BlogGang.com : : สุริยาอัสดง : ร่องรอย..ปฏิวัติ!?

ร่องรอย..ปฏิวัติ!?

Wednesday, 26 August 2009 14:43

มีความน่าสนใจติดตามสถานการณ์ตามการกำหนดหมายทางการเมืองหลายเหตุการณ์ ทั้งที่มีลักษณะเป็น"สัญลักษณ์"และ"ยุทธวิธี"ที่จะเกิดขึ้นแบบบานปลาย หรือไม่เกิดขึ้นในหัวงสัปดาห์นี้...

ที่น่าสนใจอันมีลักษณะทั้ง"สัญญาน"และรหัสสนัยแห่งทิศทางความเป็นไปของสถานการณ์ คือ ปรากฎการณ์อันเคียงคู่กันไประหว่างความขัดแย้ง"ภายใน"และ"ภายนอก"ของรัฐบาล คือ"ภายใน"ระหว่างแกนนำรัฐบาล"พรรคประชาธิปัตย์"กับ"พรรคตัวแปร"อย่าง"พรรคภูมิใจไทย" หรือจะระหว่าง"ภายใน"ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีสีเหลืองของ"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"แทรกแซมอยู่ และระหว่าง"ขั้วอำนาจใหม่"สีเขียว..ภายใต้การนำของ ๓ ป.(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ,พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา,"พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) ,"ภายนอก" ระหว่างรัฐบาล กับฝ่ายค้าน กลุ่มเสื้อแดง และ"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี

สำหรับความขัดแย้งจาก"ภายใน"อย่าลืมว่า ที่ผ่านมาในรอบหลายเดือนหลังๆ มีร่องรอย"ปะทะ"กันให้เห็นเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จาก ร่องรอยความขัดแย้งระหว่าง"รัฐมนตรีเศรษฐกิจ"จากพรรคร่วมฯกับ"ขุนศึกเศรษฐกิจ"ของพรคประชาธิปัตย์ และนายกฯมาถึงร่องรอยการปะทะระหว่าง"ฝ่ายความมั่นคง"โดย รมว.กลาโหม(พล.อ.ประวิตร) กับ "นายกอภิสิทธิ์"กรณี การเข้าไปจัดการ"โผแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ"ที่ส่งผลกระทบกับ"พล.ต.อ.พัชรวาท"น้องชาย"พล.อ.ประวิตร"ที่โดนกล่าวหาว่าเป็น"ตอ"ในคดี"ลอบสังหาร""สนธิ ลิ้มทองกุล"และถูกกันออกไป"นอกวง"

ร่องรอยความขัดแย้ง"ชุดหลัง"นี้เอง เป็นที่มาของ การเคลื่อนตัวมากมายในลักษณะ"คำราม"ของฝ่ายกองทัพ โดยเฉพาะอาการที่ปรากฎในลักษณะ"ไม่พอใจ"ของ"พล.อ.ประวิตร"ที่ส่งผลต่อเนื่องเชื่อมโยงไปยัง รองนายกฯความมั่นคง "สุเทพ เทือกสุบรรณ"ในฐานะ"ตัวกลาง"ที่รับหน้าเสื่อในการประสานจัดการระหว่าง"ฝ่ายการเมือง"กับ"กองทัพ"มาแต่ต้น และ"พล.อ.อนุพงษ์"และ"โผทหาร"ที่มีข่าวหลุดรอดออกมาถึง"ความเปลี่ยนแปลง"ไปจาก"โผ"เดิมที่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"เสนาธิการทหารบก จะขยับไปนั่ง"รอง ผบ.ทบ."(ที่ปรากฎเป็นร่องรอยความไม่พอใจขึ้น..จนมีข่าวว่ามีนายทหารใน ๕ เสือ ทบ.บางรายเข้าพบ"พล.อ.เปรม"(๒๕ส.ค.))

นี่เองจึงเป็นที่มาของปรากฎการณ์ความเคลื่อนไหวของทหาร ที่ ปัจจุบัน แยกออกเป็นหลายฝ่าย ตามการแบ่งขั้วข้างทางการเมืองภายนอก..ภายใต้"ปัจจัยตัวแปร"อันสำคัญ จาก"โผแต่งตั้งทหาร"ที่มีผู้"เจตนา"ส่ง"สัญญาน"ออกมาผ่าน"ใบปลิว"ที่นำไปวางไว้ตามที่ต่างๆรวมถึงห้องสื่อมวลชน ในกองบัญชาการกองทัพบก ทำนองให้รีบทำการสรุป เพราะไม่แน่ใจว่าจะถูกฝ่ายการเมืองเข้าแทรกแซง แบบ โผตำรวจหรือไม่

น่าสังเกตว่า "สัญญาณ"..เหล่านี้มีการขยายผลตามห้วงเวลาที่กำหนดการณ์สำคัญทางการเมืองที่จะต้อง"วัดใจ"หรือตัดสินโดยมี"ผลกระทบ"กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง...โดยเฉพาะ"สัญญาน"ที่ถูกปล่อยผ่าน"ข่าวลือ"ก่อนจะมาเป็น การออกมาสำทับขอฝ่ายต่างๆ ดังเมื่อครั้งก่อนที่"เสื้อแดง"จะมีการยืนถวายฎีกาวันที่ ๑๗ ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ในวันเดียวกันมีการพิจารณาตัดสินคดี"กล้ายาง" ของ"เนวิน ชิดชอบ"และพวก ปรากฎว่า ก่อนหน้านั้นมีการโหมข่าว"ปฏิวัติ"ขึ้นและมีการนำมา"ขยายผล"โดยคนของ"พรรคเพื่อไทย""สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" ส.ส.เชียงใหม่ ที่เปิดประเด็นนี้ ระหว่างประชุมสภาฯ(๑๔ส.ค.) ทำให้มี ส.ส.จับกลุ่มคุยกันรอบห้องประชุมถึงข่าวลือ ที่ว่า กองทัพจะปฏิวัติรัฐประหาร ด้วยชนวนที่มวลชนเสื้อแดงปะทะกับกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน

โดย"สุรพงษ์ "อ้างความปรารถนาดี ด้วยการ ขอให้สื่อมวลชนรีบเสนอข่าวนี้ก่อนทหารจะปฏิวัติ ขณะเดียวกัน ก็จี้ให้รัฐบาลพิจารณาให้ดีว่า ถ้าแก้ไขปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ ก็ยุบสภาดีกว่าปล่อยให้ ทหารปฏิวัติ รัฐบาลต้องคิดถึงบ้านเมืองด้วย นักการเมืองไม่เป็นอะไร สลับกันเข้ามามีอำนาจ แต่หากเกิดการปฏิวัติ ชาวบ้านจะเดือดร้อน ซึ่งก็อย่าลืมเช่นกันว่า สถานการณ์ที่จะกระทบ"ความมั่นคง"ของรัฐบาลเกิดขึ้นในห้วงที่ รัฐบาลเองก็ผจญกับ"จุดสลบ"จากเรื่องปัญหาการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง ที่โฟกัสเข้าไปที่"กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ"หนึ่งใน"ขุนพล"เศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำลังเดินหน้าหาเงินกู้ภายในประเทศเพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆด้วย

แน่นอน"เหตุ"แห่ง"เงื่อนไข"เหล่านี้ ทั้งปัญการแทรแซงตำรวจ-กองทัพ แทรกแซงข้าราชการ และปมทุรจิต ที่ปรากฎท่าที"ปกป้อง"ทีมงานของ"นายกอภิสิทธิ์" ท่ามกลางการ"ตั้งคำถาม" จึงทำให้หลายฝ่าย อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง"ข่าวลือ"และพยามพิสูจน์"กลิ่น"ของการปฏิวัติของทหาร ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าใครจะทำ และเอาเข้าจริงจะกล้าทำหรือไม่

แต่ที่ น่าสนใจก็คือ ว่า "ข่าวลือ" และการขยายผลดังกล่าว มีเหตุแห่งนัยยะ เกิดขึ้น ส่วนสำคัญมาจากปัจจัย"ขัดแย้งภายใน"โดยเฉพาะ ประเด็น ข้าครหาการเข้าไปแทรกแซงการจัดการโผตำรวจของรัฐบาล และจัดการกับ"ตอ"ที่ขัดขวางการเข้าไปจัดการดังกล่าวที่ชื่อ"พัชรวาท"(น้องชายพล.อ.ประวิตร)ด้วยการให้ไปราชการต่างประเทศ และการให้ไปปฏิบัติการใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ (และตั้งรักษาการ ผบ.ตร.ขึ้นมา จนถูกวิจารณ์ จากหลายฝ่ายค่อนข้างแรง ว่า ไม่เหมาะสม เพราะผิดปกติวิธีการปฏิบัติ เพราะ ผบ.ตร.ยังอยู่ในประเทศไทย) ที่ต้องไม่ลืม ปฏิกริยา"ไม่พอใจ"ที่แสดงออกของ"พล.อ.ประวิตร"ที่มีต่อ"นายกอภิสิทธิ์" พร้อมๆกับการเกิดข่าวบรรดา ผบ.เหล่าทัพ รวมถึง รมว.กลาโหม เดินทางไปหารือเรื่องโผทหาร ที่ประเทศสิงคโปร์และยังมีข่าว"นายเนวิน ชิดชอบ"เดินทางไปที่นั่นด้วย (๑๓-๑๔ ส.ค.)ก่อนที่จะมีการออกมาปฏิเสธข่าวนี้ของ"พ.อ.ธนาธิป แสงสว่าง" โฆษกกระทรวงกลาโหม

แต่ยกนั้น(๑๗ส.ค.)สำหรับ"เงื่อนไข"ที่นำไปสู่สถานการณ์แรง "นายกอภิสิทธิ"ก็สามารถประคองตัวเด้งเชือกผ่านมาได้ ด้วยเหตุการ"ผ่อนคลาย"ความตึงเครียดของสถานการณ์ จากการสั่งเลื่อนคดีตัดสิน"กล้ายาง"ขอ งศาลฎีกาฯออกไปเป็นวันที่ ๒๑ ก.ย. เหตุเพราะ"นายอดิศัย โพธารามิก"อีกหนึ่งผู้ถูกกล่าวหา ไม่มาศาล ซึ่งทำให้ในวันนั้นมีเพียง"กลุ่มเสื้อแดง"และ"ทักษิณ"เท่านั้นบรรลุวัตถุประสงค์เพราะสามารถดำเนินการให้"ฎีกาแดง"ประมาณ ๓.๕ ล้านรายชื่อ ส่งถึงกระบวนการถวายฎีกา โดยกระบวนการพิธีกรรมการชุมนุม ของพวกเขา ไม่ถูกลากโยงเข้าเป็น"เงื่อนไข"ของสถานการณ์ทางทหาร ตามที่มีการ"ตีปี๊บ"ดักคอกัน

แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ ด้วยเพราะสถานการณ์ตาม"หมุดหมาย"การเมือง ยังคงต้องดำเนินต่อไป โดยเฉพาะประเด็น การตั้ง "ผบ.ตร.คนใหม่"ที่"นายกอภิสิทธิ์"จะต้องนั่งหัวโต๊ะ เสนอชื่อต่อที่ประชุม "กตช."ที่ปรากฎว่าก่อนถึงวันประชุมมีชื่อของ"พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ"จเรตำรวจ และ"พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย"แต่เมื่อถึงการประชุม กตช.จริงๆ (๒๐ส.ค.)ปรากฎว่า"นายกอภิสิทธิ์"หยิบเพียงรายชื่อของ"พล.ต.อ.ปทีป"เสนอให้ที่ประชุมรับรองมติ และก็เป็นที่มาของปรากฎการณ์"หักหน้า"นายกรัฐมนตรี โดยที่ประชุม กตช.มีมติเสียงส่วนใหญ่ คัดค้านกับข้อเสนอของนายกฯในฐานประธาน กตช. ซึ่งเป็นที่มาทำให้ มีการเลื่อนประชุมเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ออกไปอีกไม่มีกำหนด และให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้มีโอกาสอีก ๙ นายตำรวจ ด้วย

ที่ปรากฎการณ์"หักหน้า"ดังกล่าว ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบกับ"ภาวะความเป็นผู้นำ"ของ"นายกอภิสิทธิ์"อย่างแรง..และทำให้เขาเครียดจนถึงขั้นงดหมายเปิดงานและซุ่มหารือกับ"นายนิพนธ์ พร้อมพันธ์"เลขาธิการนายกฯกว่า ๒ ชั่วโมงในเย็นวันเดียวกัน(๒๐ส.ค.)ท่ามกลางข่าว แรงกดดันคำขู่ต่างๆที่เกิดขึ้นจากพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค โดยมีการนำของพรรคภูมิใจไทย ที่มี"อิทธิพล"ของ"ขั้วอำนาจใหม่"สีเขียวให้การสนับสนุนถึงขั้นร่ำลือว่ามีการบีบให้นายกฯลาออก ขณะที่ก็ร่ำลือในห้วงเย็นนั้นเช่นกันว่า มีการปล่อยข่าวขู่กลับว่าจะมีการ"ยุบสภา" ที่ทำให้ ในวันรุ่งขึ้น(๒๑ส.ค.)นัดการประชุมสภาพิเศษ ถูกสั่งเลื่อนออกไปอย่างกระทันหันจากคำสั่งของ"ชัย ชิดชอบ"ประธานสภาฯท่ามกลางข่าวการ"ต่อรอง"และความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆทางการเมืองเกิดขึ้นมากมายในวันนั้น

แต่ที่น่าสนใจติดตามคือ"ข่าวปฏิวัติ"กลับถูกนำมาขยายผลอีกครั้งผ่านข่าวความเคลื่อนไหวของกำลังทหารในวันนั้น(๒๐ส.ค.) โดยมีรายงานจากหลายฝ่ายว่า มีการเคลื่อนอาวุธยุทธโธปกรณ์บางส่วนของทหารผ่นทางรถไฟ โดยเฉพาะมีผู้พบเห็นการเคลื่อนย้ายรถถังเข้าออกราว ๑๐-๒๐ คัน ในวันนั้น(๒๐ส.ค.) ขณะที่มีผู้พบเห็นการเคลื่อนกำลังบางส่วน และมีการรายงานจากนายทหารบางฝ่ายว่า ได้รับคำสั่งให้เตรียมในที่ตั้ง และมีคำสั่งเรียกให้ประชุมและให้นายทหารระดับนายพัน ไปรายงานตัวในวันที่ ๒๕ ส.ค.

น่าสนใจว่า ร่องรอยความเคลื่อนไหวนี้ มาสอดรับกับมติ ครม.(๒๕ส.ค.)ที่อ้างการประเมินสถานการณ์จากฝ่ายความมั่นคง ว่า"ม็อบเสื้อแดง"จะบานปลายรุนแรงในวันที่ ๓๐ ส.ค. และมีมติ ครม.ให้ใช้ พรบ.ความมั่นคงในเขตดุสิต กรุงเทพระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ ส.ค. ก่อนหน้าที่ "นายกอภิสิทธิ์"จะนำ ครม.เข้าอวยพรวันเกิด"พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์"ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หลังจากที่"พล.อ.ประวิตร"นำขบวน ผบ.เหล่าทัพ ตบเท้าเข้าอวยพร"พล.อ.เปรม"ตั้งแต่ห้วงเช้า(ที่น่าสังเกตว่า"พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา"ผบ.ทบ.ตามข่าวว่าได้เข้าอวยพร พล.อ.เปรม"ก่อนหน้านี้แล้วเพื่อเดินทางไปต่างประเทศยาวถึงวันที่ ๓๐ส.ค.-ที่บางฝ่ายวิเคราะห์ว่าเหมือนกับ"พล.อ.อนุพงษ์"ถูกกันหรือกันตัวเองออกไปจากสถานการณ์บางอย่างที่จะเกิดขึ้นในวันที่๓๐ส.ค. หรือไม่) พร้อมมีคำฝากที่น่าคิดจาก"พล.อ.เปรม"ที่ว่า ให้ทหารตำรวจ ร่วมมือกันเพื่อประเทศชาติ และ การทิ้งประโยคถึง ลูกทหารม้า โดยเปลี่ยนสโลแกนหน่วยทหารม้าเสียใหม่ ทำนองว่าต้องปฏิบัติการอย่าง"รวดเร็ว รุนแรง เฉียบขาด"

ร่องรอยดังกล่าว มาสอดรับกับ"สัญลักษณ์"ของความเคลื่อนไหว ที่"กลุ่มเสื้อแดง"ตัดสินใจกันตัวเองออกจากเกมส์ "เงื่อนไข" ของสถานการณ์ โดยปรากฎจากท่าที ที่หะแรกบอกว่าจะ"แต่งดำ"มาชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ในวันเกิด(๒๖ส.ค.)"พล.อ.เปรม"โดยบางส่วนอ้างว่า"แต่งดำ"ในวันที่ ๒๖ ส.ค.เพราะเป็นวันตรงกับกำหนดครบรอบคดี"พันธมิตรบุกสนามบิน"แต่พอถึงเวลาเข้าจริงมีการเปลี่ยนแปลงแผน โดยที่เห็นจะมีเพียงกลุ่มเล็กๆที่มาเคลื่อนไหว สัญญานและความเคลื่อนไหวที่สอดรับกันเหล่านี้ จึงยังคงน่าจับตาต่อไป โดยเฉพาะในวันที่"เสื้อแดง"ชุมนุมใหญ่ (๓๐ส.ค.)เพื่อกดดันในเรื่องฎีกาแดง..ว่า สถานการณ์"เงื่อนไข"จะเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร และจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามที่"คู่ความขัดแย้ง"ในและนอกรัฐบาลต้องการหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นสถานการณ์จริงจะสามารถควบคุมได้หรือบานปลายมากไปกว่าผลที่นำไปสู่"การเปลี่ยนแปลง"แค่"ผู้กุมอำนาจรัฐ"ปัจจุบันหรือไม่

โดย...อาทิตย์

Create Date : 08 ตุลาคม 2552

Last Update : 8 ตุลาคม 2552 21:34:13 น.

0 comments

Counter : 394 Pageviews.