี่ค่ะ สามประสบรีสอร์ท รีสอร์ต สังขละบุรี
ที่นี่วิวดีมาก มองไปฝั่งตรงข้ามเราเห็นชุมชนชาวมอญ และแม่น้ำซองกาเลียอยู่แค่เอื้อม
สังขละบุรี มีคำขวัญว่า เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม คือมีทั้ง ไทย มอญ กะเหรี่ยง ค่ะ
โค้งน้ำซองกาเรียยามเย็นค่ะ จะมีแพให้เช่าพักค้างคืนด้วยสำหรับคนที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ
ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว มีกิจกรรมพายเรือแคนูกันด้วยค่ะ
เพื่อนเราจองห้องได้ทำเลดีมาก 4 ห้องของพวกเรา ด้านหน้าเป็นสระว่ายน้ำพอดี
แถมมองไปไกลๆยังเห็นวิวๆสวยอีกด้วย
มีสระน้ำอยู่หน้าห้องพักขนาดนี้ ไม่พลาดแล้วค่ะ เล่นน้ำไปชมวิวไป เพลิดเพลินสุดๆ
ช่วงค่ำๆ คนเริ่มกลับห้องพักกัน สระน้ำเหมือนเป็นของเราเลย
เช้าวันถัดมา สิ่งที่เราไม่พลาดกันค่ิอ การมาใส่บาตรยามเช้าฝั่งมอญค่ะ อิ่มบุญกันถ้วนหน้า
การใส่บาตรที่นี่เค้าจะเตรียมของ 9 ชิ้น สำหรับพระ 9 รูป
ซึ่งที่นี่ก็มีชุดใส่บาตรจำหน่ายโดยที่เราไม่ต้องเตรียมมาเลย
นักท่องเที่ยวมาใส่บาตรกันเยอะมาก บรรยากาศครึกครื้นมากเลยล่ะค่ะ
บรรยากาศยามเช้าจากฝั่งมอญ ด้านหน้าคือ
สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือ สะพานมอญ สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า สะพานมอญ หรือ สะพานไม้มอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีความยาว 850 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็งในประเทศพม่าเป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเรีย ที่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีสร้างขึ้นตามดำริของ หลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ในปี พ.ศ. 2529 เป็นสะพานไม้ที่ใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรีตอนนี้ยังคงอยู่ระหว่างซ่อมแซมหลังจากที่ขาดเป็นสองท่อนจากน้ำป่าไหลผ่าน
ทำบุญกันเรียบร้อย เรามาเที่ยวต่อกันที่พระเจดีย์สามองค์
ที่แต่เดิมเรียกกันว่า หินสามกอง ที่นี่เป็นที่สักการะของคนไทยโดยทั่วไปก่อนเดินทางออกจากเขตแดนไทยเข้าสู่เขตแดนพม่า บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ มีร้านขายสินค้ามากมายทั้งฝั่งไทยและจากประเทศพม่า นักท่องเที่ยวสามารถข้ามชายแดนเข้าไปชมตลาดพญาตองซู ซึ่งเป็นตลาดชายแดนที่มีการจำหน่ายสินค้าของพม่า โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าผ่านด่าน (ฝั่งประเทศพม่า) ชาวไทย 25 บาท ชาวต่างประเทศ 10 เหรียญสหรัฐ รถยนต์ คันละ 50 บาท ค่ะแก๊งค์เราไม่ได้ข้ามไปฝั่งพม่า เพราะรู้สึกไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ เลยเลือกที่เดินเล่นอยู่ฝั่งไทย นั่งพักจิบ ชา กาแฟกันสักหน่อยให้หายร้อนแล้วค่อยเดินทางกันต่อต่อจากนั้น เรามานั่งพักชิวๆกันที่แพริมน้ำแม่น้ำซองกาเรียเป็นจุดที่เป็นทางผ่านมา ไม่มีในโปรแกรม พอเห็นน้ำใสๆเย็นๆ ก็แอบเสียดายกันยกใหญ่ถ้าเราเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยน งานนี้มีโดดน้ำตูมๆแข่งกับเด็กๆแน่นอนจุดนี้มีขายอาหารประเภทส้มตำและอาหารตามสั่งด้วยค่ะ มีห้องน้ำบริการเรียบร้อยคนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัว และนั่งท่องเที่ยวต่างชาติน้ำไม่ลึกมาก ไหลเอื่อยๆ อากาศเย็นสบายสุดๆ ใครผ่านไปทางนั้น อย่าพลาดที่จะแวะพักนะคะ ต่อด้วยการสักการะหลวงพ่ออุตตมะที่วัดวังก์เวเวการาม หรือชาวบ้านเรียกว่าวัดหลวงพ่ออุตตมะเป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญได้ร่วมกันสร้างขึ้นที่บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ใกล้กับชายแดนไทย-พม่า พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) (พ.ศ. 2453 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2549)
เป็นพระภิกษุที่ได้ความเคารพเลื่อมใสในหมู่คนไทยเชื้อสายมอญและชาวพุทธทั่วไป