อาทิตย์สาดส่อง..ความจริงจักปรากฎทั่วปฐพี!!!
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
จัดฉากสงครามแดง..?

Saturday, 27 June 2009 21:25

สถานการณ์การเมืองว่าด้วยความเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ของมวลชนคนเสื้อแดง (๒๗มิ.ย.) มีความน่าสนใจใน กระบวนการ และบรรยากาศ ก่อนหน้าของการชุมนุม โดยเฉพาะท่าทีและความเคลื่อนไหวของ"ฝ่ายความมั่นคง"และ"ฝ่ายการเมือง"ต่อปรากฎการณ์เชิง"สัญลักษณ์"ที่มีความ"เชื่อมต่อ"ระหว่างเหตุการณ์...และ...รายงานจากหน่วยงานความมั่นคง...มีความน่าสนใจกับ รายงานข่าวชิ้นหนึ่งที่ออกมาในห้วงการจัดการครบรอบ ๗๗ ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร์ โดย "สื่อ" ที่ระบุจากฝ่ายเสื้อแดงว่า มีทัศนะที่ตรงกันข้ามกับฝ่ายพวกเขา และมักให้ข่าวสนับสนุนการเคลื่อนไหวของฝ่าย "อำนาจรัฐ" ปัจจุบัน

รายงานข่าวชิ้นนี้ เปิดประเด็น ถึง"แผนตากสิน๒" ที่มีเนื้อหาประมาณ ๕ หน้าโดยอ้างว่าเป็นรายงานจาก"หน่วยข่าวกรอง"ระบุ ทำนอง ว่าฝ่ายเสื้อแดงมีแผนการ ๗ ยุทธศาสตร์ ๖ ยุทธวิธี ก่อสงครามประชาชน จัดชุดไล่ล่า "นายกอภิสิทธิ์" และ"องคมนตรี"โดยการชุมนุมใหญ่(๒๗มิ.ย.)มีแผนถึงขั้นผิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอีกรอบ พร้อมกับ รายงานด้วยว่า การจัดงาน ๗๗ ปี วันครบรอบการเปลี่ยนแปลงการปกครองของ นปช. ที่ยกธีม เสนอเปลี่ยนให้วันดังกล่าวเป็น"วันชาติ"แทนวันที่ ๕ ธันวาคม มีนัยยะแฝงเร้น

รายงานข่าวของสื่อกระแสหลักดังกล่าว ยังอ้างรายงานของ หน่วยข่าวกรอง ว่า “แผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันทร์” ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ยกระดับการต่อสู้ที่เข้มข้นและรุนแรงกว่าแผนตากสิน 1 เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในเคลื่อนไหวของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งแผนดังกล่าวแพร่หลายอยู่ในระดับแกนนำ และแนวร่วมตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ

สำหรับแผนตากสิน 2 กำหนดไว้ 7 ยุทธศาสตร์ 6 ยุทธวิธี โดยมีเป้าหมายล้มล้างรัฐธรรมนูญปี 2550 ผลักดันให้มีการใช้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นพ. เหวง โตจิราการ แก้ไขกฎหมายทุกฉบับที่เป็นอุปสรรคต่อการกลับประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้กลับเข้าสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง ทั้งนี้ในแผนตากสิน 2 มีการยกระดับใช้ยุทธวิธีที่รุนแรงมากขึ้นด้วยการเปิด 7 แนวรบล้มรัฐบาล หรือทำให้รัฐบาลต้องเผชิญกับศึกทุกด้านจนอยู่ในสภาพบริหารได้แต่ปกครองไม่ได้

รายงานข่าวยังอ้างถึงปากคำของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง ที่ระบุว่า “ตอนนี้กลุ่มคนเสื้อแดงก็เริ่มดำเนินตามยุทธวิธีเหล่านี้ ตั้งแต่การสร้างความขัดแย้งภายในประเทศ โดยทำสงครามกับกระบวนการยุติธรรมเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ นำไปสู่ข้อกล่าวหาสองมาตรฐาน ซึ่งตามแผนของคนกลุ่มนี้ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตุลาการใหม่ โดยจัดองค์กรให้สถาบันตุลาการศาลยุติธรรมกลับมาสังกัดกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง เพื่อให้อยู่ภายใต้การครอบงำของฝ่ายการเมือง ขณะเดียวกันก็จะผลักดันให้เปลี่ยนแปลงวันชาติจมาเป็นวันที่ 24 มิ.ย. เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตย”

รายงาน ยังอ้าง ว่า แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ไดให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนดังกล่าวในเรื่องการใช้สื่อสารมวลชนเป็นเครื่องมือว่า นอกจากจะใช้สื่อเทียมทั้งโทรทัศน์ดาวเทียม และการออกหนังสือพิมพ์เฉพาะกาลอย่าง “เรดนิวส์” แล้วยังจะใช้สื่อสารมวลชนต่างประเทศกดดันประเทศไทย ผ่านบริษัทล็อบบี้ยิสต์โดยมีเป้าหมายให้พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ เพ็ญแข สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง รวมไปถึงการสร้างข่าวลือเพื่อขยายผลทางจิตวิทยา เช่น ข่าวด้านลบของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ในเรื่องทุจริตคอรัปชั่นและเรื่องชู้สาว สร้างข่าวความขัดแย้งและความแตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งจะมีการแทรกแซงหน่วยงานข่าวของรัฐ โดยใช้เครือข่ายบุคลากรสายข่าวในยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฝังตัวอยู่ทั้งในสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล ไปจนถึงศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ ศรภ. ด้วยการสร้างข่าวลือ ปล่อยข่าวลวง เพื่อสร้างความสับสนให้กับรัฐบาลจนกำหนดแผนงานและยุทธวิธีที่ผิดพลาดด้วย

รายงานจากเจ้าหน้าที่กล่าวด้วยว่า “ที่เลวร้ายที่สุดคือยุทธวิธีที่ 5 ในการสร้างสงครามทางการเมือง ที่จะใช้ทั้งเวทีในสภาและนอกสภา ซึ่งมีการระบุว่าสามารถยึดกุมความคิดของกลุ่มส.ว.เลือกตั้งและส.ว.สรรหาบางคนได้แล้ว ให้คนเหล่านี้ร่วมกับพรรคเพื่อไทยโจมตีรัฐบาลในสภา จนทำให้ประชาชนสิ้นหวังนำไปสู่การยุบสภา นอกจากนี้ยังใช้เครือข่ายความสัมพันธ์และเงินทุน สนับสนุนการก่อความรุนแรงในชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างแรงกดดันรอบด้านในรัฐบาล โดยเริ่มมีการเข้าไปดำเนินการเรื่องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ซึ่งตามแผนตากสิน 2 อ้างว่ามีการใช้ศูนย์บัญชาการเสริมอยู่ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวสร้างความขัดแย้งบริเวณชายแดน ขยายข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อเป็นตัวเร่งให้เกิดการปะทะกันทางทหาร รวมทั้งใช้สถานการณ์ปราบปรามชนกลุ่มน้อยของพม่า กดดันสร้างความวุ่นวายบริเวณชายแดนด้านตะวันตกของไทย และยังมีการกำหนดแผนเคลื่อนไหวกดดันประเทศไทยบริเวณชายแดนภาคเหนือของไทยตามแนวเขตพรมแดนประเทศจีนด้วย”

สำหรับยุทธวิธีสุดท้ายในการพิชิตศึกตามแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันทร์ ได้มีการสรุปบทเรียนความพ่ายแพ้ ในกรณีเหตุการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ด้วยการแปรความคับแค้นเป็นพลังในการจัดตั้งมวลชนตามหัวเมืองต่าง ๆ จัดกิจกรรมชุมนุมโดยให้ พ.ต.ท. ทักษิณ โฟนอินเพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจ และจัดตั้งกลุ่มรักษาความปลอดภัย ฝึกฝนอาวุธร่วมกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในเขตพื้นที่อีสาน 4 จังหวัด ประกอบด้วย อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา จ.อุดรธานี จ.กาฬสินธุ์ และจ.นครพนม ซึ่งจะมีการประสานงานกับสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟฟ้า กรมอุทยานฯ เพื่อเป็นกองกำลังติดอาวุธเข้าร่วมในการชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุมใหม่ในลักษณะที่ไม่ยืดเยื้อถ้าไ ม่จำเป็น แต่จะมีการขยายการชุมนุมจากท้องสนามหลวงไปจนถึงการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงศักยภาพของคนเสื้อแดงอีกครั้ง

“การเคลื่อนไหวนับจากวันที่ 27 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงจะเป็นการปลุกระดมให้มวลชน พร้อมกับการเผชิญอำนาจรัฐ ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบผ่านกองกำลังจัดตั้งและฝึกฝนมาแล้ว เช่น อดีตสหายผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เจ้าหน้าที่ป้องกันไฟป่า การ์ดอาสาและกลุ่มนักศึกษารามคำแหง ซึ่งคนกลุ่มนี้มีการจัดตั้งหน่วยจรยุทธ หรือ ทีมไล่ล่าบุคคลสำคัญและเป็นปฏิปักษ์ต่อคนเสื้อแดง ตั้งแต่บุคคลระดับสูง องคมนตรี บุคคลในฝ่ายรัฐบาลมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นเป้าหมายแรก ตามมาด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นต้น นอกจากนี้แกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คนกับนายสุริยะใส กตะศิลาและแนววร่วม เช่น น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายปราโมทย์ นาครทรรพ และนายปีย์ มาลากุล ก็เป็นเป้าหมายที่จะถูกลอบทำร้ายโดยกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ด้วย”

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในหน้าสุดท้ายของแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันทร์ ยังมีการกำหนดคำขวัญของการต่อสู้ไว้ว่า “ผนึกกำลังสู้ครั้งสุดท้าย เพื่อนายใหญ่” โดยระบุกกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนงบประมาณการต่อสู้ครั้งนี้ว่า ประกอบด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ และคนในตระกูลชินวัตร และกลุ่มทุนอื่นข้างต้นเป็น..รายงานจาก"สื่อมวลชน"ที่ถูกระบุจากฝ่าย"เสื้อแดง"ว่าเป็นสื่อที่มี"สีเหลือง"..ที่ดูจะมีความสอดรับกันหลายประการในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา...

อย่างไรก็ตามกับการตอบรับของข่าวนี้จาก ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีข้อน่าสังเกตจากหลายฝ่ายถึงการออกมา"รับลูก"กับรายงานชิ้นนี้อย่างทันควันของ"สุเทพ เทือกสุบรรณ"รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รมว.กลาโหม และ"พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา"ผู้บัญชาการทหารบก ..และรวมถึง"พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์"ประธานองคมนตรี แต่ระบุในท่วงทำนองคล้ายกันว่า ทราบข่าวนี้จากสื่อมวลชน(หนังสือพิมพ์)เช่นกัน

ที่ไม่นับรวม..การออกมา"ขยายความ"ของ"เทพไท เสนพงศ์"ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะ จากรายงานข่าว ที่ระบุว่า แผนดังกล่าว ได้มีการรายงานจากฝ่ายความมั่นคงถึง"นายสุเทพ"พิจารณาแล้ว พร้อมๆกับ รายงานในท่วงทำนอง คำสั่ง ที่ว่า มีการกำชับว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหาร จะเกียร์ว่างไม่ได้ ต้องทำหน้าที่ของตัวเองโดยเคร่งครัด ใช้บทเรียนจากปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนมาปรับปรุงการทำงาน จะปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายในสายตาต่างชาติ

กระนั้นเมื่อมาดูข้อเท็จจริงในการกำหนดท่าทีความเคลื่อนไหวของฝ่าย"เสื้อแดง"จะพบว่ามีร่องรอย ของ แกนนำ อย่าง "นายวีระ มุสิกพงศ์" "นายจตุพร พรหมพันธุ์" "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ"และ "น.พ.เหวง โตจิราการ"ที่ออกมาแถลง(๒๔มิ.ย.)ถึงกำหนดการเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวง(๒๗มิ.ย.) ที่ผสม"สัญลักษณ์"วันก่อการของ"คณะราษฎร์"ในอดีตเข้ากับ แนวทาง การก่อการของ นปช.คนเสื้อแดง ทำนอง ว่า ...การชุมนุมในวันที่ ๒๗มิ.ย. นี้ จะเป็นการประกาศแนวคิดจุดยืนสืบเจตนาคณะราษฎร์ และโค่นรัฐบาลอำมาตยาธิปไตย ทวงคืนประชาธิปไตย และยุบสภา เนื่องจากที่ผ่านมาหลังการชุมใหญ่เมื่อวันที่ ๑๔ เม.ย. ประชาชนเสื้อแดงเรียกร้องให้มีการชุมใหญ่อีกครั้งหลังจากรัฐบาลนี้บริหารประเทศมานานพอสมควรและเห็นว่ารัฐบาลนี้ไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน โดยการชุมนุมจะเริ่มเวลา ๑๖.๐๐ของวันที่ ๒๗ มิ.ย.-๐๖.๐๐.ของวันที่ ๒๘ มิ.ย. เป็นเวลา ๑ คืน โดยจะไม่มีการเคลื่อนการชุมนุมดาวกระจายไปที่ไหนและเป็นการชุมโดยสงบ ซึ่งเนื้อหาจะย้อนไปถึงการปกครองตั้งแต่ปี๒๔๗๕ เพื่อสืบทอดเจตนาของคณะราษฎร์ และการมีการเปิดเผยข้อมูลสลายการชุมนุมของรัฐบาลที่ผ่านมา

กระนั้น กับรายงานข่าวดังกล่าวตาม"แผนตากสิน๒" แม้ว่า การนำมาผนวกกับข้อเท็จจริงแห่งสถานการณ์ที่มีการชุมนุมใหญ่ของ นปช.เสื้อแดงจริง มีการออกมาเคลื่อนไหวของ"พ.ต.ท.ทักษิณ"จริง(ที่ถูกระบุว่าเป็นแผนโฟนอินมรณะ)..จะดู"สอดรับ"ในปรากฎการณ์ แต่ กลับปรากฎ"ร่องรอย"ที่ทำให้ "น้ำหนัก"ในเนื้อหาแห่ง"แผนตากสิน๒"ที่เปิดออกมาผ่านสื่อถูกลดระดับความน่าเชื่อถือลงไป
โดยเฉพาะ"ร่องรอย"ในภาพรวมของสถานการณ์การเมือง..ที่"รัฐบาลอภิสิทธิ์"กำลังเผชิญกับภาวะความแกว่งไกวภายในพรรคร่วมรัฐบาล...ในห้วงรอยต่อ หลังการพิจารณา พรก.เงินกู้ และ พรบ.งบประมาณ ผ่านไปอย่างกระท่อนกระแท่น..ที่ พรก.สรรพสามิต ถูกวุฒิสภาคว่ำ และ พรบ.อีก ๒ ฉบับพิจารณาไม่ทัน..

ที่เหตุทั้งหลายทั้งปวงไม่ได้เกิดใน"สภาล่าง"แต่ไปเกิดใน"วุฒิสภา"..โดยหลายฝ่ายมองว่าเป็นการ"เอาคืน"จากฝ่าย สว. หลัง สว.๑๖ ราย เพิ่งถูก กกต.สอยจากกรณีการถือหุ้นต้องห้ามทำให้ส่งผลกระทบ"คุณสมบัติ" ที่ต้องไปรอว่า"ศาลรัฐธรรมนูญ"จะว่าอย่างไร..

แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตในประเด็นการ"สมคบคิด"ระหว่างรัฐบาลกับ สว. เพราะ แม้จะมีภาพของ"ความขัดแย้ง"กัน แต่ในข้อเท็จจริง"เบื้องหลัง"ทั้ง สว.สรรหา(สายพันธมิตร)และ รัฐบาลโดยเฉพาะสายพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีความแนบแน่นและโควงานทางการเมืองร่วมกันมาโดยตลอด..

ที่ไม่แปลกที่หลายฝ่ายจะ"กังขา"ในปรากฎการณ์ความขัดแย้งใน"อำนาจ"และ"ผลประโยชน์" คล้ายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วงรัฐบาล"พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์"..เฉพาะยิ่ง เมื่อมาต่อเชื่อมกับ..ปรากฎการณ์อันส่งผลกระทบกับรัฐบาลในทางการบริหารงานในประเด็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ในกรณีของสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่พุ่งดีดกลับมาที่ ๗๐ เหรียญ หลังจากต่ำไปจุดต่ำสุด ๓๕ เหรียญ อันเป็น"ข้อเท็จจริง"ที่สวนแนวทางตามทฤษฎีที่ปรากฎเป็นนโยบาย"เพิ่มภาษีน้ำมัน" ที่"กรณ์ จาติกวณิช"ยอมรับว่า ประเมินผิดพลาด..

ที่ร่องรอยนี้ ดูจะมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับ พรก.ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ที่ถูก สว.คว่ำกลางสภา แต่ไม่คว่ำ พรก.กู้เงิน ๔ แสนล้าน โดยรัฐบาลก็น้อมรับการคว่ำ พรก.ดังกล่าว..เพราะมันหมายถึง"ทางลง"ที่ไม่น่าเกลียด ที่ดีกว่าปล่อยให้ถลำเข้าไปสู่ "ข้อหา"การดำเนินนโยบายผิดพลากกรณีน้ำมันทำให้เสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ ที่สำคัญ เสียหายต่อ เครดิตของรัฐบาล ที่ถูกคาดหวังในเรื่องนี้..เพราะอย่าลืมว่า ห้วงเวลาที่ราคาน้ำมันโลกอยู่ในระดับต่ำสุด รัฐบาลที่อยู่ในภาวะ"ใช้เงิน"ไปกับ"ประชานิยม"ห้วงต้นๆ(ภายใต้เหตุผล แจกช่วยชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ) จำเป็นต้องการ"หาเงิน"จึงตัดสินใจ"ขึ้นภาษีน้ำมัน"เพื่อมาชดเชยรายได้ (ที่สุดก็ไม่เป็นผล เพราะ คนยังคงไม่กล้าจับจ่ายใช้เงิน..แม้ว่าห้วงเวลานั้นน้ำมันจำราคาถูก..มิพักต้องกล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่น้ำมันดีดกลับมาแพงอีกครั้ง ที่ทำให้สถานการณ์หนักซ้ำกว่าเดิม)
กระนั้น เมื่อปรากฎ"ร่องรอย"นี้ก็ต้องไปดูที่ข้อสังเกตที่น่ารับฟังในปรากฎการณ์ ที่มีเสียงพึมพำดังๆว่ามีการ"ล็อบบี้"กันอย่างหนัก ออกมาจากที่ประชุมวุฒิสภาคืนวันสุดท้ายก่อนลงมติ พรก.๔แสนล้าน ในขณะที่ พรบ.งบประมาณ ๒ ฉบับยังคง"ค้างเติ่ง"การพิจารณา ..

ที่ดูเหมือนจะมาเกี่ยวข้องกับ ร่องรอยแห่งผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ที่ฟัดกันระหว่าง"เพื่อไทย"และ"ภูมิใจไทย"ที่ว่ากันว่าส่งผลกระทบกับ"น้ำหนัก"ของภูมิใจไทยในการเป็น"ตัวแปร"ในรัฐบาล...

ที่"ผล"ดังกล่าว มีการเชื่อมโยงถึง..การขยับตัวของ"พรรคการเมืองใหม่"(พันธมิตร)และ สว.พันธมิตร ที่ เคลื่อนไหวไปพร้อมๆกับ การเคลื่อนขบวนของสหภาพรถไฟ ที่ประกาศหยุดการเดินรถเพื่อค้านต่อนโยบายแก้ปัญหากิจการรถไฟของรัฐบาล ที่เกิดขึ้นแบบฉับพลันทันทีโดยที่"แกนนำสหภาพ"อย่าง"สุวิทย์ แก้วหวาน"ที่ประชุมอยู่ประเทศสวิสแลนด์ไม่รู้เรื่องล่วงหน้า..

ที่ต่อมาปรากฎ ร่องรอยของการเรียกร้องเงิน ๒,๐๐๐ บาทให้กับพนักงานที่มีรายได้ ๕ หมื่นบาทขึ้นไป ของ การไฟฟ้านครหลวง,การปะปานครหลวง ฯลฯ ที่อยู่ใต้สังกัดมหาดไทยของ"บุญจง วงศ์ไตรรัตน์"แห่งพรรคภูมิใจไทย ร่องรอยแห่ง"ความขัดแย้ง"ที่ก่อตัว ระหว่าง"ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์"แห่งรวมใจไทยชาติพัฒนา กับ"กรณ์ จาติกวนิช"กรณี"หวยออกนไลน์" ที่เป็น"ร่องรอยเดิมๆ"ที่เสริมต่อจากร่องรอย ความขัดแย้งจาก การบริหารงานระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคร่วมรัฐบาล ที่เกิดขึ้นพร้อมๆแรงกระเพื่อมของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ปราศจากตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์..

ดังนั้นไม่แปลกที่"ร่องรอย"ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ จะถูกประมวลมาผสมปนเปเข้ากับปรากฎการณ์แห่งการชุมนุมใหญ่ของ นปช.คนเสื้อแดง และปรากฎการณ์แห่งข่าว"น่ากลัว"ใน"แผนตากสิน๒"..ทั้งที่ฝ่าย"เสื้อแดง"เองก็ยังไม่ทราบถึงแผนยุทธวิธีในท่วงทำนอง"รุกฆาต"ต่อ"อำนาจรัฐ"ดังกล่าว..นอกจาก กระบวนยุทธ แห่งการ"เผาหัว"กระจาย"ข้อมูล"ความรู้ทางการเมือง..แบบ"ซุ่มซ่อน..รอคอย"ความอิ่มตัวของสถานการณ์"ขัดแย้ง"ไปเรื่อยๆ

ร่องรอย..ในท่วงทำนอง..การปล่อยข่าวแผน"ตากสิน๒"จึงถูกนำมาวิเคราะห์เชื่อมโยงกับ ภาพกองกำลังผสมของรัฐบาล ภายใต้"ศัตรูร่วม"เดียวกัน(ทักษิณ) ภายใน"อำนาจรัฐ" ที่จะใช้ประเด็น"เสื้อแดง"เป็นสถานการณ์"กลบเกลื่อน"ในร่องรอยสำคัญบางประการ ขณะเดียวกัน ก็เป็นการ"เปิดทาง"ไปสู่"ฉากรบ"ในการเข้าจัดการ เพื่อนำสู่"สถานการณ์"อีกระดับ และนำไปเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความไม่สงบ ๓ จังหวัดชายแดนใต้(พล.อ.อนุพงศ์ ไปซุ่มซ่อนดูสถานการณ์) และ สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร(นายสุเทพ-พล.อ.ประวิตรไปเจรจา ท่ามกลางความคุกรุ่นในท่าที) ที่งบประมาณ"ด้านความมั่นคง"และงบลับทางการทหาร กำลังถูกพิจารณาอย่างด่วน เพื่อส่งผ่าน พรบ.ความมั่นคง ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.วันอังคาร(๓๐มิ.ย.)

โดย อาทิตย์




Create Date : 08 ตุลาคม 2552
Last Update : 8 ตุลาคม 2552 22:10:05 น. 0 comments
Counter : 437 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สุริยาอัสดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เปิดโลกด้วยแสงแห่งปัญญา
Thaiflood
Friends' blogs
[Add สุริยาอัสดง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.